Ford Everest รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบ และพัฒนามาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายสำหรับครอบครัว เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทั้งการขับบนถนนและแบบออฟโรด Everest ทุกคันถูกผลิตขึ้นที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) และจัดจำหน่ายไปมากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก


การเดินทางของ Everest 1 คัน จากสายการผลิตไปจนถึงส่งมอบรถถึงมือลูกค้านั้นมีขั้นตอนที่น่าทึ่งมากมายที่ผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและความละเอียดแม่นยำ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI เทคนิคการประกอบรถยนต์ที่พิถีพิถัน ไปจนถึงการทดสอบสมรรถนะที่เข้มข้น และนี่คือ 10 เรื่องราวเบื้องหลังการผลิต ที่จะทำให้คุณรู้จักรถยนต์คันนี้ได้มากขึ้น
...

ทุกๆ 2 นาที จะมีรถ Ford Everest หนึ่งคันผลิตออกมาจากสายการผลิตที่โรงงานเอเอที
หุ่นยนต์ที่ใช้ มีทั้งแบบหุ่นยนต์ปฏิบัติงาน 320 ตัว และหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน 25 ตัว ทำงานในสายการผลิตและประกอบตัวถัง เพื่อรักษาปริมาณการผลิตให้คงที่อยู่เสมอ

การเคลือบป้องกันสนิม ตัวถังของ Everest ทุกคันมีจุดเชื่อมมากกว่า 3,600 จุด จึงต้องผ่านกระบวนการเคลือบกันสนิมด้วยการจุ่มตัวถังลงในอ่างสารเคมี 10 ครั้งก่อนเข้าสู่กระบวนการพ่นสี
กล้อง AI ในการผลิต มีมากกว่า 30 ตัว ทั้งในการผลิตตัวถังและกระบวนการประกอบชิ้นส่วนห้องโดยสาร การติดตั้งแชสซี และการตรวจเช็ครายละเอียดขั้นสุดท้ายก่อนออกจากสายการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรับรองคุณภาพในกระบวนการผลิต

การทดสอบสมรรถนะ Everest ทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบการขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ อาทิ การทดสอบเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน การทดสอบบนถนนขรุขระ โดยรถแต่ละคันจะต้องผ่านครบทุกการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบก่อนจึงจะได้รับการอนุมัติให้ส่งมอบรถออกไปทั่วโลกได้

ตรวจสอบการรั่วซึมของอากาศ Everest ที่ออกจากสายการผลิตทุกวันจะถูกสุ่มตรวจสอบการรั่วซึมของอากาศ โดยจะสูบอากาศเข้าไปในห้องโดยสาร และใช้เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้รอบตัวรถตรวจวัด เพื่อให้มั่นใจว่ารถจะไม่มีการรั่วซึมเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนด
...

การตั้งศูนย์ล้อและพวงมาลัย Ford ทดสอบการตั้งศูนย์ล้อและพวงมาลัย รวมถึงตรวจเช็กให้ไฟหน้าส่องสว่างในทิศทางและระยะที่ต้องการ โดยจะสุ่มจากรถทุกรุ่นย่อย ที่ออกจากสายการผลิตทุกวัน โดยใช้เลเซอร์และกล้องหลายตัวในการตรวจสอบการตั้งศูนย์ล้อและไฟหน้า ขณะเดียวกันการทดสอบการตั้งศูนย์พวงมาลัยจะแสดงให้เห็นว่าพวงมาลัยตรงกับล้อและรถเคลื่อนตัวตรงหรือไม่

การทดสอบด้วยน้ำ เป็นหนึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพที่สำคัญ ซึ่งรถทุกคันจะถูกฉีดน้ำแรงดันสูงทุกทิศทางนาน 5 นาที เพื่อจำลองสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ จากนั้น ทีมงานจะตรวจสอบทุกรายละเอียด ตั้งแต่ตรวจสอบไฟท้าย ไฟหน้า และไฟตัดหมอกด้วยสายตา เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีน้ำรั่วซึมผ่านเข้าไปรถ จากนั้นทีมงานจะเปิดประตูทุกบานเพื่อตรวจสอบขอบยางว่ามีการรั่วซึมของน้ำหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นห้องโดยสารยังคงแห้งสนิท โดยจะใช้หัววัดพิเศษที่สามารถส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความชื้น นอกจากนี้ น้ำที่ใช้ในการทดสอบไม่ได้ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในการทดสอบครั้งถัดไป
...

การตรวจสอบคุณภาพขั้นสูง Everest ทุกคันจะได้รับการตรวจสอบโดยทีมงานที่ใช้กล้องความละเอียดสูง และอัลกอริทึม AI เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องทุกจุดอย่างละเอียด เช่น การตรวจสอบสติกเกอร์ ตราสัญลักษณ์ ชิ้นส่วนที่หายไป ชิ้นส่วนที่เกินมา ชิ้นส่วนที่ไม่ถูกต้อง ชิ้นส่วนที่ประกอบไม่เรียบร้อย หรือแม้แต่สีที่ไม่ตรงตามการควบคุมคุณภาพ
การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่โรงงานเอเอทีใช้พลังงานแสงอาทิตย์ จากหลังคาโซลาร์เซลส์ และนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำที่อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 นี้ ซึ่งถ้าแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14 เมกะวัตต์ และจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10,236 ตันต่อปี ทำให้การผลิต Ford Everest เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
...