หนี้ครัวเรือน หนี้บัตรเครดิต แบล็คลิสสถาบันการเงิน ตกงาน หรือรายได้ลดลง รายจ่ายกลับเพิ่มขึ้น หาเงินไม่ได้เท่าเดิม ทั้งหมดทั้งปวงกลายเป็นวงจรอุบาทที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจของไทย และส่งผลกระทบโดยตรงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างหนักหน่วง ตัวเลขยอดขายที่ดิ่งวูบ ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ดูเหมือนจะเร่งทำตลาดในไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ ท่ามกลางคาบเวลาที่ไม่ค่อยจะดีนัก แม้จะมีรถใหม่จากแบรนด์รถยนต์จีนเปิดตัวแทบจะทุกอาทิตย์ แต่ตัวเลขยอดขายก็สวนทางกับความมุ่งมั่นของบริษัทรถยนต์ในแดนมังกรที่ได้เปรียบเรื่องอัตราภาษี สุดท้ายขายแทบไม่ได้ก็ต้องลดราคาลงมาเรื่อยๆ สร้างชาวดอยรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้น
...
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ Toyota Motor Thailand รายงานสถิติตัวเลขยอดขายรถยนต์ประจำเดือนตุลาคม 2567 โดยมียอดขายตลาดรวม 37,691 คัน ลดลงถึง 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 15,559 คัน ลดลง 29.7% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 22,132 คัน ลดลงถึง 39.9% รถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 13,347 คัน หล่นหนักกู่ไม่กลับที่ 42%
...
ตลาดรถยนต์เดือนตุลาคม 2567 มียอดขาย 37,691 คัน ลดลง 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขาย 15,559 คัน ชะลอตัวที่ 29.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ยอดขาย 22,132 คัน ชะลอตัวที่ 39.9% รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 13,347 คัน ลดลง 42% รถยนต์ xEV มียอดขายทั้งหมด 12,243 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 32% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด รถยนต์ HEV ทำยอดขายได้ 7,300 คัน ลดลง 21% ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ หรือยานยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน BEV อยู่ที่ 4,130 คัน ลดลง 47%
...
...
ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคม แต่คาดว่าอัตราการเติบโตยังคงลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง รวมถึงรถยนต์รุ่นใหม่ และโปรโมชันการขายที่น่าสนใจจากหลากหลายค่ายรถยนต์ ที่จะถูกนำเสนอใน “งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 Thailand International Motor Expo 2024” ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงปลายปี
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตุลาคม 2567
ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 37,691 คัน ลดลง 36.1%
อันดับที่ 1 Toyota 15,162 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.2%
อันดับที่ 2 Isuzu 6,092 คัน ลดลง 44.4% ส่วนแบ่งตลาด 16.2%
อันดับที่ 3 Honda 4,137 คัน ลดลง 43.4% ส่วนแบ่งตลาด 11%
ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 15,559 คัน ลดลง 29.7%
อันดับที่ 1 Toyota 5,210 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 2 Honda 3,359 คัน ลดลง 3% ส่วนแบ่งตลาด 21.6%
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,439 คัน เพิ่มขึ้น 93.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 22,132 คัน ลดลง 39.9%
อันดับที่ 1 Toyota 9,952 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 45%
อันดับที่ 2 Isuzu 6,092 คัน ลดลง 44.4% ส่วนแบ่งตลาด 27.5%
อันดับที่ 3 Ford 1,316 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.9%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
(Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 13,347 คัน ลดลง 42%
อันดับที่ 1 Toyota 5,787 คัน ลดลง 38% ส่วนแบ่งตลาด 43.4%
อันดับที่ 2 Isuzu 5,204 คัน ลดลง 46.5% ส่วนแบ่งตลาด 39%
อันดับที่ 3 Ford 1,316 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง
(ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,451 คัน
อันดับที่ 1 Isuzu MU-X 1,007 คัน
อันดับที่ 2 Toyota Fortuner 748 คัน
อันดับที่ 3 Ford Everest 509 คัน
อันดับที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport 136 คัน
อันดับที่ 5 Nissan Terra 51 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 10,896 คัน ลดลง 41.6 %
อันดับที่ 1 Toyota Hilux REVO 5,039 คัน ลดลง 34% ส่วนแบ่งตลาด 46.2%
อันดับที่ 2 Isuzu D-MAX 4,197 คัน ลดลง 49.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
อันดับที่ 3 Ford Ranger 807 คัน ลดลง 52.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567
ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 476,350 คัน ลดลง 26.2%
อันดับที่ 1 Toyota 182,380 คัน ลดลง 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%
อันดับที่ 2 Isuzu 71,361 คัน ลดลง 45.6% ส่วนแบ่งตลาด 15%
อันดับที่ 3 Honda 62,448 คัน ลดลง 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 13.1%
ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 185,421 คัน ลดลง 23.3%
อันดับที่ 1 Toyota 54,033 คัน ลดลง 36.1% ส่วนแบ่งตลาด 29.1%
อันดับที่ 2 Honda 37,340 คัน ลดลง 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 20.1%
อันดับที่ 3 Mitsubishi 15,179 คัน เพิ่มขึ้น 13.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 290,929 คัน ลดลง 28%
อันดับที่ 1 Toyota 128,347 คัน ลดลง 5.4% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 Isuzu 71,361 คัน ลดลง 45.6% ส่วนแบ่งตลาด 24.5%
อันดับที่ 3 Honda 25,108 คัน ลดลง 15.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
(Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 166,851 คัน ลดลง 40.2%
อันดับที่ 1 Toyota 76,419 คัน ลดลง 30.2% ส่วนแบ่งตลาด 45.8%
อันดับที่ 2 Isuzu 62,016 คัน ลดลง 47.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.2%
อันดับที่ 3 Ford 17,420 คัน ลดลง 44.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง
(ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 29,395 คัน
อันดับที่ 1 Toyota Fortuner 10,282 คัน
อันดับที่ 2 Isuzu MU-X 10,203 คัน
อันดับที่ 3 Ford Everest 6,647 คัน
อันดับที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport 1,889 คัน
อันดับที่ 5 Nissan Terra 374 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 137,456 คัน ลดลง 39.5%
อันดับที่ 1 Toyota Hilux REVO 66,137 คัน ลดลง 27% ส่วนแบ่งตลาด 48.1%
อันดับที่ 2 Isuzu D-MAX 51,813 คัน ลดลง 48.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 3 Ford Ranger 10,773 คัน ลดลง 49.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%