ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่า มันจะมีอะไรยิ่งใหญ่หนักหนา กับไอ้การที่ญี่ปุ่นจะทำรถสปอร์ตมาสู้กับแบรนด์ดังจากยุโรป? ก็ขอให้พาตัวเองย้อนไปในอดีตสักนิด ปี 2024 นี้ สปอร์ตญี่ปุ่นกินยุโรป ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในปี 1985 ตอนที่ มาร์ตี้ แม็คฟลาย ขึ้นยานเจาะเวลาครั้งแรก และพ่อคุณยังโทรจีบสาวด้วยตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ สปอร์ตญี่ปุ่น มีภาพลักษณ์ไม่เหมือนทุกวันนี้ ถึงแม้โลกจะมีรถอย่าง Nissan Z มาตั้งแต่ยุค 70s แล้ว แต่ฝรั่งยังมองสปอร์ตญี่ปุ่นเป็นของที่ อืม..สวยนะ ราคาดี อยู่แค่สองเหตุผลนี้ แต่ลองคิดดูครับว่า ตอนที่คอมมิวนิสต์โซเวียตใกล้แตก Honda เอารถมาขายฝรั่งแล้วคิดราคาแบบ “เพิ่มอีกนิดตรูได้ Porsche 911 แล้ว ลองนึกดูว่ามันต้องใช้ความพยายามขนาดไหนกันล่ะครับ.... 

Honda Type R 1998–2001
Honda Integra Type R DC2 ปรมาจารย์ด้านการซิ่งแบบลากรอบลากเครื่องของญี่ปุ่น Honda ผู้พัฒนา Type R ลงมือ ปรับแต่งเพื่อยกระดับวิศวกรรมยานยนต์ที่มาพร้อมกับความแม่นยำในการควบคุม Type R ไม่ใช่แค่ Honda ธรรมดาที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่าและสปริงที่แข็งขึ้นอย่างหยาบๆ มันเป็นรถของนักซิ่งบวกรายละเอียดที่พิถีพิถัน เบาะน้ำหนักเบา หัวเกียร์ไททาเนียม เครื่องยนต์ที่ปรับสมดุลด้วยมือล้วนๆ โครงตัวถังที่เสริมความแข็งแรง ฉนวนกันเสียงที่บางลง นั่นคือสิ่งที่ Honda จะได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างรถคูเป้แจ่มๆ สักรุ่น

...

...

นี่คือรถแบบที่สะท้อนรสนิยมด้านการขับขี่ การออกแบบ และวิศวกรรมของ Honda ในยุค 90s ได้ดีที่สุดคันหนึ่ง โดยถ้าว่ากันในเรื่องระดับคลาสของรถ Integra จะอยู่สูงกว่า Civic เล็กน้อย ความเด่นของรถโฉมแรกที่ออกสู่สายตาสาธารณะในปี 1993 นั้นคือ ไฟหน้า 4 ตาดวงเล็ก ซึ่งดูคล้าย Alfa Romeo GTV คูเป้อิตาลีที่เผยโฉมในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งไฟหน้านี้ล่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้มันเด่น แต่กลับเป็นจุดด้อยในสายตาลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่ค่อนข้างแอนตี้ความแปลก จึงเป็นเหตุให้ Honda ต้องออกแบบส่วนหน้าของรถใหม่ กลับไปใช้ไฟหน้าแบบเส้นตรงธรรมดาแทนในภายหลัง มี Type R ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น เช่น Civic EK9 ปี 1997 คันเล็ก หรือ Civic FD2 และ Integra ที่วัยรุ่นบ้านเราให้ความเคารพนับถือ หรือแม้แต่ขาใหญ่สูงวัยอย่าง Honda NSX Type R อันงดงามหมดจด ส่วนรถบ้ารอบที่น่าดึงดูดใจมากอีกรุ่นก็คือ Honda S2000 roadster สมรรถนะของมันคู่ควรจะเป็น Type R แต่ Integra Type R DC2 ที่มีไฟหน้าสี่ดวง สมควรที่จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่มีการควบคุมดีที่สุดตลอดกาล พวงมาลัยโคตรคมชัด ยางแก้มเตี้ยกับช่วงล่างตึงตังและเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เป็นการวางรากฐานของรถ Type R ส่วน Civic EP3 breadvan ทำให้ Type R กลายเป็นรถซิ่งกระแสหลักของญี่ปุ่น รูปลักษณ์ของ Honda Type R เปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เหมือนสไตล์การแต่งตัวของพวกวัยรุ่น Type R ทุกคันมีกลไกที่ซับซ้อนซึ่งตอบสนองได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะ Civic Type R 2.0 เทอร์โบ FL5 โฉมปัจจุบันที่มีลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ที่ดุดันและยึดเกาะถนนได้ดี เป็น Type R รุ่นใหม่ที่ทรงพลังมากกว่าเดิมด้วยการเอาเปรียบเชิงกล

...

Nissan GT-R 
Nissan GT-R R34 V-Spec ปี 1999
เมื่อ Nissan เปิดตัว Skyline GT-R R32 ในปี 1989 ในฐานะรถถนนที่ทรงอานุภาพ R32 รุ่นนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งเรือนร่างและสมรรถนะ ส่วน R33 รุ่นต่อมาก็ทำได้ดีพอสมควร ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้นนิดเดียว แต่เป็นรถสปอร์ตที่ทำออกมาสำหรับขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม แรงยึดเกาะ ฟิลลิ่งดิบๆในบางจังหวะ แรงดึงมหาศาลในรอบกลาง และความตื่นเต้นเมื่อความเร็วทะลุ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

...

GT-R R34 เป็น Skyline ที่มีคนต้องการมากที่สุด ตัวถังทรงเหลี่ยม ด้วยขนาดที่เล็กลง เบาขึ้น องคาพยบทั้งหมดถูกจูนให้ดีกว่า เครื่องยนต์ 6 สูบในตำนาน ให้กำลัง 600 แรงม้าในสนามแข่ง R34 มักจะถูกนำไปแต่งถึง 1,000 แรงม้า ทุกล้อควบคุมและขับเคลื่อนด้วยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ Skyline GT-R R32 ยุติสายการผลิตในปี 2002 ส่วน Skyline GT-R R35 ที่โผล่ออกมาในปี 2007 กลายเป็นรถ GT-R ที่ลากขายนานสุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน GT-R โฉมใหม่เปลี่ยนเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ เป็น V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เกียร์ DCT 7 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและอัตราเร่งที่ดุเดือดเลือดพล่านมากกว่า

Mitsubishi Evo
Mitsubishi Evo VI ปี 1999 Tommi Mäkinen
Evo และ Impreza เป็นคู่ปรับกันที่บดบี้กันอย่างสูสีบนเวที WRC ทั้งสองรุ่นครองตำแหน่งเจ้าแห่งทางฝุ่นร่วมกันในช่วงยุค 90 และยังคงครองตำแหน่งรถที่วิ่งได้เร็วจี๋ด้วยเครื่องยนต์ตัวเล็ก Evo ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ รายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงเมื่อดูจากคำว่า 'evo' ก็คือตัวกระจายแรงบิด แอโรไดนามิกที่สวยงาม การทำงานของเครื่องยนต์/แชสซี ที่พิถีพิถัน รถ Mitsubishi รุ่นนี้มีความเฉียบคมกว่า Subaru Impreza สำหรับล Mitsubishi Evolution ทุกรุ่นมีแค่ทรง 4 ประตู ซีดาน ยกเว้น Evo 9 wagon ที่แปลกประหลาดและหายาก Evo จนถึงรุ่น III มีจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่น รุ่นคลาสสิกคือรุ่น IV ถึง VI สำหรับรุ่น VI Tommi Mäkinen ถือเป็น Evo ที่โดดเด่น ส่วนรุ่น VII ถึง IX มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น Evoรุ่น FQ ที่เร็วและแผดเสียงท่อจนแสบแก้วหู Evo X เป็นอีกรุ่นที่วางเครื่องยนต์ใหม่ รวมถึงระบบส่กำลัง DCT

Toyota MR2
Toyota MR2 ZZW30 Roadster เกียร์ธรรมดา ปี 2000–2006
MR2 AW11 ปี 1984 เป็นรถที่มีความละเอียดอ่อน เฉียบคม และเป็น Toyota ผู้บุกเบิกที่มีความเชื่อมโยงกับแบรนด์รถอังกฤษอย่าง Lotus เป็นรถที่มีเครื่องยนต์อยู่กลางลำรุ่นแรกของญี่ปุ่น สำหรับ SW20 เป็น MR2 รุ่นที่สองที่มีขนาดใหญ่และหนักกว่า การควบคุมที่ฉับไวและน้ำหนักด้านหน้าที่ค่อนข้างเบา ทำให้ต้องระวังเวลาใช้ความเร็วสูง  การปรับแก้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ MR2 Roadster ZZW30 มีขนาดเล็กลง น้ำหนักไม่ถึงหนึ่งตันส่งผลให้ ZZW 30 ขับสนุก แต่ด้วยความคับแคบและความไม่สะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน ทำให้ Roadster สองที่นั่งเริ่มขายลำบากขึ้นเรื่อยๆ การมาถึงของเอสยูวีคันโตก็ยิ่งทำให้ตลาดรถสปอร์ตเปิดหลังคาไซล์เล็กต้องพบกับหนทางที่ตีบตัน 

 Mazda RX-7
Mazda RX FD ปี 1992–97
กำลังมองหาโรตีอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่อยากปวดหัว ก่อนซื้อก็ลองตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์อีกครั้ง หากเจ้าของเดิมดูแลอย่างดีแล้ว เครื่องยนต์โรตารี่จะมีการทำงานที่เชื่อถือได้และนุ่มนวลอย่างเหลือเชื่อ และ RX-7 MkI SA22C/FB ก็เป็นรถสปอร์ตในช่วงปลายยุค 60 ที่ดูดีเอามากๆ RX-7 FC รุ่นถัดมาในปี 1985 เทียบได้กับ Porsche 944 นั่นทำให้เกิดเรื่องราวที่กลายมาเป็นตำนาน จริงๆแล้วเครื่องโรตารี่จะมีแรงบิดสูงเมื่อติดตั้งระบบอัดอากาศ และเทอร์โบคู่แบบซีเควนเชียลของ RX-7 FD3S ปี 1991-1997 ก็ทำให้ FD เป็นรถที่มีการปรับแต่งทุกอย่างได้อย่างถูกต้องลงตัว ในยุค 90 ด้วยสไตล์ที่ล้ำอนาคต น้ำหนักเบา ตัวถังแข็งแกร่งสวยงาม การตอบสนองที่เฉียบคมและเสียงของเครื่องโรตารี่ทำให้ RX-7 FD เป็นรถสองที่นั่งที่ทั้งหล่อและเร็ว แตกต่างจาก RX-8 ปี 2001 ที่มีเครื่องสูบหมุนหายใจเองที่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะหดหาย ความสึกหรอที่มากกว่าเครื่องสูบชัก อาการยกซดที่พอจะรับกันได้สำหรับขาแรง แต่มลพิษมหาศาลที่ปล่อยออกมา ทำให้ RX โรตารี่เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของสายพันธ์ุสปอร์ตเครื่องสูบหมุนไปอย่างน่าเศร้าใจ

Toyota Supra
Toyota Supra A80 Turbo ปี 1993 (สเปกอังกฤษ)
เมื่อหมุนเวลากลับไปในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นกำลังรุ่งเรืองสุดขีด การถือกำเนิดของ Toyota Supra A40/A50 ในปี 1978–81 ทำให้เกิดเรื่องราวตามมามากมาย นักเลงรถหลายคนมองว่ามันเป็นรถ Toyota Celica ที่มีส่วนหน้ายาวเหยียดสำหรับวางเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง จากนั้น Supra A60 สุดสวยก็โผล่ออกมาพร้อมกับเทคนิคใหม่ ด้วยไฟหน้าแบบแบบป๊อปอัปสุดเท่ จริงๆแล้ว Supra A70 แตกต่างจาก Celica ตรงที่เครื่องยนต์ + เทอร์โบ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันจริงจังแค่ไหนในการเจาะตลาดวัยรุ่นที่ชอบรถสปอร์ต หลังจากนั้น Supra A80 ปี 1993 ขุมกำลังเบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ก็จุดประกายให้เหล่านักซิ่งหันมามอง A80 สามารถทำลายขีดความสามารถของรถคู่แข่งจนราบคาบ เมื่อจูนเต็ม A80 เคยเร่งความเร็วแล้วแซงหน้าเฟอร์รารี่เครื่องยนต์ V8 รุ่นปัจจุบันมาแล้ว A80 ยังถูกวิเคราะห์ว่าทำได้ดีกว่า E36 M3 บนทางโค้ง ขุมกำลัง2JZ GTE เบนซิน 6 สูบแถวเรียงเทอร์โบ เป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญสามารถปรับแต่งเพิ่มแรงม้าได้อย่างเหลือเชื่อ ตอบสนองต่อยุคคลั่งความเร็วทางตรงได้อย่างดีเยี่ยม ตามด้วยหนังไตรภาคอย่าง fast and furious ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์สายซิ่งยุค 90 การจากไปของ Paul Walker ทำให้ Supra A80 กลายเป็นรถพระเอกตลอดกาล 

Subaru Impreza
Subaru Impreza RB5 ปี 1999
Impreza รถขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพ สีน้ำเงินหรือสีเทา พร้อมล้อสีทองและซุ้มล้อกว้าง นี่คือ Impreza Turbo รุ่นแรกในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 และมีอายุถึง 25 ปี แต่ยังคงมีความมหัศจรรย์เฉพาะตัว เริ่มจากความนุ่มนวลในรถ RB5 รุ่นแรก แต่รุ่นต่อมาจะแข็งแกร่งขึ้นและยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น RB5 ทุกคัน มีความสมดุลและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ จากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร พวงมาลัยที่คมกริบจนทำให้นักขับมากประสบการณ์ต้องประหลาดใจ การควบคุมนั้นง่ายกว่าที่คิด แต่ STi ในปัจจุบันกลับเป็นรถแรงที่ขับง่ายกว่าเยอะ!

แม้ว่าตัวถังจะสวยงาม แต่สิ่งที่กำหนดนิยามของตัวขับสี่อย่าง Impreza ก็คือ เครื่องยนต์สี่สูบนอน ความเร็วที่พุ่งพล่าน และความคล่องแคล่วว่องไวที่ไม่เป็นรองใคร RB5 เริ่มต้นด้วยแรงม้ามากกว่า 200 ตัวเล็กน้อย แต่ไม่นาน ความเสี้ยนเต็มเหนี่ยวทำให้ WRX STI มีกำลังพุ่งไปถึง 300 แรงม้า แต่อาการเทอร์โบแลคกลับแก้ปัญหาไม่ตก ความล่าช้าของเทอร์โบกลายเป็นเรื่องตลกร้ายของ Impreza สุดท้าย รถรุ่นนี้ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลกในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษ เมื่อการมีส่วนร่วมของผู้ผลิตและผู้ชมจำนวนมากที่ชื่นชอบการแข่งรถแบบแรลลี่ ทำให้เกิดการส่งเสริมและพัฒนารถเก๋งขับเคลื่อนสี่ล้อแดนปลาดิบอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Impreza 22B ก็โผล่ออกมา พร้อมกับคนมือซนใน Prodrive ที่ลงมือจูนเครื่องสูบนอนจนมีพลังงานมหาศาล 22B สองประตู เป็น Im ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตนักซิ่ง ต่อมา ค่ายจูนรถฝีมือขั้นเทพอย่าง Cosworth ก็ทำแมวปีศาจ Impreza CS400 ออกมาให้โลกตกตะลึงกับความแรง!

Honda NSX
Honda NSX เกียร์ธรรมดา รุ่นหลังปี 2002
NSX เป็นรถที่สอนให้ Ferrari ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากรถสปอร์ตญี่ปุ่น Honda เปิดตัว NSX ในขณะที่ Ferrari กำลังขึ้นไลน์ผลิต F 348 TB ซึ่งเป็นรถที่ดุดันเอาเรื่อง เครื่องยนต์ซับซ้อน กินเชื้อเพลิงและดูแลรักษาค่อนข้างยาก ทำให้ NSX เสื่อมความนิยมลงจนไม่ได้ไปต่อ หลังจากนั้น สิ่งที่เลอค่าเริ่มถูกมองเห็น NSX ถือเป็นซูเปอร์คาร์แห่งต้นทศวรรษ 1990 อย่างแท้จริง บรรดาคนเล่นรถคลาสสิกมองว่าทรงของมันนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างมาก รูปลักษณ์และการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเป็นจุดเด่นที่ไม่อาจมองข้าม วิศวกรของ Honda ให้ความสำคัญกับชิ้นส่วนที่ซับซ้อนซึ่งทำงานประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม NSX ใช้ตัวถังอลูมิเนียม ระบบกันสะเทือนอลูมิเนียม มีโครงยึดโคตรซับซ้อนซึ่งต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญจริงๆถึงจะซ่อมได้ ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมการลื่นไถล ทำให้ประสิทธิภาพของมันเหมาะกับพวกเศรษฐีมือใหม่อีกตะหาก

ที่สำคัญที่สุดคือ เครื่อง VTEC V6 สุดเท่ กำลัง 274 แรงม้า ไม่สูงจนเกินไปในห้วงเวลานั้น เครื่องยนต์หมุนจิ้ดจนถึงขีดจำกัดที่ 8,300 รอบต่อนาที พร้อมความเพลิดเพลินไปกับการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมือนการทำงานของนาฬิกาแกรนด์ไซโก้ NSX ขายได้ 18,000 คันทั่วโลกในห่วงระยะเวลา 15 ปี ส่วน 911 Carrera ทำตัวเลขนั้นได้ภายในเวลาไม่เพียงแค่ไม่กี่เดือน เศรษฐีจำนวนมากไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อตราสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น และสถิติมอเตอร์สปอร์ตอันน่าทึ่งของ Honda ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คนมีเงินรู้สึกประทับใจ ดังนั้น Honda จึงยุติเส้นทางของรถสปอร์ตเครื่องวางกลางที่สวยที่สุดรุ่นหนึ่งของโลกยนตรกรรม กลับมาที่ NSX  Targa รุ่นปี 1997 กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 294 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์  V6 ความจุ 3.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ช่วยให้ความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดลงเหลือต่ำกว่า 5 วินาที ในปี 2002 มีการปรับโฉม พร้อมแก้อาการทรงตัวในโค้งให้ดีขึ้น รวมถึงปรับช่วงล่างหลังใหม่ให้เกาะถนนมากกว่าเดิม ทุกวันนี้ NSX ได้พิสูจน์ตัวเองว่าถูกสร้างมาอย่างถูกต้อง หลังจากผ่านไป 34 ปี ดูเหมือนมันจะมีเรี่ยวแรงน้อยเกินไป แต่โดยรวมแล้ว ความประณีตและการใช้งานได้จริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าซูเปอร์คาร์ญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องแรงสุดกู่จนควบคุมลำบาก.

Nissan Z
Nissan 350Z GT Pack ปี 2003–2007
nissan fairlady z เริ่มต้นวงจรชีวิตในปี 1970 ด้วย Fairlady 240Z สีทอง ตามด้วย 300ZX ที่ขายดีมากแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร 300ZX ในช่วงกลางยุค 80 ถือเป็นจุดตกต่ำของ Z ในปี 1990 ท่ามกลางกระแสรถสปอร์ตสัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดัง Z ก็กลับมาผงาดอีกครั้งด้วยรถรุ่น 300ZX พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบ เป็นรถที่สวยงามและทันสมัย ควรค่าต่อการสะสมและคุ้มค่าแก่การลองสัมผัส Nissan เปลี่ยนแนวทางอีกครั้งด้วยรถสปอร์ตที่ดูเหมือนจะทำออกมาให้คุณสุภาพสตรีใช้งาน  Fairlady 350Z ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้าย Audi TT  ตามด้วย 370Z ที่อวบอ้วนจนดูตุ๊ต๊ะเกินเหตุ!

Mazda MX-5
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ยอดขายรถเปิดหลังคาสองที่นั่ง Roadster เริ่มตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย แต่ Mazda กลับมองเห็นช่องว่างทางการตลาดนี้ MX-5 ที่ถูกส่งออกมาขายในช่วงนั้น ไม่ใช่รถแฮทช์แบ็กดัดแปลง แต่เป็นรถสปอร์ตสองที่นั่งน้ำหนักเบาหวิวที่ Mazda ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่แบบไม่รอดก็เจ๊งกันคาบ้าน ไดนามิกที่ดี ส่งถ่ายความสนุกของ MX-5 Na รุ่นแรก จนทำให้เกิดกระแสตอบรับรถเปิดหลังคาแนว Roadster อีกครั้ง Mazda ได้รับผลตอบแทนเป็นยอดขายรถสปอร์ตคันเล็กจิ่วมากกว่าหนึ่งล้านคัน นับตั้งแต่นั้นมา MX-5 ก็กลายเป็นรถขับเล่นในวันหยุดที่ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของความสวยงาม การใช้งานในชีวิตประจำวัน ความน่าเชื่อถือ และการขับขี่ที่สนุกสนาน ไม่มี MX-5 รุ่นไหนที่ทำตัวน่าผิดหวัง แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ว NB รุ่นที่สองก็ดูไม่โดดเด่นหวือหวาเท่าที่ควร ส่วนรุ่นที่ 3 NC (ปรับโฉม) ก็ตัวหนักขึ้นเนื่องจากใช้หลังคาแข็งแบบพับได้ สำหรับ MX-5 เจนเนอเรชันล่าสุด ND นั้นกลับมาทำตัวเบาอีกครั้ง พร้อมกับปล่อย MX-5 RF หลังคา Retractable hardtop สุดเท่ ออกมาให้ฮือฮากันอีกรอบ ก่อนที่จะเงียบกริบไปกับการรุกตลาดของรถไฟฟ้าจากจีนแผ่นดินใหญ่....