เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Subaru, Mazda, และ Toyota ได้ร่วมมือกันพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่ที่ทั้งสามค่ายจะใช้ต่อไปในอนาคต เครื่องยนต์ของทั้งสามแบรนด์มีขนาดที่เล็กลง ทั้งปริมาตรความจุและขนาดของตัวเครื่อง ทำงานผสมผสานกับระบบไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด ข้อสำคัญซึ่งจะเป็นไปตามมาตรฐานมลพิษก็คือ เครื่องยนต์แบบใหม่จะสะอาดขึ้น ปล่อยมลพิษต่ำ และมีประสิทธิภาพเชิงพลังงานที่ดีกว่า

...

Toyota Director, Executive Vice President และ CTO Hiroki Nakajima หัวหน้าโครงการพัฒนาขุมกำลังรุ่นใหม่ของแบรนด์สามห่วง กล่าวว่า “แนวคิดการสร้างเครื่องยนต์รุ่นใหม่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเครื่องยนต์ที่ Toyota เคยใช้ในอดีต นี่คือสิ่งที่ Toyota เรียกว่า การถือกำเนิดของเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบสนองได้ดีกว่าเดิม”

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 1.5 ลิตร (ทั้งแบบหายใจเองกับแบบมีระบบอัดอากาศ) และเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ 2.0 ลิตร ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่าในอดีต ทั้งกำลังและความคงทน รวมถึงยังปล่อยมลพิษต่ำ เป็นไปตามมาตรฐานมลพิษในอนาคต ออกแบบมาสำหรับผสมผสานกับระบบไฮบริด HEV และระบบปลั๊กอินไฮบริด PHEV เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบขับเคลื่อนสันดาปภายในในอนาคตอันใกล้ 

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร มีการนำเสนอในสองรุ่น คือ รุ่นดูดอากาศตามธรรมชาติ และอีกรุ่นเป็นแบบเทอร์โบชาร์จ รุ่นที่หายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ ลดทั้งปริมาตรและความสูงลง 10% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.5 ลิตรของ GR Corolla และ GR Yaris 

การเพิ่มกระบอกสูบอีกกระบอก ทำให้วิศวกรสามารถลดความสูงลงได้อีกนิด ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมกะทัดรัดขึ้น เพื่อให้เครื่องยนต์ปัจจุบันผ่านข้อกำหนดการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด ซึ่งกำหนดไว้สำหรับยุโรปและสหรัฐอเมริกา Toyota จำเป็นต้องลดกำลังเครื่องยนต์และใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาแพงเพื่อทำความสะอาดก๊าซไอเสีย ในทางกลับกัน เครื่องยนต์รุ่นใหม่ยังรักษากำลังเครื่องยนต์ไว้ได้ด้วยเทคโนโลยีเผาไหม้ที่ปรับปรุงใหม่ ขนาดที่กะทัดรัดยังช่วยปรับให้มุมของฝากระโปรงหน้าต่ำลง ช่วยลดแรงต้านทานของกระแสลม ส่งผลดีต่อระบบอากาศพลศาสตร์ของรถ ประหยัดน้ำมันขึ้น 12% ในรถยนต์ซีดาน

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่นใหม่ของ Toyota จะเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบหายใจเอง ซึ่งใช้ในยานพาหนะที่เน้นการบรรทุกเครื่องยนต์ใหม่ เป็นไปตามกฎระเบียบที่กำหนดให้ลดกำลังของเครื่องยนต์ที่มีอยู่ลง 30% นอกจากนี้ยังลดปริมาตรหรือน้ำหนักของตัวเครื่อง (20%) รวมถึงความสูงของเครื่องใหม่ที่ลดลงอีก 15%

...

สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร จะมีขนาดและน้ำหนักน้อยกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.4 ลิตร ถึง 10% ระบบอัดอากาศที่รุดหน้าและมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มกำลังได้ดีกว่า รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกเพื่อการบรรทุกสัมภาระหนักๆ ไปจนถึงรถสปอร์ต

...

การผสมผสานเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง กะทัดรัด และทรงพลัง เข้ากับชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า ขยายศักยภาพในการนำเสนอรถยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่ที่มีราคาไม่แพง ในอนาคต Toyota จะผลิตทั้ง BEV และ HEV รวมถึง PHEV ให้มีความครอบคลุมและเหมาะสมกับผู้คนทั่วโลก ทั้งการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ควบคู่ไปกับรถที่ยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งพ่วงกับระบบไฮบริด 

เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา Toyota จึงยังไม่ได้แจ้งข้อมูลตัวเลขแรงม้า แรงบิด อัตราสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยมลพิษ มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ของ Toyota ในอนาคต จะปั่นม้าออกมาได้มากถึง 600 ตัว อันที่จริงการทำเครื่อง 2.0 ลิตร ให้มีกำลังมหาศาลขนาดนั้น ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเคยทำสำเร็จกันมานมนานแล้ว แต่ทุกวันนี้โลกกำลังมุ่งไปสู่พลังงานไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีพลังเหลือล้นกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น และน่าจะทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะตัวเลขการปล่อยมลพิษที่สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาระบบไฮบริด เพื่อเชื่อมต่อวงจรของการลดคาร์บอนอยู่ดี เครื่องยนต์รุ่นใหม่น่าจะมีกำลังเพียงพอต่อการใช้งาน ปรับแต่งสำหรับวางในรถยนต์ที่มีความหลากหลาย ทั้งรถเก๋งและรถออฟโรด รวมถึงรถปิกอัพ มากกว่าจะมุ่งไปที่การสร้างพลังงานอย่างมหาศาลในรถสปอร์ตที่มียอดขายแค่หยิบมือเดียว

...

เครื่องยนต์ของ Toyota กำลังถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เพื่อแสวงหาความเป็นกลางทางคาร์บอน ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นมุ่งไปยังจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ผ่านการแข่งขันที่เป็นมิตร ในขณะที่ทั้งสามแบรนด์พยายามร่วมกันสร้างอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศ ให้สามารถอยู่รอดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่มีความหลากหลาย และครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทั่วโลก.