CLS53 4Matic+ รุ่นปรับโฉม ราคาพิเศษ จาก 5,888,000 บาท ราคาใหม่ 4,990,000 บาท เริ่มจากการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าแบบใหม่ AMG-specific radiator grille ทำจากพลาสติกสีดำเพื่อเน้นความดุดัน กันชนหน้า AMG แบบใหม่ A-Wing Design เชื่อมโยงรูปทรงของกันชนคล้าย AMG GT 4-Door กันชนหน้ามาพร้อมเซนเซอร์ระแวดระวังถึง 6 จุด กันชนหลังอีก 6 จุด รวม 12 จุด ครอบคลุมระยะการเดินหน้าถอยรอบคันเพื่อความปลอดภัย และทำงานร่วมกับระบบถอยหลังอัตโนมัติ parking pilot เป็นระบบใหม่ที่ไม่ต้องเปลี่ยนไปเป็นเกียร์ R เหยียบเบรก หรือเปิดไฟเลี้ยว วิงหลังทรงตูดเป็ดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมรายละเอียดของงานตกแต่งตัวถังด้วยวัสดุโลหะสีดำเงางามในรูปแบบของ night package ล้อ AMG multi spoke wheels ขอบ 20 นิ้ว ลายใหม่แบบ 20 ก้าน ท่อระบายไอเสียข้างละสองท่อคู่รวมสี่ท่อแบบรมดำ กำลัง 435 แรงม้า กับแรงบิด 520 นิวตันเมตร (แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ EQ Boost 250 นิวตันเมตร)

...

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ4MATIC+ ระบบควบคุมการกระจายแรงบิด ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ Adaptive Air Suspension หรือระบบแอร์สปริงที่ถูกปรับปรุงใหม่ 4MATIC+ ที่มีประสิทธิภาพในด้านความเสถียรของการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้าง การปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของ CLS รุ่นปรับโฉมเวอร์ชัน AMG จากรถผู้บริหารระดับสูงที่ชอบทำตัวเงียบขรึม มาเป็นรถสปอร์ตของวัยรุ่นที่ชอบความท้าทายในด้านการประลองความเร็ว เป็นงานทางวิศวกรรมยานยนต์ที่คิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมดโดยใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 5 ปี หลังจาก AMG CLS53 รุ่นแรก เปิดตัวรอบสื่อมวลชนที่เมืองบาร์เซโลนาในปี 2017

...

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกจากโรงงาน ติดตั้งไฟหน้าแบบ Full LED เป็นระบบส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพ ควบรวมเทคโนโลยีของระบบส่องสว่างแบบใหม่เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการขับตอนกลางคืนบนเส้นทางที่ปราศจากแสงไฟส่องถนน ไฟหน้าสามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถคันอื่น ชุดไฟหน้า Multibeam LED เวอร์ชันล่าสุด พร้อมฟังก์ชันระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ส่องไกล 600 เมตร ปรับไฟหน้าตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) ตอบสนองต่อการส่องสว่างบนถนนที่มืดมิดด้วยการเบี่ยงเบนแสงไฟไปยังถนนด้านหน้าและบริเวณไหล่ทางเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ รูปทรงไฟหน้าแบบเสี้ยวพระจันทร์ออกแบบให้ไฟหน้ามีเหลี่ยมมุมสอดรับกับเส้นสายบริเวณกระจังหน้า ฝากระโปรงและแก้มข้าง เพื่อสร้างความกลมกลืนและสมดุลของงานออกแบบตัวถังภายนอก ด้านข้างไหลลื่น กรอบประตูทั้ง 4 บานเดินเส้นอัลลอยสีดำ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่ง night package เน้นโทนดำ กระจกมองข้างแบบสปอร์ต พร้อมหลอดไฟเลี้ยว LED และกล้องมองภาพที่อยู่ใต้กรอบกระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตูสีเงิน บั้นท้ายออกแบบได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะความดุดันของรุ่น 53 AMG ที่มีท่อระบายไอเสียทรงกลมแบบรมดำฝั่งละสองท่อคู่ ส่วนไฟท้ายแบบใหม่ของ AMG CLS 53 ใช้หลอดไฟท้าย LED พร้อมเทคโนโลยี Fibre Optic ที่ทันสมัย

...

...

ระบบอากาศพลศาสตร์ มีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง รวมไปถึงประสิทธิภาพของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Mercedes-AMG CLS Coupé วิ่งแหวกอากาศได้ดี แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ แต่อากาศพลศาสตร์ที่ดีจากการขัดเกลารูปทรงในอุโมงค์ลมมีความสำคัญกับไดนามิก มีการปรับค่าแอร์โรไดนามิกให้ดีขึ้นจากการออกแบบทรงโค้งของหลังคา ชิ้นส่วนด้านหน้าที่ลู่ลม จากการออกแบบกระจังใหม่ กันชนหน้าใหม่ ช่องรับอากาศแบบใหม่และไฟหน้าที่แนบสนิทไปกับส่วนหน้าของรถ ทำให้ CLS เป็นซาลูนที่มีตัวเลขความลู่ลมดีเยี่ยม Mercedes-Benz เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบตัวถังที่เชื่อมโยงกับอากาศพลศาสตร์ AMG CLS 53 Coupé มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.26 (Cd 0.26) เป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงรายละเอียดของตัวรถในขั้นตอนของการพัฒนา โดยจำลองรูปทรงด้วยคอมพิวเตอร์และทดสอบในอุโมงค์ลม แพ็กเกจที่มอบความสะดวกสบายแบบ Acoustic Comfort ด้วยการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยม ความลู่ลมของ CLS ยังช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ Facelift 2022 การปรับโฉมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเติมความสมบูรณ์แบบ และถือเป็นรุ่นส่งท้ายของ CLS ก่อนที่ยุติสายการผลิต ขนาดความยาวของตัวถัง 4,988 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,422 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ วัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,939 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับ CLS รุ่นเดิมโฉมปัจจุบันที่มีความยาว 4,937 มิลลิเมตร กว้าง 1,881 มิลลิเมตร สูง 1,418 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,874 มิลลิเมตร จะเห็นว่า Mercedes-AMG CLS 53 Coupé 2022 ยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร กว้างขึ้นเล็กน้อย 9 มิลลิเมตร รวมถึงความสูงก็ยังมากขึ้นอีกนิด ฐานล้อยาวขึ้น 65 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงค์ที่มีการออกแบบให้สั้นกระชับมีส่วนทำให้เกิดความคล่องตัวเมื่อเลี้ยวกลับลำ หรือถอยจอดในพื้นที่คับแคบ ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วของ AMG เป็นล้อลาย 20 ก้านรุ่นใหม่ ที่ล้างทำความสะอาดคาลิปเปอร์เบรกสีเงินได้ยาก ต้องใช้แปรงเล็กๆ ชุบซันไลน์แหย่เข้าไปถูถึงจะสะอาด ยางติดรถยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะใส่ของดีมาให้อยู่แล้ว ยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงของ Michelin รุ่น Pilot Sport 4S ยางหน้าขนาด 245/35ZR20 ยางหลัง 275/30ZR20

ภายในสไตล์รถผู้ใหญ่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ใช้งานพวกจอภาพและปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ภายในของ AMG CLS รุ่นปรับโฉมยังคงมีมนตร์ขลังสำหรับผู้บริหารสูงวัยเสมอ สำหรับรุ่นปรับโฉม AMG CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ Facelift 2022จัดงานตกแต่งภายในที่เน้นความหรูหราเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือการเปลี่ยนพวงมาลัย AMG พร้อมปุ่มปรับโหมดแบบใหม่ที่ไฮเทคและสั่งงานได้เร็วขึ้นเพราะติดตั้งอยู่ใต้ก้านวงทั้งสองฝั่ง รวมถึงแผงควบคุมที่เปลี่ยนเป็น MBUX แบบใหม่ล่าสุด สั่งงานด้วยเสียงหรือใช้นิ้วแตะแป้นสัมผัสที่อยู่ถัดไปจากคอนโซลกลาง (บริเวณเดียวกับซุ้มเกียร์ในอดีต) วัสดุและโทนสีภายในของ CLS 53 AMG Coupé 4Matic + สร้างบรรยากาศให้มีความเป็นรถสปอร์ตควบคู่ไปกับความหรูหราน่าใช้งาน ด้วยสไตล์ของ AMG ที่สะท้อนรูปทรงไหลลื่นจากภายนอกสู่งานดีไซน์ภายใน สำหรับการแสดงผลโดยรวม ใช้จอภาพขนาดใหญ่แบบสองจอภาพเชื่อมติดกัน (จอภาพมาตรวัดและจอภาพแสดงข้อมูลส่วนกลาง) การออกแบบที่โค้งมนของแดชบอร์ดคอนโซล จากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B จุดเด่นของงานตกแต่งภายใน

พวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ที่สวยงาม ดูเข้ากับภายในของรถมากกว่าเดิม เบาะสปอร์ตของ AMG และแผงแดชบอร์ด ช่องระบายอากาศแบบเรืองแสงที่เชื่อมโยงกับไฟตกแต่งตอนกลางคืน ยิ่งทำให้มันน่าใช้งานมากขึ้นไปอีก ช่องแอร์ทำออกมาคล้ายกับกังหันเทอร์ไบน์ในเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ต มีไฟ LED เรืองแสงภายใน ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ถึง 64 สี จากฟังก์ชันการปรับตั้งที่หลากหลาย สปอร์ตซาลูน CLS Coupé มีเบาะหลังแบบสามที่นั่ง ทำให้มันเป็นรถห้าที่นั่ง แต่เบาะหลังนั่งสองคนจะสบายตัวกว่ามาก เมื่อต้องการขนสัมภาระ เบาะหลังมีการออกแบบให้พับราบในรูปแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มช่องเก็บสัมภาระขนาด 520 ลิตร คอนโซลกลางตกแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ แดชบอร์ดและแผงประตูประดับประดาด้วยงานอะลูมิเนียมสีเงินพร้อมตำแหน่งของกรวยลำโพงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสลับซับซ้อนและสง่างาม เข็มขัดนิรภัยสีแดงของ AMG เบาะครึ่งหนังเดินเส้นด้วยหนังกลับ Alcantara ตำแหน่งท่านั่งจัดวางมาดีมาก โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้อุปกรณ์

จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ทำให้มาตรวัดและจอภาพมอนิเตอร์กลางมีขนาดที่ยาวเอาเรื่อง ความคมชัดของจอภาพมาตรวัด TFT (thin film transistor) instrument cluster กับจอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสติดตั้งระบบ MBUX แบบใหม่ล่าสุด ติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานเสริมอีกเพียบ พร้อมกราฟิกการแสดงผลที่มีความคมชัด โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนมาตรวัดที่มีการแสดงผลอย่างหลากหลายเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มากกว่าเดิม ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambience lighting เป็นหลอดไฟ LED ปรับเฉดสีได้ 64 สี ช่วยสร้างบรรยากาศภายในเมื่อขับตอนกลางคืน โดยสามารถปรับสีสันได้ตามใจชอบ ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง ช่องระบายความร้อน พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services

AMG CLS 53 4MATIC+ มีงานตกแต่งภายในที่แตกต่างในด้านของรายละเอียด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ถูกเน้นหนักไปด้านอารมณ์พร้อมกับความหรูหราในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว เบาะ AMG ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ แผงคาร์บอนไฟเบอร์และงานอัลลอยสีเงินยวงประดับประดาอยู่บนแดชบอร์ด พวงมาลัย AMG ทรงสามก้านหุ้มด้วยหนังสองแบบมีรอบวงที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมาก ช่องแอร์แบบใหม่พร้อมหลอดไฟ LED ที่ตกแต่งอยู่ในช่องแอร์แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเอาชนะรถดีๆ อย่าง Audi A7 Sportback 55 TFSI Quattro เครื่องเสียงชั้นดี Burmester High-End 3D Surround-Sound system ติดตั้งลำโพง 13 ตำแหน่ง กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB / iPod / bluetooth มีความคมชัดสมจริงและเต็มไปด้วยมิติของเสียงเบส เสียงกลางและความจัดจ้านของเสียงแหลมเป็นชุดเครื่องเสียง Burmester ที่ทำกรวยลำโพงได้สวยงามสมราคา

ปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนแบบใหม่ AMG steering wheel buttons ที่เพิ่มเข้ามาให้ บริเวณด้านซ้ายคือปุ่มปรับการตอบสนองของช่วงล่างแอร์สปริง ปุ่มปิดแทรคชั่นคอนโทรล แยกย่อยเป็นปุ่มปรับการทำงานของเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ปรับได้ทั้งแบบอัตโนมัติหรือแมนนวลเต็มระบบ ส่วนปุ่มด้านขวา ใช้ปรับโหมดขับเคลื่อนต่างๆ เช่น

1-Silppley
โหมดขับเคลื่อนบนผิวถนนที่เปียกลื่น เน้นการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ช่วยให้การควบคุมทิศทางขณะฝนตกหรือผิวถนนเปียกแฉะ โดยลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า ระบบส่งกำลังจะดันอัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงเพื่อลดแรงบิดแบบฉับพลันทันทีที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล

2-COMFORT
โหมดมาตรฐานเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้งเจ้า CLS จะเข้าสู่โหมดนี้ COMFORT ออกแบบมาเพื่อการควบคุมและการตอบสนองด้วยค่าที่เป็นกลาง ใช้ขับทั้งในและนอกเมืองได้ดี คันเร่งไวกว่าโหมด Silppley แต่ยังเน้นความประหยัดสำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน คันเร่งจะหน่วงลดลงจาก Silppley แต่ไม่ไวเท่า Sport ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ แบบแอร์สปริงจะปรับให้โช้คอัพถุงลมมีความนิ่มนวลสำหรับการขับปกติ

3-SPORT
พวงมาลัยตั้งรับการขับที่เร็วขึ้นด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างกระชับรัดกุม คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้เร็วขึ้น เกียร์ 9G-Tronic คาอยู่เกียร์ 3-4-5 เพื่อเรียกแรงบิดนานเป็นพิเศษ AMG RIDE CONTROL+ จะปรับระดับความสูงให้ลดต่ำลง ปรับให้โช้คถุงลมแข็งขึ้นมาอีกนิดเพื่อทำให้ช่วงล่างสอดรับกับการขับเร็ว

4-SPORT+
คันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้เร็วเหมือนกับ Sport Mode เกียร์คาให้ลากรอบในตำแหน่งเกียร์ 3-4-5 หรือชิฟเกียร์ลงเองอย่างเร็วเมื่อใช้เบรกหนักๆ บางจังหวะเกียร์เชนลงต่ำให้ถึง 2 เกียร์ ระบบรองรับ AMG RIDE CONTROL+ โดยเฉพาะโช้คถุงลมแบบ Air Suspension ปรับตัวเองให้ระดับความสูงเตี้ยลง การทำงานของแอร์สปริงจะอัดลมเข้าระบบจนทำให้แข็งขึ้น เพื่อการขับที่ต้องการการตอบสนองในระดับสูงสุดของทุกระบบ รองรับการขับด้วยความเร็วสูงทั้งบนถนนปกติและในสนามแข่ง

5-INDIVIDUAL
เลือกปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของระบบต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย และระบบรองรับหรือช่วงล่างได้ตามต้องการในรูปแบบของตัวเอง

AMG CLS รหัส 53 วางเครื่องเบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส M256 อัดอากาศด้วยเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตราดาว ระบบ EQ Boost ใช้ไดสตาร์ตทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย ISG มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 16 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร โดยวางแทรกอยู่ในชุดเกียร์ 9G-Tronic คอยเสริมแรงและรับหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปหมุนปั๊มน้ำกับคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้สายพานหน้าเครื่องยนต์อีกต่อไป ช่วยลดกำลังที่สูญเสียไปกับแรงเสียดทาน ช่วยทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงของ AMG มีขนาดที่สั้นลง เมื่อทำงานร่วมแกนกับระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48 โวลต์ E-Compressor หรือที่ Mercedes เรียกว่า EQ Boost ช่วยลดอาการรอรอบ หรือเทอร์โบแลคได้ดี เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ แรงบิดสูงสุดจะมาเร็วมากในเวลาแค่ 0.2 วินาที ตั้งแต่ยังไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดก็เทออกมาจนเกือบหมดแล้ว การป้องกันอาการเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบนั้น Mercedes-Benz ร่วมมือพัฒนากับค่าย Audi และ Bentley เพื่อปรับปรุงระบบ E-Compressor (EQ Boost) ถูกใช้เพื่อลดอาการรอรอบในเครื่องยนต์เบนซิน โดยทำงานร่วมกับ ISG ตัว eZV ประกบอยู่กับเทอร์โบที่ต่อเข้ากับท่อไอเสีย มันสามารถเร่งรอบการทำงานได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ในเวลาเพียงแค่ 0.3 วินาที ช่วยเพิ่มบูสให้กับเครื่องยนต์ในย่าน 1,000-3,000 รอบต่อนาที โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านของรอบเครื่องยนต์และโหลด

เครื่องยนต์ Mercedes-Benz M256 มีระบบสตาร์ตเตอร์-อัลเทอร์เนเตอร์ (ISG) ที่ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ ต่อเชื่อมกับระบบไฟฟ้าออนบอร์ด 48V ISG ยึดติดกับเพลาข้อเหวี่ยงอย่างแน่นหนา และแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเพลาขับกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 48V ที่มีปริมาณพลังงานเกือบ 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบไฟฟ้า 48V จ่ายไฟให้กับปั๊มน้ำไฟฟ้าและคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ ระบบอัดอากาศเป็นคุณสมบัติหลักของเครื่องยนต์ M256 เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ twin-scroll turbocharger พร้อมท่อร่วมไอเสียที่หุ้มฉนวน คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเพิ่มเติม (eZV) ที่รวมอยู่ในระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ คอมเพรสเซอร์เสริมไฟฟ้า ขจัดเอฟเฟกต์ของอาการเทอร์โบแล็ก ครีบเทอร์ไบน์สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ภายใน 300 มิลลิวินาที เป็นเทอร์โบไฟฟ้าที่มีศักยภาพสูง

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ รหัส M256 ใน AMG CLS53 ใช้ฝาสูบแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ = 24 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800-5,800 รอบต่อนาที ระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร แบตฯ ลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive ชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ทวินเทอร์โบหรือเทอร์โบคู่พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ตัวนี้ สร้างกำลังได้มากถึง 320 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร สมรรถนะของ CLS 53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร CLS 53 Coupe 4MATIC + คือการผสมผสานการออกแบบที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว บนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist

รายละเอียดด้านเทคนิค Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+
ราคา 5,570,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 6 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,999 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 320กิโลวัตต์ 435 ที่ 6,100 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.5 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม./ชม.
ความจุถังนํ้ามัน 66 ลิตร
ระบบส่งกําลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ตกแต่งแป้นเกียร์ ด้วย Galvanised พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)
ขนาดล้อและยาง- หน้า 245 / 35 R20
ขนาดล้อและยาง-หลัง 275 / 30 R20
มิติตัวถัง (กว้าง 1,896 มิลลิเมตร ยาว 5,012 มิลลิเมตร สูง 1,422 มิลลิเมตร

ระบบความปลอดภัย

ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สําหรับผู้ขับขี่
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอ็กทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนเแรงดันลมยาง
(Tyre pressure monitoring system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
ระบบแจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้าง ด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO comfort package
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) พร้อมระบบควบคุม AMG RIDE CONTROL+
หลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง)
ภายนอกตกแต่งด้วย AMG Night package
สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20" สี black
อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
ระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ AMG DYNAMIC SELECT
ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ AMG nappa leather ตัดสลับ DINAMICA Microfibre
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา
สําหรับตําแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
EASY-PACK quickfold เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 40/20/40
พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ AMG Performance steering wheel ตกแต่งด้วยหนัง Nappa และ DINAMICA microfibre
ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ตกแต่งแป้นเกียร์ด้วย Galvanized (Steering-wheel)
ม่านบังแดดด้านหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC
หน้าจอแสดงผลแบบ Widescreen cockpit
หน้าจอแสดงโหมดการขับขี่บนพวงมาลัย 2 จอพร้อมปุ่มควบคุม แบบ AMG steering wheel buttons
ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (wireless charging) บริเวณคอนโซลหน้า

ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง
พรมปูพื้นพร้อมตราสัญลักษณ์ AMG
เข็มขัดนิรภัยสีแดง

ระบบความบันเทิงและสื่อสาร

ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX
ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto)
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สําหรับบริการ Mercedes me connect
ระบบรายงานสภาพการจราจร Live traffic Information
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigation