ไทยเร้นท์อะคาร์ โฮลดิ้ง จับมือบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ ปูทางรับต่างชาติขับรถเที่ยวไทย

ไทยเร้นท์อะคาร์ โฮลดิ้ง จับมือ Enterprise บริษัทรถเช่ายักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติขับรถเที่ยวทั่วไทย ดันรายได้เพิ่ม 1,800 ล้านบาท

นายสุขุม ธรรมณีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยเร้นท์อะคาร์ โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปัจจุบัน Thai Rent A Car ถือเป็นผู้นำธุรกิจบริการรถยนต์เช่าในประเทศไทยมายาวนานกว่า 45 ปี และเรายังมีธุรกิจรถหรู Audi Thailand Ducati Thailand และดีลเลอร์ Mercedes Benz หรือ Benz Star Flag ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งถึง 8 ปีซ้อน เข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจยานยนต์

ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีธุรกิจรถยนต์มือสอง ภายใต้แบรนด์ Car Hero หนึ่งใน 4 ยักษ์ใหญ่ธุรกิจรถยนต์มือสอง รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมอย่างจักรยานไฟฟ้า RYDE CULTURE อีกด้วย

ทั้งนี้ด้วยฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ และจากความสำเร็จของทุกธุรกิจในปี 66 ที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ทุกกลุ่มธุรกิจรวมกว่า 16,000 ล้านบาท

โดยในปี 67 นี้บริษัทจึงมีแผนที่จะผนึกกำลังทุกธุรกิจเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทในเครืออย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะธุรกิจรถเช่า ไทยเร้นท์อะคาร์ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายตัวของการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการลงนามความร่วมมือกับ Enterprise Rent-A-Car ผู้นำตลาดรถเช่า อันดับ 1 จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประสบความสำเร็จและเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 65 ปี เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจากอเมริกา ที่ปัจจุบันนับเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่ติดอันดับ Top 5 ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ด้านนายคมสิทธิ์ แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเติบโตเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์โรคระบาดโควิด จากปริมาณนักท่องเที่ยว จีน อเมริกา และยุโรป ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลทำให้ผลประกอบการของ ไทยเร้นท์อะคาร์ ในปี 2566 ที่ผ่านมาเติบโต โดยมีรายได้รวมสูงถึง 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปี 2565

สำหรับในปี 2567 จากกแผนการขยายธุรกิจแบบเต็มรูปแบบ การสนับสนุนของบริษัทในเครือ และการผนึกกำลังครั้งสำคัญกับ Enterprise Rent-A-Car ผู้นำตลาดรถเช่าอันดับ 1 คาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น 20% หรือมีรายได้ที่ 1,800 ล้านบาท พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดรถเช่าในประเทศไทยอย่าง เต็มรูปแบบ

ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มพื้นที่ให้บริการ เพื่อพร้อมให้บริการรวม 15 สาขา ทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มจำนวนรถคุณภาพ เพื่อพร้อมให้บริการรวมกว่า 1,500 คัน ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าทั้งผู้เช่าในประเทศไทยและต่างประเทศได้อย่างทั่วถึงรวมกว่า 400,000 ราย

"ภายใต้ชื่อเสียงในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 45 ปี และคุณภาพมาตรฐานสากล นอกจากนักท่องเที่ยวระยะสั้น ในปีนี้เรายังมีการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้เช่าระยะยาว การเช่าเพื่อใช้ทำงาน หรือ รถทดแทนอีกด้วย"