แวะบูธ Mitsubishi ในงาน Motor Expo 2023 จัดเต็ม All-New Triton ครบทุกรุ่น พร้อมโชว์ All-New Mitsubishi Triton Athlete ก่อนเปิดขายจริง
เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่เราได้เปิดตัวรถยนต์ All-New Mitsubishi Triton ในงานเวิลด์พรีเมียร์ที่ประเทศไทย ในเดือนก.ค. 66 ที่ผ่านมา ในงาน Motor Expo 2023 นี้ถือเป็นครั้งแรกของการจัดแสดงรถยนต์ All-New Mitsubishi Triton ครบทุกรุ่น
ทั้งนี้ All-New Mitsubishi Triton เกิดมาเพื่อปฏิวัติความเชื่อ เป็นได้มากกว่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ด้วยจุดเด่นด้านความสะดวกสบายสุดหรูของห้องโดยสารที่เทียบเคียงได้กับรถเอสยูวี ควบคู่กับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่ให้พละกำลังสูงแต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถกระบะยุคใหม่ได้ดี เหมาะทั้งสำหรับใช้เป็นรถเพื่อประกอบอาชีพสร้างผลกำไร และเติมเต็มความสนุกเร้าใจในการใช้งานส่วนตัวอีกด้วย
โดยบูธ Mitsubishi Motors ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 แบ่งการจัดแสดงรถไว้ทั้งหมด 3 โซน ประกอบด้วย Play Zone, Work Zone และ Lifestyle Zone เพื่อสะท้อนถึงอรรถประโยชน์มากมายของรถ Mitsubishi หลากหลายรุ่น ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลากหลาย
...

สำหรับไฮไลต์สำคัญ คือ การเปิดตัว All-New Mitsubishi Triton Athlete ก่อนขายจริง โดยจุดเด่นของรถรุ่นดังกล่าวคือ เครื่องยนต์ Hyper Power X2 เทอร์โบ 2 สเตจ ด้วยพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ภายใต้การออกแบบสไตล์สปอร์ตสุดล้ำ
โดย All-New Mitsubishi Triton Athlete ได้หลอมรวมความเป็นที่สุดแห่งดีเอ็นเอของ Mitsubishi Motors เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน Daimond Sense ที่มาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control)

พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB)
รวมถึงกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซนเซอร์ และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน พร้อมด้วยระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) อีกด้วย