Toyota จับมือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมผลิตไฮโดรเจนในประเทศไทยที่สมุทรปราการ ด้วยขี้ไก่จากฟาร์มของเครือ CP และเศษอาหาร ใช้แทนเชื้อเพลิงเพื่อลดก๊าซคาร์บอน

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น หรือ Toyota Motor เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะเริ่มผลิตไฮโดรเจนในประเทศไทย ตั้งแต่เดือน พ.ย. 66 นี้ โดยจะใช้ก๊าซชีวภาพที่ได้จากมูลไก่ หรือ ขี้ไก่ และขยะอาหารในท้องถิ่น

ทั้งนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าในโครงการร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ของไทยเพื่อใช้ไฮโดรเจนในการช่วยลดคาร์บอนในภาคการขนส่งของประเทศ โดย Toyota จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ผลิตก๊าซไฮโดรเจน โดยใช้ก๊าซชีวภาพที่สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโตโยต้า ที่สมุทรปราการ

สำหรับก๊าซชีวภาพจะทำจากขี้ไก่ จากฟาร์มไก่ที่ดำเนินการโดยเครือซีพี และหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงเศษอาหารจากโรงอาหารของสำนักงานใหญ่ภูมิภาคโตโยต้า นี่จะเป็นครั้งแรกของโตโยต้า และประเทศไทยในการเปิดตัวโครงการนำร่องเพื่อผลิตไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพ

โดย มิตซูบิชิ คาโคกิ หรือ Mitsubishi Kakoki เป็นบริษัทด้านวิศวกรรมญี่ปุ่นจะจัดหาอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนที่สามารถผลิตได้ 1,000 ลิตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นปริมาณเล็กน้อยที่เหมาะสำหรับการทดลองดังกล่าว โตโยต้า และบริษัท Toyota Tsusho หรือ โตโยต้า ทูโช จะสร้างระบบบีบอัด จัดเก็บ และขนส่งก๊าซชีวภาพและไฮโดรเจน

ทั้งนี้ โครงการผลิตไฮโดรเจนด้วยใช้ก๊าซชีวภาพ ทางโตโยต้าไม่ได้เปิดเผยงบการลงทุนในครั้งนี้

สำหรับโครงการนำร่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพันธมิตรระหว่างโตโยต้า และเครือซีพี ซึ่งดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การค้าปลีก การจัดจำหน่าย และการเกษตร ที่เปิดตัวเมื่อเดือน ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทตกลงที่จะผลิตไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพ และรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV ที่ CP จะใช้ในกิจกรรมต่างๆ ในการขนส่งเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

...

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้บริหารชุดใหม่ของ Toyota ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งใน เม.ย.66 ที่ผ่านมา ได้เพิ่มคำมั่นสัญญาว่าจะลงแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี และจะไล่ตามคู่แข่งอย่าง Tesla ของสหรัฐฯ แต่ผู้ผลิตรถยนต์ยังคงโต้แย้งว่า EV จะเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งสำหรับการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในภาคการขนส่ง และมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนสำหรับใช้ในรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงอีกด้วย

ที่มา Nikkei Asia