สุดท้าย Ferrari ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อยอดขายที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องของแบรนด์คู่แข่งและคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับลูกค้าว่าจะไม่ผลิตรถซุปเปอร์ SUV ออกขายให้เป็นการเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์ซุปเปอร์สปอร์ต แต่ตัวเลขกำไรของ Urus และ Cayenne ทำให้คนในมาราเนลโลต้องกลับลำและยอมกลืนน้ำลายของตัวเอง
...
หลังจากประสบความสำเร็จในกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่มีมูลค่าสูงลิบ Ferrari ยอมลดแรงกดดันของลูกค้าที่ต้องการรถเอสยูวีหรู ด้วยการผลิตรถรุ่น Purosangue รถเอสยูวีที่มีตราม้าบนกระจังหน้าเป็นครั้งแรก ผู้บริหารของม้าลำพองมั่นใจว่า การมาถึงของ Purosangue จะไม่ทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ผลิตแต่รถซุปเปอร์คาร์ และเป็นที่รู้กันดีว่า Porsche กับ Lamborghini ผลิตรถเอสยูวีที่มีสมรรถนะเหนือชั้นอย่าง Cayenne Turbo และ Urus รวมถึงรถอเนกประสงค์สุดหรูอย่าง Bentley Bentayga และ Rolls-Royce Cullinan นั่นคือความต้องการของมหาเศรษฐีที่ Ferrari จะต้องตอบสนอง ด้วยซุปเปอร์เอสยูวี เครื่องยนต์ V-12 เสริมการควบคุมและจัดการองคาพยพทั้งหมด ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ แชสซีส์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ พร้อมระบบเลี้ยวสี่ล้อ เทคโนโลยี Ferrari Active Suspension Technology ล่าสุด รับไฟฟ้ามาจากระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ ระบบ Active Suspension ช่วยทำให้การโค้งตัวไหลลื่นมากกว่าเดิม จุดศูนย์ถ่วงถูกปรับให้ต่ำที่สุด แต่เมื่อเทียบกับ Ferrari รุ่นอื่น Purosangue กลับมีตัวเลขของค่า GC เยอะกว่ามาก
...
ความหรูหราและคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพมากมาย กลายเป็นมาตรฐานที่ Purosangue จะต้องมีให้กับลูกค้า แต่ Ferrari ก็มีออปชันบางอย่างที่ลูกค้าชอบ เช่นฟังก์ชันการนวดบนเบาะนั่งด้านหน้า นับเป็นอุปกรณ์แปลกๆ ที่เหล่าคนรวยต้องการ หลังจากการล่องเรือไปตามชายฝั่งของ Monte Carlo และต้องพบกับความเมื่อยล้าทั้งวัน การผ่อนคลายด้วยโปรแกรมนวดและอุ่นร้อนบนเบาะคู่หน้านับเป็นเรื่องท่ีดีและยังไม่มีใครทำฟังก์ชันนี้ออกมาให้ใช้งาน
...
ภายใต้ฝากระโปรงยาวแบบฝาพับเป็นเครื่องยนต์ V12 รุ่นใหม่ ขนาด 6.5 ลิตร โดยไม่มีการช่วยเหลือของมอเตอร์ไฟฟ้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น ตัวเครื่องวางร่นตำแหน่งเข้าไปชิดกับห้องโดยสารส่วนหน้า บริเวณกึ่งกลางด้านหน้า เพื่อช่วยในการกระจายน้ำหนัก ระบบส่งกำลังใช้กระปุกเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 8 สปีด เกียร์ 1-7 ออกแบบให้มีอัตราทดสั้นโดยเจตนา เกียร์ถูกวางอยู่ที่ด้านหลังใกล้กับเฟืองท้าย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active ขณะที่ power transfer unit รับหน้าที่ถ่ายโอนกำลัง เปลี่ยนถ่ายแรงบิดไปที่ล้อหน้า เพื่อขับเคลื่อนสี่ล้อในบางสถานการณ์ที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงบิดจากทุกล้อเพื่อเอาตัวรอด
...
เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ดูดอากาศตามธรรมชาติโดยปราศจากเทอร์โบ ซ่อนตัวอยู่ใต้กระโปรงหน้าของ Purosangue กำลัง 725 แรงม้า จากกระบอกสูบทั้ง 12 ตำแหน่งนั้นเป็นที่รู้กันดีว่า โคตรจะน่าสะพรึงกลัว ชุดท่อไอดีพ่นทรายทำสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ยังคงปรากฏอยู่บนฝาสูบเหมือนเดิม เครื่องยนต์ตัวนี้ สร้างแรงบิดได้มากถึง 715 นิวตันเมตร (528 ปอนด์-ฟุต) Ferrari อ้างว่า มีการเพิ่มกำลังให้กับ Purosangue เพื่อทำให้มันเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น่าจะทำให้ Purosangue เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุด ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่แต่ละมุม เพื่อออกแรงกดบริเวณโช้คอัพระหว่างการเข้าโค้ง เพื่อควบคุมอาการโคลงตัว ด้วยเหตุนี้ Purosangue จึงไม่จำเป็นต้องใช้เหล็กกันโคลง ช่วงล่างแบบปรับระดับได้โดยอัตโนมัติ สามารถลดความสูงลง 0.4 นิ้ว ในระหว่างการขับด้วยความเร็วสูง เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบให้ผลิตกำลังได้มากที่สุดแม้ขับในย่านความเร็วรอบต่ำ เกียร์อัตโนมัติแปดสปีดพร้อมคลัตช์สองชุด เพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วปานสายฟ้าฟาด
ในฐานะที่เป็น Ferrari เพียงรุ่นเดียวในปัจจุบัน ที่มีการนำเสนอประตูสี่บาน กับเบาะนั่งสี่ตำแหน่งสำหรับคนขับและผู้โดยสารทั้งหมดสี่คน Purosangue ได้รับการติดตั้งชุดประตูด้านหลังแบบบานพับด้านหลังแบบโค้ช (หรือที่เรียกว่า "suicide door") ช่วยให้เข้าหรือออกจากห้องโดยสารบริเวณเบาะหลังได้ง่ายขึ้น Purosangue พยายามรักษารูปลักษณ์และมาตรฐานงานประกอบของรถยนต์จากมาลาเนลโล เบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบแยกส่วน ซึ่งหมายความว่ามันจะไม่มีที่นั่งด้านหลังสำหรับผู้โดยสารคนที่ 5 ทั้งสองแถวมีคอนโซลกลาง แน่นอนว่าภายในหุ้มด้วยวัสดุคุณภาพ ระบบควบคุมส่วนใหญ่ของรถทำงานผ่านสวิตช์ระบบสัมผัสบนพวงมาลัย ความประหลาดใจครั้งใหญ่ในยุคของหน้าจอ center-stack แบบแท็บเล็ตก็คือ Purosangue ไม่มีหน้าจอสัมผัสของระบบ Infotainment ที่ติดตั้งไว้ตรงกลาง เพื่อความเรียบง่ายและสไตล์ของพี่ม้า หลังคากระจก Panoramic เป็นออปชันเสริม สำหรับแผงหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แบบมาตรฐาน ช่วยลดน้ำหนักได้บ้างแต่ก็ไม่มากเท่าที่ควร อย่างท่ีบอกว่า Purosangue เป็นรถสี่ประตูสี่ที่นั่งรุ่นแรกของแบรนด์ม้าลำพองที่สามารถเข้าถึงเบาะหลังได้โดยใช้ประตูแบบตู้กับข้าว บานพับด้านหลังที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านั้นเจ๋งดี อย่างไรก็ตาม ขนาดความยาว 4,973 มิลลิเมตร และสูง 1,589 มิลลิเมตร สั้นกว่าและต่ำกว่า Lamborghini Urus เล็กน้อย เมื่อดูจากตัวเลขห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย กระทิงผยอง Lamborghini จะใช้งานได้จริงมากกว่า ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 616 ลิตร เมื่อเทียบกับพื้นที่เก็บสัมภาระ 473 ลิตรของ Ferrari SUV
Purosangue ไม่มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง โดยใช้กระแสลมเหนี่ยวนำเพื่อทำให้กระจกหลังสะอาด ไฟหน้าแคบๆ มีช่องอากาศทั้งด้านบนและด้านล่าง ทรงแบบรถแฮตช์แบคยกสูงที่งดงามโดยเฉพาะดีไซน์ของเสาซีหรือเสาท้ายที่ลงตัว ล้อต่างไซส์แบบหน้าเล็กหลังใหญ่ ล้อหน้าขอบ 22 นิ้วห่อรัดด้วยยาง 255/35ZR22 ส่วนล้อหลังที่ต้องสอดรับกับโป่งหลังขนาดใหญ่ Purosangue ยัดล้อขอบ 23 นิ้วกับยาง 315/30ZR23 ระบบเบรก คาร์ลิปเปอร์หน้าแบบ 6 พอต จานเบรกคาร์บอนเซรามิกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 398 x 38 มิลลิเมตร เบรกหลัง 4 พอต จาน 380 x 34 มิลลิเมตร
ถึงแม้ว่า Ferrari จะไม่ได้เรียก Purosangue ว่า SUV แต่แบรนด์หรูระดับพรีเมียมอื่นๆ แทบทุกแบรนด์ ตั้งแต่ Lamborghini ไปจนถึง Bentley และ Aston Martin ต่างก็มี Super SUV ที่เอาอกเอาใจลูกค้ารุ่นใหม่ รถประเภทนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการแข่งขันในเวที Super Luxury Car โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอย่างจีนซึ่งรถสปอร์ตไม่เป็นที่นิยมเท่ากับรถอเนกประสงค์เอสยูวี สำหรับราคาค่าตัวเมื่อเข้ามาขายในประเทศไทย น่าจะทะลุ 30 ล้านไปไกลเลยละครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/