ความตื่นเต้นของการขับขี่อยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยภาคสานต่อของ Toyota GR 86 รถสปอร์ตเจเนอเรชันที่สองของ Toyota ซึ่งอยู่เบื้องหลังการจูนรถแข่งระดับแชมป์ของทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing วิศวกรของแบรนด์ ใช้ความแม่นยำในการปรับแต่งเพื่อทำให้ GR 86 สอดรับกับการเข้าโค้งได้ดีกว่าเดิม โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มความเสถียร กำลัง และระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น ผลลัพธ์ก็คือ รถคูเป้คันเล็กที่พร้อมสำหรับสนามแข่งโดยสร้างมาเพื่อความสนุกสนานในการขับขี่อย่างแท้จริง

...

เริ่มต้น ทีมงานปรับแต่งประสิทธิภาพของ GR คันใหม่ ใช้ความพยายามในการเพิ่มเติมคุณลักษณะที่ว่องไวของแชสซี 86 รุ่นใหม่ล่าสุด โดยมีการเพิ่มเหล็กกล้าความแข็งแรงสูงที่วางตำแหน่งสำหรับป้องกันอาการบิดตัวอย่างมีกลยุทธ์ แชสซีแบบไขว้ใหม่ล่าสุดที่ด้านหน้า และเฟรมฟูลริงที่ด้านหลัง จากนั้น มีการปรับแรงม้าของเครื่องยนต์ Subaru ให้เพิ่มขึ้นเกือบ 18% แรงบิดเพิ่มขึ้น 11% เครื่องยนต์สี่สูบนอนยันชักข้าง Boxer ขนาด 2.4 ลิตร หายใจเองโดยไม่มีระบบอัดอากาศ วิศวกรปรับแต่งเพื่อให้แรงบิดสูงสุด มาถึงเร็วกว่ามากในย่านกำลังที่ 3,700 รอบต่อนาที เทียบกับ 6600 รอบต่อนาทีในรุ่นก่อนหน้า ทำให้ได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบสนองโดยตรงและทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งความเร็วออกจากโค้ง Toyota GR 86 มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา (MT) หรือระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ (AT)

...

วิศวกรของ GR รู้ดีว่าการรักษาจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำเข้าไว้ (คือรถสปอร์ตมันต้องเตี้ยแหละครับ) และน้ำหนักที่ถ่ายเทเมื่อขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงต้องเป็นกลาง นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับความสนุกสนานหลังพวงมาลัยที่อาจแปรเปลี่ยนไปเป็นความเสียวสยองหากเซตมาไม่ดีพอ หลังคาอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา บังโคลนหน้าก็ใช้อะลูมิเนียม เกรดพื้นฐานของ GR 86 มีน้ำหนักเพียง 1,275 กิโลกรัม สำหรับรุ่นเกียร์แมนนวล MT และ 1,293 กิโลกรัมในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ AT ทำให้ GR 86 รุ่นใหม่ เป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่เบาที่สุดในตลาดรถคูเป้ไซส์เล็ก การผสมผสานระหว่างความสมดุลด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยตัวเลขการกระจายน้ำหนักที่ 53:47 ความสูงโดยรวม 1,310 มิลลิเมตร ค่อนข้างเตี้ยเลยทีเดียว เครื่องยนต์แฟล็ตโฟร์สี่กระบอกสูบ ขนาดกะทัดรัด ทำให้ GR 86 เป็นส่วนผสมที่ลงตัว สำหรับการควบคุมรถสปอร์ตที่มีการวางตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงเอาไว้อย่างมั่นคง

Toyota GR 86 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่
Track bRED
Halo White
Steel Silver
Pavement Grey
Raven Black
Neptune หรือ Trueno Blue

...

ด้วยที่นั่งแบบ 2+2 สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เบาะหลังแบบพับได้ราบกับพื้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง โดยให้เลือกรุ่นสองระดับราคา คือ : GR 86 และ GR 86 Premium

GR 86 Premium จัดสปอยเลอร์ปีกนกขนาดใหญ่ ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว สีดำ เบาะ Alcantara เจาะรูและสลับการหุ้มด้วยหนังแท้ เบาะนั่งด้านหน้าแบบปรับอุณหภูมิได้สองระดับ ระบบเสียงมัลติมีเดียแปดลำโพง ส่วนรุ่นพื้นฐาน GR 86 ยัดล้อขนาด 17 นิ้ว และมาพร้อมกับเบาะผ้าลาย G-emboss สีดำ ระบบเสียงมัลติมีเดียหกลำโพง ซับวูฟเฟอร์กำลังขับ 200W ที่มีจำหน่ายแยกต่างหาก จะเพิ่มเสียงเบสให้กับระบบเสียงทั้งสองรุ่น 

ในขั้นตอนของการพัฒนา ทีม Toyota Gazoo Racing (TGR) ใช้เวลาช่วงดึกในสำนักงาน ภายใต้แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ เพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพให้กับหัวใจใหม่ของ GR 86 การเปลี่ยนจากเครื่อง 2.0L เป็น 2.4L Flat-four engine จะเพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบเป็น 94mm (จากเดิม 86mm) ทำให้มีความจุเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยเพิ่มขึ้นจาก 1,998cc เป็น 2,387cc. เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า สร้างเรี่ยวแรงได้ 235 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 3,700 รอบต่อนาที ปรับปรุงอัตราเร่ง จาก 7.0 เป็น 6.1 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา MT และ 8.0 เป็น 6.6 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ AT 

...

เทคโนโลยีระบบเชื้อเพลิงหัวฉีดคู่ D-4S ของ Toyota ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้อินพุตปลายคันเร่งที่ดุดันเลือดพล่านมากยิ่งขึ้น ระบบนี้ ผสมผสานเทคโนโลยีการฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงและการฉีดเข้าพอร์ต ระบบฉีดตรง D-4S ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการจุดระเบิด ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ใช้อัตราส่วนการอัด 12.5:1 ที่สูงมากสำหรับกำลังสูงสุด หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบพอร์ต เข้ามามีบทบาทในสภาวะโหลดน้ำหนักเบาและปานกลาง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ขึ้นถึงจุดสูงสุด เส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวของพอร์ตท่อร่วมไอดี ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมเพื่อรองรับแรงบิดและการเร่งความเร็ว ท่อร่วมไอดีออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ระบบเชื้อเพลิงมีการออกแบบปั๊มใหม่ และใช้ท่อส่งเชื้อเพลิงที่กว้างกว่าเดิม สำหรับการไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงที่สม่ำเสมอในระหว่างการเข้าโค้ง ระบบระบายความร้อน ติดตั้งปั๊มน้ำความเร็วสูงแบบใหม่ ระบบหล่อเย็นน้ำมันหล่อลื่น หรือคูลเลอร์น้ำมัน ระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ 5 ระดับ และมอเตอร์ปั๊มน้ำขนาด 200W แบบใหม่ สำหรับระบบระบายไอเสีย ความจุท่อกลางที่ใหญ่ขึ้น 5.6 ลิตร ของท่อไอเสีย มีการปรับแต่งให้ท่อของ 86 ใหม่ ส่งเสียงคำรามที่น่าพึงพอใจ ด้วยระบบควบคุมเสียงแบบแอคทีฟ ที่เพิ่มเสียงเครื่องยนต์เข้าไปในห้องโดยสารเพื่อสร้างความเร้าใจเมื่อเร่งความเร็ว 

ทีมงาน GR ยังได้ออกแบบแชสซีและตัวถังใหม่เพื่อเสริมกำลังที่เพิ่มขึ้นของ GR 86 ด้านหน้า เพิ่มพลวัตของระบบรองรับด้วยสตรัทตัวกากบาทแบบ ทแยงมุม ในข้อต่อระหว่างระบบกันสะเทือนหน้ากับเฟรม ปรับปรุงการรับน้ำหนักของยางล้อหน้า และลดมุมหุบด้านข้างของล้อ ฮู้ดมีโครงสร้างภายในแบบทแยงมุมเพื่อความมั่นคง โดยดัดแปลงจากดีไซน์แบบรังผึ้งในรุ่นก่อน ตัวยึดความแข็งแรงสูง เชื่อมต่อกับโครงแชสซีและฐานยึด เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับด้านหลังด้วยโครงสร้างฟูลริงแบบใหม่ ที่เชื่อมแชสซีด้านบนและด้านล่างเข้าด้วยกัน ตัวยึดความแข็งแรงสูง เชื่อมต่อกับเฟรมด้านหลังและฐานรองรับระบบกันสะเทือนเพื่อรับมือกับแรง g ในมุมต่างๆ ขณะเข้าโค้ง

วัสดุที่ใช้ในแชสซี ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ ผลิตจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง เหล็กปั๊มร้อน และอะลูมิเนียม วัสดุแต่ละชนิด ถูกจัดวางอย่างมีกลยุทธ์ในขั้นตอนของการผลิตแชสซี เพื่อให้ผู้ขับมีความสมดุลของการขับเคลื่อน สำหรับการเสริมแรงเพิ่มเติม กาวที่ใช้ในโครงสร้างทั่วทั้งตัวถัง จะสร้างการเชื่อมต่อที่แข็งแรงขึ้น

พวงมาลัยหุ้มหนังแบบสามก้านของ GR 86 เชื่อมต่อกับระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้า ช่วยให้ผู้ขับควบคุมทิศทางได้อย่างคล่องตัว อัตราส่วนโดยรวม 13.5 ที่ต้องใช้เพียง 2.5 รอบของการหมุนจนพวงมาลัยล็อกเพื่อความคล่องตัว ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (EPS) ใหม่พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดควบคุม ช่วยลดน้ำหนักและพื้นที่ วิศวกรของ GR ได้เปลี่ยนจุดยึดกล่องควบคุมของพวงมาลัยใหม่ ทำให้แข็งขึ้นด้วยการบุยางแข็งและแหวนรองสลัก

ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัทแบบอิสระ (MacPherson®) ที่ปรับจูนจนให้ความรู้สึกแบบสปอร์ต โช้คอัพและสปริงให้ประสิทธิภาพการหน่วงที่ผ่านการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการควบคุม ระบบกันสะเทือนหลังแบบปีกนกคู่มัลติลิงค์มาพร้อมเฟืองท้ายทอร์เซ็นแบบลิมิเต็ดสลิป เพื่อการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้นขณะเข้าโค้ง เสริมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นของ GR 86 ด้วยเพลาล้อหลังมีการเสริมแรงเพิ่มเติม เหล็กกันโคลงสตรัทเชื่อมต่อโดยตรงกับซับเฟรม เพื่อความมั่นคงสูงสุด โช้คอัพหลังที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต มีสปริงที่แข็งขึ้น เพื่อให้มีการควบคุมที่คาดการณ์ได้ สำหรับรถคูเป้ขับเคลื่อนล้อหลังที่วางเครื่องยนต์เอาไว้ด้านหน้า 

รุ่นพื้นฐานของ GR 86 ใช้ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยด์ 10 ก้าน ขัดเงา รูปตัววี ขนาด 17 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Michelin® Primacy HP® ส่วนรุ่นท็อปอย่าง GR 86 Premium มาพร้อมกับล้ออะลูมิเนียมอัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว 10 ก้าน สีดำ มีรูปลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดาบซามูไรญี่ปุ่น ยาง Michelin Pilot Sport 4® ล้อขนาด 18 นิ้วมีซี่ล้อแบบตัดขวาง เพื่อความแข็งแกร่งของโครงสร้างและรูนอตที่ออกแบบให้มีขอบน้อยที่สุดซึ่งสร้างรูนอตที่มีขนาดกะทัดรัด ดิสก์เบรกแบบช่องระบายอากาศด้านหน้าขนาด  295 มิลลิเมตร และด้านหลัง 290 มิลลิเมตร แบบครีบระบายอากาศ

ผู้ที่ชื่นชอบการนั่งยัดเกียร์ในรถสปอร์ตจะต้องชอบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดของ GR 86 ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ผู้ขับ 86 ใหม่เกียร์ MT สามารถเข้าสู่โหมดสปอร์ตหรือปิดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) รูปทรงของคันเกียร์ ได้รับการปรับให้เหมาะสม สำหรับการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเปลี่ยนจากเกียร์ 2 ไปที่เกียร์ 3 หรือเปลี่ยนเกียร์ลงจากเกียร์ที่ 5 ไปที่ 4 นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มคาร์บอนซิงโครไนซ์ เพื่อปรับปรุงการเปลี่ยนเกียร์ เป็นเกียร์ MT ที่ใช้น้ำมันและตลับลูกปืนความหนืดต่ำแบบใหม่ สำหรับการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล จากแรงบิดที่สูงกว่าของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2.4 ลิตร

สำหรับ GR 86 รุ่นเกียร์อัตโนมัติ (AT) แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ติดตั้งบนพวงมาลัย มอบประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิก ผู้ขับสามารถเลือกการทำงานของระบบเกียร์ ระหว่างโหมด Normal, Sport, Snow หรือ Track เมื่ออยู่ในโหมด Sport เกียร์อัตโนมัติ AT 6 สปีด จะตรวจจับการทำงานของเบรกและคันเร่งและพฤติกรรมของรถเพื่อเข้าเกียร์ที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ นำพาการทดกำลังที่ผู้ขับต้องการ จานคลัตช์เพิ่มเติมและลูกทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยให้ส่งกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างราบรื่น


ส่วนประกอบของไฟหน้ามาแบบเลนส์โปร่งใสรูปทรงพาราโบลา ทำให้ไฟหน้า LED ดูน่าเกรงขาม ด้วยรูปทรงตัว L ภายในที่กว้างเหมือน GR Supra กระจังหน้าเมทริกซ์รูปตัว G แบบพิเศษเฉพาะของรถสปอร์ตในตระกูล GR ที่ป้อนอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำและออยล์คูลเลอร์ การหล่อขึ้นรูปที่กันชนหน้า มีการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากผิวฉลาม บังโคลนหน้าและสปอยเลอร์แบบ Rocker Moulding ขนาดใหญ่จากด้านข้าง พร้อมช่องระบายอากาศในตัว ช่วยปรับปรุงแอโรไดนามิกที่ธรณีประตู ช่องระบายอากาศช่วยให้อากาศภายในซุ้มล้อหน้าไหลออกมาได้อย่างสะดวก ลดความปั่นป่วนของกระแสลมขณะใช้ความเร็ว แนวขอบประตูผสมผสานกับส่วนโค้งของบังโคลน กระจกมองข้างสีดำมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย มีรูปทรงโค้งมนคล้ายหยดน้ำ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ

ด้านหลังซุ้มล้อแสดงให้เห็นถึงความกว้างของโป่งข้างซุ้มล้อและระยะห่างระหว่างล้อหลังทั้งสองข้าง ครีบควบคุมการไหลของอากาศ มีการเพิ่มครีบแอโรไดนามิกที่กันชนหลังส่วนล่าง เพื่อความมั่นคง สำหรับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ทรงตูดเป็ด เพื่อเพิ่มแรงกดส่วนท้าย ที่ยึดป้ายทะเบียนถูกติดตั้งต่ำลงไปที่กันชนหลัง ทำให้การเปิดท้ายรถง่ายขึ้นและมีส่วนทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ไฟท้ายด้านหลังแบบสามมิติ โอบรอบขอบของบั้นท้ายและผสมผสานเข้ากับแผ่นปิดคิ้วตามแนวส่วนท้ายของรถเพื่อสร้างส่วนหลังที่กว้างและเชื่อมต่อกัน

GR 86 มีระบบสมาร์ทคีย์ของ Toyota ทำงานได้ทั้งสองฝั่ง (ประตูคนขับและผู้โดยสาร) แผงหน้าปัดที่ออกแบบในแนวนอน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ จะเริ่มเปิดแอนิเมชั่นโลโก้ GR 86 บนหน้าจอแสดงข้อมูล thin film transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว ข้อมูลที่แสดง แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับขี่อยู่ในโหมด Normal, Sport, Snow หรือ Track (รุ่นเกียร์ MT มีแค่โหมด Track เท่านั้น) Sport Mode มีการเพิ่มวงแหวนสีแดงรอบมาตรวัดความเร็วเพื่อให้ดูดุดัน โหมด Normal ได้รับการพัฒนาด้วยอินพุตของนักแข่งและแสดงแถบ RPM ที่กึ่งกลาง อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของน้ำมันและอุณหภูมิน้ำในระบบระบายความร้อน รวมไปถึงตัวจับเวลาต่อรอบสำหรับขับในสนามแข่ง

ระบบ HVAC ปรับอุณหภูมิแบบอิสระ แยก ซ้าย/ขวา แป้นหมุนขนาดใหญ่ สวิตช์เปียโนคีย์ จัดเรียงไว้ที่คอนโซลกลาง เพื่อให้ใช้งานได้ง่าย พวงมาลัยหุ้มหนังมีระบบควบคุมเครื่องเสียง การโทรแบบแฮนด์ฟรี ระบบจดจำเสียง มาตรวัดแสดงผล และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ AT เพิ่มปุ่มตัวเลือกการแสดงผล ACC เกรดพรีเมียม เพิ่มแป้นเหยียบและที่พักเท้าอะลูมิเนียมแบบสปอร์ต กระจกไฟฟ้ามีระบบป้องกันการหนีบ

เบาะนั่งด้านหน้าที่เน้นสีดำและสีเงินแบบปรับได้ 6 ทิศทางของ 86 รุ่น Premium มีระบบทำความร้อนสองระดับ เบาะหุ้มด้วยหนังกลับ Alcantara เจาะรูพร้อมเย็บแซมด้วยงานหนังแท้เน้นสีดำและสีเงิน ไปจนถึงพวงมาลัย บูทเกียร์ และคันเบรกมือ เกรดพื้นฐาน มีเบาะผ้าลายนูนสีดำปรับได้หกทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังหุ้มด้วย Alcantara ในรุ่น Premium และหุ้มด้วยผ้าใน 86 รุ่นมาตรฐาน คอนโซลกลางเปิดแบบแยกส่วน มีที่วางแก้วหรือที่จัดเก็บของกระจุกกระจิก ช่องต่อ USB สองช่อง ใน รุ่น AT มีพื้นที่จัดเก็บแบบเปิดอยู่ตรงกลางเช่นกัน ที่พักแขนที่ประตูมีที่จับแบบดึงยาวและเข้าถึงพื้นที่เก็บของในอาคารได้ง่าย

ระบบมัลติมีเดียหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเสียงหกลำโพง มาในเกรดพื้นฐาน และเพิ่มเป็นระบบลำโพงแปดตัวใน Premium ขณะนี้ ระบบลำโพงแปดตัว ได้เพิ่มโหมดอันทรงพลังให้กับฟังก์ชันอีควอไลเซอร์ สำหรับเอฟเฟกต์เสียงที่เน้นโทนเสียงต่ำและสูง สำหรับผู้ที่ต้องการเสียงเพลงกระหึ่มมากขึ้น ตัวแทนจำหน่ายหรือซับวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน มีจำหน่ายเสริมสำหรับทั้งสองเกรด ทั้งสองระบบมาพร้อมกับ Apple CarPlay® แบบมีสายและการเชื่อมต่อกับ Android Auto™, Bluetooth® สำหรับโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี, SiriusXM® แบบทดลองใช้ 3 เดือน ในตลาดสหรัฐอเมริกา และสิทธิ์ทดลองใช้ชุดบริการเชื่อมต่อที่มีให้ (พร้อมการสมัครสมาชิกเพิ่มเติม)

หากต้องการเสียงคำรามที่เพิ่มขึ้น มีท่อไอเสียคู่แบบ cat-back GR ท่อสเตนเลสงอ ปลายโครเมียมสีดำ และโลโก้ GR แบบนูน นอกจากนี้ยังมีชุดรับอากาศ GR Performance พร้อมกล่องดักลมขนาดใหญ่และแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีเหล็กค้ำยันสตรัทบาร์ GR แบบโบลท์และเหล็กกันโคลงประสิทธิภาพดีของ GR Sport ฝาครอบบังโคลนที่มีโลโก้ GR ขนาดใหญ่ ชุดป้องกันสีฟิล์มใสสำหรับฝากระโปรงหน้า บังโคลนหน้า และกันชนหน้า หรือโลหะกันขอบประตูสเตนเลสเพื่อกันสิ่งสกปรก พรมปูพื้นตราสัญลักษณ์ GR ถาดรองสัมภาระหรือพรมปูพื้น GR ที่ห้องเก็บสัมภาระท้าย ช่วยปกป้องภายใน และสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการประกาศ มีกราฟิกไวนิล GR สำหรับโยกด้านข้างและโลโก้ GR 86 ที่กันชนด้านหลัง รุ่นเกียร์อัตโนมัติของ GR 86 มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงระบบช่วยเบรกฉุกเฉินก่อนการชน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับตั้งความเร็วได้, ระบบแจ้งเตือนการออกนอกเลน, การแจ้งเตือนของระบบรักษาเสถียรภาพ, การแจ้งเตือนการสตาร์ตรถ และระบบไฟสูงอัตโนมัติ 

GR 86 ทุกเกรดมาพร้อมกับ Star Safety System™ ของ Toyota ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC), ระบบควบคุมการลื่นไถล (TRAC), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบช่วยเบรก ( บธ.) นอกจากนี้ยังรวมถึง Smart Stop Technology® (SST), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC), และระบบควบคุมการช่วยสตาร์ตบนทางลาดชัน (HAC) คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ได้แก่ LATCH (จุดยึดล่างและสายรัดสำหรับเบาะเด็ก) พร้อมจุดยึดที่เบาะหลัง ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น รวมทั้งถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับสำหรับ 86 รุ่นปี 2022.