รถยนต์อเนกประสงค์ไซส์เล็ก เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นจากการมาถึงของเจ้าตลาดอย่าง Honda HR-V ตัวถังที่ยกสูงลุยน้ำท่วมได้สบายกว่ารถเก๋งเล็ก แถมยังขับฝ่าถนนที่ขรุขระได้สบายตัวกว่ารถเก๋งเตี้ยๆ ห้องโดยสารของครอสโอเวอร์ (บางรุ่น) ออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง โดยเฉพาะพื้นที่เก็บสัมภาระ ราคาที่จับต้องได้ ทำให้รถอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดมีตัวเลขยอดขายดีวันดีคืน ทั้งเจ้าตลาดที่ขายมานานและเคยอยู่เบอร์ 1 อย่าง HR-V รถครอสราคาถูกอย่าง MG ZS ที่นำโด่งตัวเลขยอดขายมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และน้องใหม่มาแรงอย่าง Corolla Cross ที่จี้ติดยอดขายของ MG ZS แบบหายใจรดต้นคอ 

จากข้อมูลของ http://www.headlightmag.com/sales-report-subcompact-crossover-nov-2020

ที่รวบรวมตัวเลขยอดขายรถยนต์ในกลุ่ม Sub Compact Crossover ของประเทศไทยในเดือน มกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2020 รวมทั้งสิ้น 38,417 คัน

อันดับ 1 MG ZS : 10,074 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 26.2%)

...

อันดับ 2 Toyota Corolla Cross : 9,925 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 25.8%)

อันดับ 3 Honda HR-V : 7,127 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 18.6 %)

อันดับ 4 Mazda CX-30 : 4,789 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 12.5%)

อันดับ 5 Toyota C-HR : 3,228 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 8.4%)

อันดับ 6 Mazda CX-3 : 1,772 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 4.6%)

...

อันดับ 7 Nissan Kicks : 1,139 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 3.0%)

อันดับ 8 Subaru XV : 363 คัน
(ส่วนแบ่งตลาด 0.9%)

สำหรับตัวเลขยอดขายรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก Sub Compact Crossover เดือนพฤศจิกายน 2020 รวบรวมโดย http://www.headlightmag.com/sales-report-subcompact-crossover-nov-2020

...

อันดับที่ 1 Toyota Corolla Cross 2,487 คัน

อันดับที่ 2 MG ZS 1,385 คัน

อันดับที่ 3 Honda HR-V 699 คัน

...

อันดับที่ 4 Mazda CX-30 544 คัน

อันดับที่ 5 Toyota C-HR 144 คัน

อันดับที่ 6 Nissan Kicks 110 คัน

อันดับที่ 7 Subaru XV 62 คัน

อันดับที่ 8 Mazda CX-3 56 คัน 

Toyota Corolla Cross รถครอสโอเวอร์ทรงครอบครัวแบบ 5 ที่นั่ง เริ่มต้นการทำตลาดในประเทศไทยช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นรถอเนกประสงค์แบบ 5 ประตูยกสูง ไซส์กะทัดรัดคล้ายรถแฮตช์แบค แต่ถูกยกความสูงเพื่อการลุยเล็กๆ น้อยๆ บนผิวทางที่ขรุขระได้ดีกว่ารถเก๋งเล็กทั่วไป Toyota ใช้การออกแบบเรือนร่างสไตล์ Rav4 ย่อส่วน โดยเติมความโฉบเฉี่ยวของเส้นสายรอบคัน แม้จะโดนบ่นว่าหน้าเหมือนปลากระโห้ จากกระจังหน้าที่ Toyota ยึดโยงกับทรงแบบนั้นมานานแสนนาน แต่เมื่อกระจังไปรวมอยู่กับชุดไฟหน้าแบบใหม่ทำให้หน้าตาท่าทางของ Cross พอที่จะไปวัดไปวาได้อย่างไม่เคอะเขิน ไฟหน้ารุ่นไฮบริดมีแถบพลาสติกสีฟ้าอยู่ด้านใน มีส่วนช่วยทำให้น่ามองมากกว่าไฟแบบเรียบๆ บั้นท้ายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ร่วมกับ Toyota C-HR และ Corolla Altis แต่ใช้ช่วงล่างหลังแบบคานแข็ง (ซึ่งวิศวกรของ Toyota บอกว่าช่วงล่างทอร์ชั่นบีมไม่ส่งผลกระทบต่อการทรงตัว) ทอร์ชั่นบีมทำให้ต้นทุนช่วงล่างของ Cross ลดลง การปรับตั้งที่ดียังทำให้มันมีการขับขี่ที่ดีสูสีกับ C-HR ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกทางไกล แต่ที่เหนือกว่า C-HR ก็คือ พื้นที่ภายในห้องโดยสาร 

Toyota Corolla Cross รุ่นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด เกียร์อัตโนมัติ CVT

Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท
Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท
Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท

Toyota Corolla Cross รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ CVT มีรุ่นเดียวคือ

- 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท

Corolla Cross ออกแบบภายนอกด้วยการใช้ทรงของกระจังหน้าคล้ายกับรถยนต์ของ Toyota ในยุคใหม่ รูปทรงของรถมีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่า Toyota C-HR ห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง พื้นที่เก็บสัมภาระสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย รวมไปถึงการเก็บเสียงที่มีการปรับให้สามารถป้องกันเสียงจากภายนอกได้ดี ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิด ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated (ใช้ขากวาดไปที่บริวณใต้กันชนหลัง) กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) โครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ยานยนต์อเนกประสงค์ Corolla Cross มีให้เลือกสองเครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร ทั้งแบบมาตรฐานและแบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4

มิติตัวถังของ Toyota Corolla Cross Hybrid Premium Safety มีขนาดความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,620 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,559 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,571 มิลลิเมตร ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง michelin primacy 4 ไซส์ 225/50R18 ความจุถังเชื้อเพลิง 43 ลิตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,445 กิโลกรัม มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร

ช่วงล่างในแพลตฟอร์ม TNGA ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง มีการเปลี่ยนแปลงมุมของสตรัทแบร์ริ่งเพื่อทำให้มีค่าที่สอดคล้องกับประสิทธิภาพของการยึดเกาะ ส่วนด้านหลังมีการปรับปรุงรูปแบบของระบบรองรับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วงล่างหลังของ Corolla Cross เป็นแบบทอร์ชั่นบีม ใช้โช้คอัพที่มีโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ล้อและยางใส่ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าใน Toyota Corolla Cross แบบ EPS electronic power steering คอยควบคุมน้ำหนักโดยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็ว

เครื่องยนต์ของ Corolla Cross รุ่นไฮบริด วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 2ZR-FXE แบบทวินแคม ดับเบิลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) พร้อมกลไกฝาสูบกับระบบไอดีแบบ Atkinson และระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ปริมาตรความจุขนาด 1.8 ลิตร พร้อมระบบเสริมพลังงาน Hybrid ที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แบบใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีขึ้น แบตฯ รับประกันอายุการใช้งาน 10 ปี พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟในระบบ Hybrid ด้วยมอเตอร์ในชุดส่งกำลังสองตัว (MG1 / MG2) เครื่องยนต์เบนซิน Atkinson cycle 4 วาล์วต่อสูบขนาด 1,798 ซีซี กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ หรือ 120 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (จากเครื่องยนต์เพียวๆ) 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบไฮบริดเสริมพลังงานแบบ SERIES-PARALLEL HYBRID หรือระบบไฮบริดแบบอนุกรมบวกคู่ขนาน มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากการพัฒนาอย่างเข้มข้น เป็นระบบขับเคลื่อนที่ควบรวมข้อดีของ Series และ Parallel เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและเป็นระบบที่รถ Toyota Corolla Cross เลือกใช้ การทำงานของระบบไฮบริดในเจนเนอเรชั่นที่ 4 ขึ้นตรงกับสภาวะของการขับขี่ ไม่ว่าจะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียวในช่วงสั้นๆ หรือใช้กำลังทั้งจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ผสมผสานกันในการขับเคลื่อน ระบบนี้มอเตอร์ยังสามารถส่งกำลังไปที่เพลาขับเคลื่อนล้อหน้าแม้จะกำลังชาร์จไฟอยู่ก็ตาม หลายคนบ่นเรื่องแรงบิดขณะขับขึ้นภูเขาด้วยสัมภาระและคนโดยสารเต็มคัน แม้จะบรรรทุกมาเต็มคันก็พอที่จะดันขึ้นเขาสูงชันได้ อาจไม่ปราดเปรียวเท่ากับปิกอัพขับสี่ที่มีแรงบิดจากเครื่องดีเซลเหนือชั้นกว่า แต่ Corolla Cross พร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดก็ไม่ได้ทำให้การขับขึ้นทางลาดชันลำบากลำบนจนไปกันไม่ไหว

1- ชุดแปลงกระแสไฟฟ้าแบบใหม่ที่ใช่ร่วมกับ C-HR Hybrid ซึ่งเรียกว่า Inverter with converter assembly ระบบไฮบริดเจน 4 ของ Toyota ออกแบบให้ inverter with converter assembly มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา สามารถบูสไฟฟ้าแรงสูงอย่างรวดเร็วโดยติดตั้งอยู่ด้านบนของชุดเกียร์

2- แบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ ni-mh battery DC 201.6 V168 Cell 6 cell x 28 modules แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลังพร้อมชุดกรองฝุ่นและพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อน โดยมี auxiliary battery ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์ เป็นแบบ EN Type LN1 auxiliary battery

3- ชุดมอเตอร์ 2 ตัวที่ฝังอยู่ในเกียร์เป็นแบบ P610 hybrid transaxle ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว MG1 / MG2 ขนาด 600 โวลต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอเตอร์ไฟฟ้า MG 1 ของ C-HR มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุด AC600 V กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า MG 2 มีแรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร มีแรงดันไฟสูงสุด AC600 V

ใหญ่กว่า HR-V? 
งานตกแต่งภายในของ Corolla Cross Hybrid รุ่นสูงสุด ออกแบบห้องโดยสาร คล้ายกับ New Corolla เวอร์ชั่น Hatchback ที่ขายในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา โดยมีการหยิบเอาอุปกรณ์ต่างๆ ของ Corolla เวอร์ชั่นซีดานมาใช้ร่วมกัน แม้ขนาดตัวถังจะไม่ใหญ่ แต่ภายในก็ถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง เข้าไปนั่งแล้วไม่สร้างความรู้สึกอึดอัด แดชบอร์ดคอนโซลแบบใหม่ที่มีหน้าตาเรียบๆ แดชบอร์ดขึ้นรูปด้วยพลาสติกหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ มีการเดินเส้นกรอบมาตรวัด กรอบของช่องแอร์ลากยาวคาดกึ่งกลางของแดชบอร์ดไปจนถึงช่องแอร์ด้านซ้าย พลาสติเกรดกลางๆ ที่คุ้นเคยประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด จุดที่ออกแบบได้ดีก็คือแผงควบคุมอุณหภูมิกับจอภาพมอนิเตอร์แบบใหม่ที่ตั้งชัน Cross Hybrid มีงานภายในที่ออกแบบได้อย่างลงตัว ด้วยการใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ทั้งหมด เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่งหน้ายังใช้การปรับด้วยมือ เบาะสีแดงมีการสอดแทรกฟองน้ำบริเวณปีกของตัวเบาะ พนักพิงศีรษะไม่สร้างปัญหาให้กับท่านั่งแบบปกติ เกิดจากการออกแบบที่ดี เบาะหลังแบบสามที่นั่งพับได้ (60:40) พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ ถ้านั่งสองคนจะสบายตัวมากกว่าเมื่อเดินทางไกล พื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้ามีมาพอที่จะทำให้ท่านั่งบริเวณเบาะหลังผ่อนคลาย New Corolla Cross ยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย 

ภายในสวยพอใช้ 
กึ่งกลางของแดชบอร์ดติดตั้งจอภาพมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เป็นจอภาพที่มีความคมชัดพอใช้ได้ จอภาพของ Corolla Cross ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม แต่มีกล้องมองรอบคันที่ทำงานพร้อมสัญญาณเสียงจากเซนเซอร์หลังที่คอยตรวจสอบการถอยหลังเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวาง จอภาพมอนิเตอร์ควบรวมระบบปรับตั้งค่าต่างๆ ของรถ และการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ในระบบ Bluetooth ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกผ่าน USB พร้อม Apple CarPlay ใช้เสียบแบบโด่เด่จากชุดเครื่องเสียงจอภาพด้านล่างบริเวณมุมขวา ลำโพง 6 ตำแหน่ง เมื่อลองเปิดเพลงดูก็พบว่าเครื่องเสียงของ Toyota New Corolla Cross นั้นแค่พอใช้ได้ หากอยากได้กำลังขับมากกว่าเดิมก็ต้องไปดิ้นรนหาติดแอมป์เพิ่มเอาเอง จอภาพ 9 นิ้ว ยังรับหน้าที่เป็นจอมอนิเตอร์คอยแจ้งข้อมูลของอัตราสิ้นเปลือง การคำนวนระยะทางและระยะเวลาของการใช้งานตั้งแต่ติดเครื่องยนต์ไปจนถึงการดับเครื่อง

พวงมาลัย
วงพวงมาลัยแบบสปอร์ตสามก้านของ Corolla Cross หุ้มหนังแท้แบบสามก้านยกมาทั้งวงจาก new Corolla Altis มีสวิตช์ปรับตั้งระบบเครื่องเสียง สวิตช์เรียกดูข้อมูลที่จอภาพ MID multi information display ที่อยู่ด้านขวาของหน้าปัดมาตรวัด สวิตช์สั่งงานด้วยเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ก้านวงด้านขวาล้านเลี่ยนเตียนโล่งไม่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control มาให้ อุปกรณ์ดังกล่าวมีแฟนคลับ Altis หลายคนที่อยากได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะได้ใช้งานกันสักเท่าไร

หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay และ T-Connect Toyota แจ้งว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและชอบความทันสมัย โดยเฉพาะจุดขายหลักของรถรุ่นนี้คือ สะดวกสบาย ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเน้นประหยัดน้ำมัน มีค่ามลพิษต่ำ พร้อมระบบบริหารยานพาหนะและการขนส่งแบบครบวงจร FTS (Fleet Telematics Service) สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ที่จะช่วยให้สามารถติดตาม วางแผนการใช้รถ และควบคุมการใช้งาน รวมทั้งพนักงานขับรถได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ โดยมีระบบแสดงผลได้แบบ Real Time พร้อมรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ของตัวรถและการใช้งานรถ

มาตรวัดหน้าตายังดูโบราณ!
มาตรวัดแบบเรืองแสงก็ยังคล้ายกับมาตรวัดของ Altis Hybrid กึ่งกลางมาตรวัดออกแบบเป็นมาตรวัดครึ่งวงกลมเปลี่ยนสีไปตามโหมดขับเคลื่อน เมื่อใช้โหมด ECO หรือ normal สีของมาตรวัดจะเป็นสีฟ้าเรืองแสงสวยงาม เมื่อกดปุ่มปรับโหมดไปที่ Sport มาตรวัดทรงครึ่งวงกลมก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูร้อนแรง กึ่งกลางของมาตรวัดความเร็วเป็นจอแสดงผล MID multi information display แจ้งเตือนสถานะต่างๆในการทำงานของระบบไฮบริด เช่น การถ่ายเทพลังงาน อัตราสิ้นเปลือง ระดับของเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง การตั้งค่าระบบความปลอดภัย ขวามือมาตรวัดเป็นจอวัดระดับเชื้อเพลิงและอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ ส่วนด้านซ้ายเป็นมาตรวัดพลังงานในระบบไฮบริด การชาร์จไฟจากการใช้เบรกหรือใช้เกียร์ B เพื่อชาร์จขณะยกคันเร่งหรือเบรกได้ดีขึ้น


ระบบใหม่ ช่วยได้เยอะเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน Toyota T-Connect Telematics
ระบบที่เชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถยนต์ ผ่าน Smart phone และ Apple watch พร้อมทั้งเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อรับข้อมูลและความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง T-Connect Telematics บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม สัญญาณ Wi-Fi ในรถยนต์

จุดด้อยหรือปัญหาของรถไฮบริดก็คือ แบตฯลูกเล็กกระจิดริด ทำระยะทางได้ไม่ไกลเท่ากับแบตฯความจุเยอะในรถ Plug in Hybrid แถมยังต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำระบบไฮบริดถึงจะสั่งให้มอเตอร์ทำงานเพียวๆ โดยยังไม่สั่งให้เครื่องยนต์ร่วมทำงานผสานแรงบิด และเมื่อจะแก้ปัญหานี้ด้วยการเพิ่มขนาดของแบตฯ ก็จะส่งผลไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจนทำให้บริโภคไฟฟ้ามากจนเกินไป แบตเตอรี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่และมีน้ำหนักเบา เหมาะสมกับระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ Toyota การตอบสนองต่อการกดคันเร่งในโหมด ECO ออกมาในแบบคงที่ ความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ เครื่องยนต์สลับกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการถ่ายเทแรงบิด เครื่องยนต์จะติดๆ ดับๆ ไปตลอดทาง โดยมีการตัดต่อที่เนียนใช้ได้ ปราศจากอาการกระตุกกระชาก แต่ช่วงเร่งเครื่องเต็มกำลัง เพื่อแซงรถช้า เครื่องส่งเสียงดังมากไปนิด ส่วนโหมด Normal คันเร่งตอบสนองในระดับกลางๆ ไม่มากไม่น้อย แต่ก็ดีกว่า ECO ที่ย้วยเพราะเน้นอัตราสิ้นเปลือง ส่วน Sport Mode ตอบสนองได้ดี เหมาะกับความต้องการในการเร่งความเร็ว

จุดเด่นของ Corolla Cross การออกตัวเงียบๆ เมื่อมีไฟฟ้ามากพอ แบบหนีเมียเที่ยวกลางคืน ทำได้โดยไหลไปด้วยความเร็วต่ำเงียบๆ แค่ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เครื่องยนต์ก็จะเข้ามารับหน้าที่ทันที อ้าว ทำไมสั้นแบบนั้น? เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าในแบตตัวเล็ก ไม่ได้มีให้ใช้งานในระยะไกล แค่ 1 กิโลเมตร หรือบางครั้งก็ไม่ถึงด้วยซ้ำ หลังจากนั้น เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาทันที เนื่องจากกระแสไฟถูกใช้ในช่วงออกตัว ซึ่งจริงๆแล้ว ควรจะทำให้วิ่งด้วยไฟฟ้าสัก 5-10 กิโลเมตร จะดีกว่านี้มาก เบาะหุ้มหนังสีแดง มีฟองน้ำรองภายในทำให้นั่งนุ่มนั่งสบายและมีรูปแบบที่สวยงามปรับได้หลายทิศทาง แต่เบาะคนนั่งซึ่งหมายถึงเบาะคุณภรรยาก็ยังเป็นแบบปรับมืออันนี้ควรให้มาเป็นเบาะไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว มีหลายส่วนของ Corolla Cross ที่ถูกทำออกมาดี แต่ก็มีบางจุดบางตำแหน่งที่ต้องแก้ใขปรับปรุง เช่น เสียงเครื่อง เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนถนน การจัดวางอุปกรณ์ภายในทำออกมาใช้ได้ยกเว้นจอภาพที่ตั้งโด่เด่ดูแปลกตาพิกล เหมือนเอาจอที่ซื้อเองจากร้านเครื่องเสียงติดรถยนต์มาติดตั้งเอง 

Corolla Cross ถูกออกแบบให้เป็นรถที่ควบคุมได้ง่าย พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำเที่ยงตรงใช้ได้ ขับเร็วๆ ก็ไม่ได้เบาจนน่ากลัว ขับช้าจะถอยหรือเลี้ยวเพื่อจอดก็เบาสบายข้อมือ เป็นชุดบังคับเลี้ยวมาตรฐาน Toyota ที่ทำออกมาได้ดีใช้ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนรีบๆ และต้องใช้ความเร็วบนไฮเวย์อย่างต่อเนื่อง ระยะฐานล้อที่ยาว 2,640 มิลลิเมตร กับน้ำหนักตัว 1.4 ตัน และความสูงสไตล์ Crossover ทำให้ความพยายามในการลดจุดศูนย์ถ่วงของรถต้องพบกับความยากลำบาก เนื่องจากสัดส่วนความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่มากกว่า Corolla Altis ทำให้การติดตั้งแบตฯ ไว้ใต้เบาะหลังมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก รวมถึงยังทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายไม่ได้รับความกระทบกระเทือนและยังคงมีพื้นที่มากพอสำหรับการขนของ ฝาท้ายติดตั้งเซนเซอร์ที่ใช้เท้าแหย่เข้าไป ลองครั้งแรกก็เปิดออกอย่างง่ายดาย พอลองอีกครั้งแลหลายๆ ครั้งก็ดันไม่เปิดซะงั้นทั้งๆ ที่แหย่เท้าเข้าจุดเดียวกันตลอด ว่ากันว่าแพลตฟอร์ม TNGA มีส่วนช่วยทำให้โครงสร้างของ Cross แข็งแรงขึ้นอีก 60% เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มของ Altis รุ่นที่แล้ว ความแข็งแรงดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อการบังคับควบคุมทำให้เกิดความคล่องตัวและกระจายนำ้หนักได้ดีกว่ารถไฮบริดรุ่นที่แล้ว 

ช่วงล่างหลังแบบคานแข็งหรือทอร์ชั่นบีม หลายคนอาจมีความกังวนว่า ทอร์ชั่นบีมที่ด้านหลัง จะทำให้การทรงตัวไม่ดีเท่ากับมัลติลิ้งค์ และแตกต่างจากพี่น้องร่วมวงตระกูล TNGA ซึ่งใช้ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิ้งค์ ทอร์ชั่นบีมของ Cross มีชิ้นส่วนไม่มากเท่ามัลติลิ้งค์ ทำให้น้ำหนักส่วนท้ายไม่มากเกินไป ส่วนระบบอากาศพลศาสตร์นั้นก็ทำออกมาแค่พอใช้ได้ ด้านหน้าที่ตั้งชันทำให้มันต้านลมพอสมควร แต่เมื่อขับไปได้ไม่ไกล คุณจะพบกับความปราดเปรียวตามแบบฉบับของ Corolla Altis Hybrid ที่ถูกยกความสูง อย่างที่บอกว่าการเชื่อมต่อพลังงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้านุ่มนวลและราบรื่น เป็นจุดเด่นที่สร้างความพึงพอใจเมื่อขับใช้งาน ถึงแม้ว่า Cross จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำตัวเป็นรถไฮบริดประสิทธิภาพสูงเหมือนรถเยอรมันที่มีตัว e ต่อท้าย แต่คุณจะพบกับความฉับไวจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและช่วงล่างที่ดูเหมือนออกแบบง่ายๆ แต่มีการปรับตั้งมาอย่างลงตัว 

จุดเด่นของ Toyota เกือบทุกรุ่นก็คือ การเป็นรถซื้อง่าย ขายคล่อง ทนทานำไม่ค่อยจุกจิก แม้จะมีบางระบบที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอะไร แต่ความเสถียรและความคงทนนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั้งวงการ รวมถึงศูนย์บริการที่คอยดูแลซ่อมบำรุงก็มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ทำให้เป็นรถที่ง่ายต่อการตัดสินใจ Toyota ยุคใหม่ มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม แพลตฟอร์ม TNGA ทำให้รถสามห่วงในปัจจุบันขับได้ดีขึ้น ส่วนจุดด้อยก็มี เช่น เซนเซอร์ที่ใช้เท้ากวาดใต้กันชนหลัง เพื่อสั่งให้ฝาท้ายไฟฟ้าเปิด พอแหย่เท้า หรือกวาดเท้าผิดตำแหน่ง ฝาท้ายไฟฟ้าก็ไม่ยอมเปิด ต้องซ้อมให้แม่นว่าจะแหย่เท้าเข้าไปในตำแหน่งที่ตรงกับเซนเซอร์จริงๆ เท่านั้น ฝาเจ้ากรรมถึงจะเปิดออก ทางที่ดี Toyota ควรเพิ่มเซนเซอร์ให้เยอะขึ้น หรือให้เซลส์ เทรนลูกค้าตอนรับรถให้ใช้ท่าที่มีความแม่นยำสูงสุด จะได้ใช้การแหย่ แค่ครั้งเดียว แล้วฝาท้ายเปิดออกทันที ซึ่งจะดีงามมากกว่าที่เป็นอยู่! 

ด้วยความไม่รู้ ความกลัว หรือความเข้าใจที่ผิดๆ ทำให้ Cross รุ่นเบนซิน 1.8 ไม่ไฮบริด จึงมีลูกค้าซื้อไปใช้เยอะพอสมควร ส่วนคนที่เลือกรุ่นไฮบริด โดยไม่มานั่งกังวนโน่นนี่นั่นจะพังก่อนเวลาอันควร ก็จะได้รถที่ ขับสนุกและประหยัดน้ำมันเอาเรื่องในระดับ 24 กิโลเมตรต่อลิตร ขับช้าไปเรื่อยๆ ที่ความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Corolla Cross 1.8 Hybrid เป็นรถพลังงานผสม (เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า) ที่ประหยัดดีมาก สำหรับการรับประกันทั้งแบตฯ และระบบไฮบริด ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ดี อายุการใช้งานในระบบไฮบริดของ Toyota เฉลี่ย เฉียดๆ 10 ปี หรือมากกว่านั้นเล็กน้อย เห็นได้จากรถไฮบริดอย่าง Toyota Prius ที่ยังวิ่งกันให้เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไม่พังง่ายๆ ขนาดมีคนเอาไปทำแท็กซี่ก็ยังเห็นมีวิ่งอยู่เยอะละครับ 

อีกไม่นาน Toyota ก็จะปล่อนยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่งจะเข้ามาแทนรถไฮบริดในอนาคตอันใกล้นี้ แต่รถไฮบริดส่วนใหญ่ที่วิ่งอยู่บนโลกใบนี้ เกินกว่า 80% เป็นรถของ Toyota แทบทั้งนั้น คงไม่ต้องมาบ่นเรื่องความคงทนของระบบไฮบริดอีกต่อไป เพราะถ้าพังง่าย คงขายไม่ออกไปนานแล้ว สำหรับ Corolla Cross มีความน่าใช้งานตรงที่ความประหยัดและพื้นที่ใช้สอย ความง่ายในการขับขี่ และความสะดวกสบายของรุ่นท็อปที่มีอุปกรณ์ที่ให้มาเกือบจะครบ แค่ปรับปรุงเรื่องการเก็บเสียงจากเครื่อง 1.8 อีกนิด รวมถึงการเปิดของฝาท้ายไฟฟ้าด้วยการใช้เท้ากวาด (ที่คนกวาดเท้า ทำไม่เคยถูกตำแหน่งซะที) ก็น่าจะกลับขึ้นแท่นเบอร์ 1 รถอเนกประสงค์ไซส์เล็กได้ไม่ยากละครับ.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/