Mazda Japan เปิดเผยรายละเอียดของ Mazda 3 แฮตช์แบ็กและซีดานรุ่นปรับปรุง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังด้วยรุ่นที่วางเครื่องยนต์ SkyActiv-X พร้อมระบบไฮบริดเสริม mild hybrid 24V แยกแบตเตอรี่ออกเป็นสองชุดเพื่อความเสถียรของระบบไฟ การใช้กลไกไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ขนาดเล็กเพื่อจับพลังงานที่เสียไประหว่างการเบรก โดยแปลงเป็นกระแสไฟและเก็บไว้เพื่อจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เพื่อลดภาระกรรมของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง Mazda 3 SkyActiv-X มีอัตราเร่ง 0-100 ใน 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

...

เครื่องยนต์จุดระเบิดด้วยการบีบอัดที่ควบคุมด้วยหัวเทียน หรือ spark-plug-controlled compression ignition ขนาด 2.0 ลิตร สี่สูบ ที่ถูกวางลงใน Mazda3 โฉมปัจจุบัน สร้างกำลังได้ 132 กิโลวัตต์ หรือ 180 แรงม้า และแรงบิด 224 นิวตันเมตร อย่างไรก็ตาม การอัปเดตล่าสุดของเครื่องยนต์ SkyActiv-X พบว่า เอาต์พุตหรือกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 240 นิวตันเมตรจากการปรับจูนใหม่ 

Skyactiv-X รวมข้อดีของเครื่องยนต์เบนซินจุดระเบิดด้วยประกายไฟจากหัวเทียน ทำงานในรอบสูงพร้อมการปล่อยไอเสียที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ผสมกับระบบการทำงานที่คล้ายกับเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งจุดระเบิดด้วยแรงอัด Skyactiv-X ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้การตอบสนองที่ดี ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษต่ำ เป็นการวิจัยและปรับปรุงขุมกำลังที่เข้าประจำการในรถยนต์ของ Mazda ในปี ค.ศ.2019 เริ่มจาก New Mazda 3 หลังจากเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G และเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D เคยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในด้านขุมกำลังที่มีประสิทธิภาพมาแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน

...

Skyactiv-X สร้างขึ้นมาเพื่อการปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้วยระบบการเผาไหม้แบบใหม่ โดยปรับให้มีการเผาไหม้ของปริมาณอากาศที่มากยิ่งขึ้น มีอัตราส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับการทำปฏิกิริยาตามทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้ โดยใช้อัตราส่วนกำลังอัด 14.7:1 การสร้างอัตราส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้อากาศไปเพิ่มอัตราส่วนความร้อนจำเพาะสูงขึ้น ลดอุณหภูมิของก๊าซเผาไหม้ ลดการสูญเสียเนื่องจากการระบายความร้อน ถือเป็นการออกแบบวงจรการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อนำเอาอากาศปริมาณมากๆ ด้วยชุดอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จ เพื่อลดการสูญเสียกำลังจากการปิดของลิ้นเร่ง ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

...

แน่นอนว่าขุมกำลังรุ่นใหม่นี้ไม่มีขายในประเทศไทย Mazda ระบุว่าคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในบางประเทศ ทำให้ไม่สามารถนำเสนอตัวเลือกเครื่องยนต์รุ่นใหม่ SkyActiv-X จากปัญหาคุณภาพของเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ รุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล SkyActiv-D ขนาด 1.8 ลิตร ก็จะไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยอีกเช่นกัน ปัจจุบัน Mazda 3 ที่วางขายในไทย ประจำการด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ SkyActiv-G รุ่นเก่า ซึ่งไม่มีระบบอัดอากาศและใช้การหายใจด้วยตัวของมันเอง โดยไม่พึ่งพาเทอร์โบ ทำให้เครื่องรุ่นนี้มีกำลังแค่ 165 แรงม้า กับแรงบิด 213 นิวตันเมตร น้อยไปนิดเมื่อเทียบกับความสปอร์ตของรูปลักษณ์ และประสิทธิภาพของช่วงล่างกับชุดบังคับเลี้ยว ในขณะที่ขุมพลังเทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.5 ลิตร ดูเหมือนจะเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะในอเมริกาเหนือเท่านั้น แม้แต่ญี่ปุ่นบ้านเกิดเมืองนอนก็ยังไม่มีรุ่นเทอร์โบจำหน่าย 

...

มีอะไรใหม่สำหรับ Mazda 3 รุ่น SkyActiv-X อีกบ้าง? แม้ว่าการจัดแต่งรูปลักษณ์ภายนอกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ Mazda Japan ได้ทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายใต้เปลือกตัวถัง เพื่อเป็นการปรับไดนามิกของรถให้เข้ากับแรงบิดที่มากกว่าเครื่องเดิม โดยมีการปรับแต่งคอยล์สปริงและโช้คอัพในทุกรุ่นที่มีกำลังมากกว่ารุ่นมาตรฐาน รวมไปถึงการปรับจูนสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์และความสบายในการขับขี่

Mazda ยังได้อัปเดตคุณสมบัติของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆ รวมถึงฟังก์ชั่นระบบความปลอดภัยแบบใหม่ cruising and traffic support และระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยเรดาร์ หรือ radar cruise control system ในญี่ปุ่น Mazda 3 ยังมีรถรุ่นพิเศษที่ระลึกจากการคว้ารางวัล World Car Design of the Year ประจำปี 2020 ซึ่งรถที่ซิวรางวัลนี้ก็คือ Mazda 3 รวมไปถึง Mazda 3 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปีของบริษัทฯ ที่มีวางขายอยู่ในประเทศไทยเช่นเดียวกัน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/