ปัจจุบัน รถอเนกประสงค์ทั้งครอสโอเวอร์และเอสยูวีนั้นได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับการใช้งานที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารถเก๋งในด้านพื้นที่เก็บสัมภาระ การเลือกซื้อรถยนต์จึงมีหลากหลายเหตุผลที่ผู้ซื้อต้องคิดและนำมาพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น สมรรถนะ ความปลอดภัย ลักษณะการใช้งาน งบประมาณ หรือชอบดีไซน์ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีผลต่อการตัดสินใจที่สำคัญ นั่นคือ เทคโนโลยี บรรดาค่ายรถยนต์ต่างงัดกลเม็ดต่างๆ เข้ามาใส่ในรถยนต์แต่ละรุ่น เพื่อเป็นตัวช่วยให้การขับขี่เกิดความสะดวกสบายมากที่สุด มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ความมั่นใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร หนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจจาก Mazda ที่นำเสนอภายใต้แนวคิดที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยให้ความสำคัญกับความสนุกในการขับขี่ และความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ ถูกบรรจุไว้ในรถรุ่นใหม่อย่าง MAZDA CX-30

...

หลังจากผลิตรถขายดีอย่างเอสยูวีและครอสโอเวอร์รุ่น CX-5 / CX-8 และ CX-3 ล่าสุด Mazda Sales Thailand เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด NEW MAZDA CX-30 รถยนต์ที่มีรูปลักษณ์เชื่อมโยงกับ NEW MAZDA 3 แต่ถูกยกความสูงเพิ่มขึ้นเพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น การประกอบรถรุ่น CX-30 เพื่อขายในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นการเปิดเกมรุกให้กับรถยนต์ Mazda ในตระกูล CX-Series NEW MAZDA CX-30 มาพร้อมแนวคิด LIFE’S ALWAYS ON ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Less is More ใช้ความเรียบง่าย ปราดเปรียวและสวยงาม CX-30 ติดตั้งระบบช่วยทรงตัว GVC PLUS

...

...

...

เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์รุ่นเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน All New Mazda 3 2019 ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทย ขุมกำลังเบนซินแบบ 4 กระบอกสูบ ขนาด 2.0 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,997 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 83.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 91.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด แพลตฟอร์ม MAZDA เจเนอเรชั่นใหม่ที่ใช้ร่วมกับ NEW MAZDA 3 เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน

CX-30 รุ่นเริ่มต้นมีราคาน่ารักน่าชัง สูสีกับ MAZDA 3 เกือบทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นสูงสุด ด้วยการตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้นไม่ถึงหนึ่งล้านบาท มาพร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ขยายการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กม. อัตราดอกเบี้ย 1.99% โดยมีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ SKY BOOKING

MAZDA CX-30 รุ่นและราคา

MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

NEW MAZDA CX-30 มีรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในคล้ายกับ NEW MAZDA 3 Mazda CX-30 ใช้ไฟหน้า กระจังหน้า เหมือนกับ Mazda 3 รุ่นล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทย CX-30 ติดตั้งกระจังหน้าพลาสติกสีดำที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ซุ้มล้อทั้งสี่หุ้มด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำ (คล้ายกับ CX-5) เสาหน้าเอนลาดด้วยองศาที่สมบูรณ์แบบและลงตัว ด้านข้างไหลลื่นแบบเรียบๆ ปราศจากคิ้วที่ทำให้ดูรก เสาท้ายออกแบบได้อย่างสวยงามสอดประสานไปกับผืนหลังคาที่ค่อยๆ ลาดเทลงไปยังส่วนท้าย ฝาท้ายแบบใหม่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ไฟท้าย LED ออกแบบได้อย่างลงตัว กันชนหลังเป็นชิ้นงานพลาสติกสีดำขนาดใหญ่เชื่อมโยงมาจากซุ้มล้อหลัง ท่อระบายไอเสียฝั่งละท่อที่เป็นของจริงไม่ใช่ท่อหลอกๆ ที่ตกแต่งเพื่อความสวยงาม มิติตัวถังของ CX-30 มีความยาว 4,395 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,540 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,655 มิลลิเมตร

ด้านหน้าแบบใหม่ทั้งกระจังหน้าและไฟหน้า LED ภายในกรอบไฟหน้ายังมีไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light ตัวถังด้านข้างไหลลื่นผสมผสานกับเสาหน้า ผืนหลังคาและเสาท้ายที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่น ไฟท้าย ฝาท้ายกับกันหลังและท่อระบายไอเสียออกแบบใหม่ทั้งหมด MAZDA CX-30 รุ่นสูงสุดติดตั้งหลังคาซันรูฟทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนภายในห้องโดยสารที่มีรูปแบบการจัดวางอุปกรณ์คล้ายกับ MAZDA 3 ใช้วัสดุที่มีคุณภาพตกแต่งอย่างสวยงามโดยเฉพาะการหุ้มเบาะและแผงประตู

ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร MAZDA SALES THAILAND กล่าวว่า ตลาดรถอเนกประสงค์เป็นตลาดใหญ่รองจากตลาดปิกอัพและรถเก๋งเล็ก โดยในปีที่ผ่านมาเซ็กเมนต์นี้มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นกว่า 146,560 คัน (รวม PPV) หากแยกเฉพาะ SUV มียอดขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 86,000 คัน MAZDA มียอดขายรวม 5,736 คัน ในปี 2563 นี้ คาดการณ์ว่าตลาดในเซ็กเมนต์นี้จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5 แสนคัน (รวม PPV) และที่สำคัญ MAZDA ตั้งเป้าไว้สูงถึง 18,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 200% โดยตั้งเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในเซ็กเมนต์นี้เช่นเดียวกับ MAZDA 2 ที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ตลาดรถยนต์นั่งซิตี้คาร์มาแล้ว ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่า CX-30 จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทย ให้หันมานิยมรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท Crossover มากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ในหลายประเทศ

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดขายสะสมสูงถึง 1,007,000 คัน เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2561 ตัวเลขยอดรวมอยู่ที่ 1,041,000 คัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพียง 3% ในขณะที่มาสด้ามียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 58,129 คัน MAZDA คาดการณ์ว่าตลาดรวมในปี 2563 จะลดลงประมาณ 5-10% มาอยู่ที่ประมาณ 920,000 – 940,000 คัน ในขณะที่ MAZDA ตั้งเป้ายอดในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 60,000 คัน

แม้ว่าจะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาด แต่ MAZDA เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยยอดขายรวมสะสมปี 2563 ที่ผ่านมา 2 เดือน (มกราคมและกุมภาพันธ์) ตัวเลขรวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ (ประมาณการ) 140,000 คัน และเป็นยอดขายรถยนต์มาสด้าอยู่ที่ประมาณ 7,000 คัน และหากพิจารณายอดขายของแต่ละเซ็กเมนต์พบว่ากลุ่มรถอเนกประสงค์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยฟังก์ชันความอเนกประสงค์ของตัวรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

ในปี 2562 ที่ผ่านมา MAZDA เดินหน้าลุยตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี ด้วยการส่ง NEW MAZDA CX-3 EXCLUSIVE MODS รุ่นตกแต่งพิเศษที่ยกระดับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต่อด้วยรุ่น NEW MAZDA CX-5 ใหม่ ได้รับการยกให้เป็นรถเอสยูวีที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในตลาด จากเครื่องยนต์ใหม่เบนซิน SKYACTIV-G อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ความจุ 2.5 ลิตร หลังจากนั้นจึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์สำหรับครอบครัวด้วยการเผยโฉม MAZDA CX-8 ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมแบบที่นั่ง 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาด นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา กวาดยอดขายสะสมได้มากกว่า 1,000 คัน

นายชาญชัย กล่าวเสริมว่า การเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-30 ในวันนี้เป็นการเข้ามาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เติมเต็มตลาดรถอเนกประสงค์ของ MAZDA ที่มีวางจำหน่ายมากที่สุดถึง 4 รุ่น ประกอบด้วย CX-3, CX-30, CX-5 และ CX-8 เราต้องการให้รถยนต์มาสด้าเข้ามาเพื่อเติมเต็มวิถีการดำรงชีวิตของลูกค้า เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง ก่อเกิดเป็นความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว กลยุทธ์ทางการตลาดของ MAZDA ในปี 2563 คือ การผลักดันแบรนด์สู่การเป็นผู้นำรถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด การเผยโฉมรถยนต์รุ่นใหม่นี้จะเข้ามาเติมเต็มตระกูล CX Series  ซึ่งอักษร CX แทนความเป็น SPORTS CROSSOVER 

ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์, รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ MAZDA SALES THAILAND กล่าวว่า MAZDA วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในแต่ละรุ่นไว้อย่างชัดเจน สำหรับ ALL-NEW MAZDA CX-30 กับพร้อมคอนเซปต์ LIFE’S ALWAYS ON เป็นรถยนต์ที่จะเข้ามาเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อออกไปแสวงหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากบทบาทหนึ่งไปสู่อีกบทบาทหนึ่ง จากคนโสดสู่การมีคู่ชีวิต ต่อเนื่องไปสู่การเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ที่ใช้เวลาร่วมกันบนรถยนต์ในการออกไปค้นหาเรื่องราวใหม่ๆ ให้กับชีวิต ด้วยขนาดของ NEW MAZDA CX-30 ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 ส่งผลให้รถรุ่นนี้มีความคล่องตัวสูง มีทัศนวิสัยที่ดีตามแบบฉบับรถครอสโอเวอร์ ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งในและนอกเมืองประมาณ 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร

MAZDA CX-30 ถือเป็นรถครอสโอเวอร์เจเนอเรชั่นใหม่รุ่นแรกของ MAZDA ออกแบบอย่างสวยงามด้วยแนวคิด KODO: Soul of Motion ได้รับการยกระดับดีไซน์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่งดงาม โดยยังคงเน้นความเรียบหรูด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยว ดีไซน์ภายนอกสู่ห้องโดยสาร เชื่อมโยงผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้สามารถสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถัน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพดี เพื่อยกระดับตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวีของประเทศไทย ความเงียบของห้องโดยสาร ความสะดวกสบายทั้งในตำแหน่งขับขี่และผู้โดยสาร รวมไปถึงความปลอดภัยตลอดการขับขี่

แพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่พัฒนาจากท่วงท่าของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล มอบความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงผู้ใช้ถนน อีกทั้งยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ ลดการแก้พวงมาลัยน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่ ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการโคลงตัวที่ลดลง

MAZDA ยังคงถ่ายทอดจุดเด่นด้านความหรูหราภายในห้องโดยสาร ด้วยการเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมคุณภาพสูง ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารถูกพัฒนาตามหลักปรัชญา HUMAN CENTRIC PHILOSOPHY ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่ออกแบบให้โอบกระชับรองรับกับสรีระ ช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะกำลังเดิน พวงมาลัยและคันเร่งได้รับการจัดวางอย่างลงตัว มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ รวมถึงฟังก์ชันและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้าช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สร้างอารมณ์สุนทรีย์ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง สะดวกสบายตลอดเส้นทางภายในห้องโดยสารที่เงียบโปร่งสบาย พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

MAZDA CX-30 ติดตั้งเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE พัฒนาโดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุมากถึง 12 ระบบ เช่น

ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
อีกทั้งยังปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง

MAZDA CX-30 สีตัวถัง 7 สี ประกอบด้วย
สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)

MAZDA CX-30 รุ่นและราคา

MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
MAZDA CX-30 รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

จองในระบบออนไลน์ผ่าน https://skybooking.mazda.co.th/