เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวแรงรับท้ายปี จัดรถสปอร์ตประสิทธิภาพสูง 3 รุ่น พร้อมชวน เพิ่มอะดรีนาลีนให้เต็มสูบกับการทดสอบทัพเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี แบบครบตระกูลเป็นครั้งแรก ใน Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต



...



เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้ผลิตรถสปอร์ตสายพันธุ์แรงแถวหน้าของโลก เปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่น เริ่มจาก Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นปรับโฉม 2019 ประกอบในประเทศ จัดราคาใหม่ได้ใจลูกค้า 4,220,000 บาท กับตัวแรงของผู้บริหารระดับสูง Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ สปอร์ตซุปเปอร์ซาลูนพลัง 600 แรงม้า แรงบิดอย่างโหด 850 นิวตันเมตร ปล่อยราคาท้าชน BMW M5 ที่ 12,790,000 บาท และสปอร์ตคุณหนูเครื่องใหม่หัวใจเล็กจิ๋ว Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นปรับโฉม 2019 พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 4 สูบ 1.5 ลิตร ผสานระบบไฮบริดจิ๋ว 48V มาในรูปแบบประกอบในประเทศกับค่าตัว 3,450,000 บาท เป็นการกดราคายั่วความอยากของเศรษฐีไทย รถทั้งหมดขนมาให้ชมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับการยกทัพรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีครบทั้งตระกูลกว่า 9 รุ่น ทุกเซ็กเมนต์ พาสื่อมวลชนและลูกค้าก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเอง ด้วยการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ กับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศ ดีกรีแชมป์การแข่งขัน มอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

...


Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นปรับโฉม 2019 ประกอบในประเทศ ราคา 4,220,000 บาท

...


Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ราคา 12,790,000 บาท

...


Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นปรับโฉม 2019 ประกอบในประเทศ ราคา 3,450,000 บาท

โรลันด์ โฟลเกอร์ นายใหญ่คนใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งหมาดๆโดยย้ายจากประเทศมาเลเซียและเข้ามารับตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) คนล่าสุด กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมทำการตลาดที่หลากหลายเพื่อตอกย้ำภาพการเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่สนใจรถยนต์สปอร์ต สมรรถนะสูง ด้วยยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทั่วโลกสูงถึงกว่า 130,000 คันเมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา




การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ หรือ Driving Performance ถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีทั้งการขับขี่ที่โดดเด่นจากเทคโนโลยีใหม่ของระบบขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์หรือระบบส่งกำลังที่เน้นประสิทธิภาพ พร้มระบบความปลอดภัยเต็มสูบ สมรรถนะของรถยนต์จากแบรนด์ตราดาวเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่วิศวกรให้ความสำคัญอย่างสูงสุด โดยเฉพาะรถยนต์ที่ประทับตรา AMG กิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 จึงถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการสานต่อปรัชญาในการผลิตรถยนต์คุณภาพสูง และแบบฝึกหัดการควบคุมรถยนต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับสปอร์ตสมรรถนะสูง ซึ่งมีแรงม้าตั้งแต่ 180 แรงม้าไปจนถึง 600 แรงม้า แบรนด์ตราดาวเชิญสื่อมวลชนและลูกค้าของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ จำนวนกว่า 600 คน มาร่วมก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองพร้อมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ดีกรีแชมป์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ในระหว่างวันที่ 13 - 21 ตุลาคม ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยให้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยในช่วง 9 เดือนแรก ที่ผ่านมา มียอดขายที่เติบโตสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงประมาณ 350% ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนของแบรนด์ ทางบริษัทฯ จึงได้มีการดำเนินกลยุทธ์ วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมแผนรองรับกลุ่มลูกค้า เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่สนใจรถยนต์กลุ่มนี้



ด้วยเหตุนี้ ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จึงได้เปิดตัวคอมมูนิตี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แกร่งในตระกูล เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่าง Mercedes-AMG Driving Experience 2018 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกลุ่มรถยนต์ที่แรงที่สุดในโลก (World’s Fastest Family) ไปด้วยกัน รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 2 รุ่นล่าสุด อย่าง Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ล่าสุด Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ และ Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน”





กิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 มีไฮไลต์พิเศษอยู่ที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้มาร่วมกระตุ้นอะดรีนาลีนให้สูบฉีดเหมือนกำลังแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต จากการสัมผัส และทดสอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีครบทั้งตระกูลเป็นครั้งแรกอย่างใกล้ชิดปัจจุบัน แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีรถยนต์ที่วางขายในประเทศไทยทั้งหมด 11 รุ่น ทั้งรุ่นที่ประกอบในประเทศและนำเข้า ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ รถซาลูนที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถเอสยูวี รถยนต์สไตล์คูเป้ รถเปิดประทุนสไตล์คาบริโอเลต์และโรดสเตอร์ตระกูล AMG GT



Mercedes-AMG Driving Experience 2018 แบ่งผู้เข้ารับการอบรมออกเป็นกลุ่มต่างๆ และแบ่งการทดสอบออกเป็น 4 สถานี พร้อมแบบฝึกหัดสุดท้าทายในการขับขี่ แบบเต็มสนาม โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน และได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยี และนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทุกรุ่น ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากสมรรถนะ และเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มาพร้อมกับตัวรถได้อย่างเต็มที่


ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางบริษัทฯ อีกหนึ่งความพิเศษที่เตรียมมาให้กับสื่อมวลชนในครั้งนี้ คือการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นยอดนิยมภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีและเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ รูปโฉมใหม่ของตระกูลซี-คลาสคูเป้ และการยกระดับสมรรถนะจากสำนักแต่ง AMG พัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ รวมถึงเพิ่มเติมความหรูหราและความสปอร์ตภายในห้องโดยสารให้ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อปรับเพิ่มสมรรถนะในการใช้งาน

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ รถยนต์ ตัวแรงที่สุดที่เคยมีมาในรถยนต์ตระกูล E-Class ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร 612 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที

Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้ เจนเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่ม Dream Car สามารถเข้าชมรถยนต์รุ่นใหม่นี้ได้อย่างใกล้ชิด ณ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป




รายละเอียดของแต่ละสถานีทดสอบ สถานีที่ 1 “Brake and Swerve” เป็นการทดสอบระบบเบรก ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์ อันได้แก่ ระบบ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และเป็นการทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของตัวผู้ขับขี่เอง โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. และเมื่อเห็นสัญญาณไฟกะพริบจากทางซ้ายหรือขวา ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องเหยียบเบรก และหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางตามทิศทางของสัญญาณไฟนั้น




สถานีที่ 2 “ESP® Exercise” เป็นการทดสอบโดยอิงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการเปรียบเทียบสิ่งกีดขวางเป็นคนเดินถนน ผู้ขับขี่จะได้ทดสอบทั้งการควบคุมการขับขี่ในสถานการณ์คับขันและทักษะการใช้สายตาเพื่อกะระยะทาง โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. แล้วหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านขวามือโดยไม่เหยียบเบรก และต้องควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการจะไป โดยมองไปในทิศทางที่ต้องการบังคับรถ ซึ่งการควบคุมรถในลักษณะนี้ จะทำให้ระบบ ESP® ทำงาน และลดความเร็วของรถยนต์ลง 30 กม./ชม.




สถานีที่ 3 “Motorkhana” เป็นสถานีที่จำลองมาจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตชนิดหนึ่ง โดยสถานีนี้จะให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ฝึกบังคับรถยนต์ในสนามจำลองเล็กๆ ที่มีอุปสรรคมากมายภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด หากชนสิ่งกีดขวางใดๆ เช่นไพลอนจะโดนปรับเวลา 2 วินาที ต่อการชน 1 ครั้ง




สถานีที่ 4 “Cornering Theory” เป็นสถานีทดสอบการเข้าโค้ง ที่จะใช้พื้นที่โค้งภายในสนามทั้งหมด 4 โค้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละโค้งจะมีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการควบคุมความเร็วของรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ ในแต่ละโค้งจะมีสิ่งกีดขวางที่วางไว้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้กับผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ทราบถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อเข้าโค้งนั้นๆ เช่น จุดที่ต้องเบรก จุดที่ต้องหักเลี้ยว หรือจุดเอเป็กซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินคันเร่งส่งรถออกไปจากโค้งได้ปลอดภัย และรวดเร็วที่สุด
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศไทย



Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé
รถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล 43 รุ่นปรับโฉม ที่ได้รับการยกระดับทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความสปอร์ตให้เป็นไปตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงิน แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม โครงสร้างบังคับ ทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาจากเอเอ็มจี โดยช่องลมและองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาล้ออัลลอยนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรก ที่ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงาน ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ พร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look ประตูแบบไร้ขอบ กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัว จากตัวถัง ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถและกรอบหน้าต่าง เส้นสายด้านข้างตัวรถที่ยาวลงไปถึงซุ้มล้อหลัง ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า





ดีไซน์ภายใน
ชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seat วัสดุหุ้มหนังแท้กับคุณสมบัติการอุ่นเบาะและระบบทำความเย็นที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลังและปีกทั้ง 2 ข้าง เพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น พนักพิงศีรษะที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อช่วยปลุกเร้าความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Progressive พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วและสอดคล้องกับสภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยรุ่นใหม่แบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนัง Nappa leather รูปทรงสปอร์ตท้ายตัด ออกแบบเป็นวงโค้งให้ใช้คำสั่งหรือก้านควบคุมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น คันเกียร์ที่คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะและรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้าง ที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้ โดยด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงหน้าปัด และ Cruise Control ด้านขวาใช้ควบคุมระบบมัลติมีเดีย ระบบโทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง


AMG C43 Minor change 2019 ติดตั้งระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ตกแต่งภายในด้วย AMG matt Silver glass-fibre
นวัตกรรมและเทคโนโลยี
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé มาพร้อมกับชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่
หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost
หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบ กันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP® และเกียร์ที่ใช้อยู่
หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม
หน้าจอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งสามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อยและมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย

หน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบ กราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport Plus, Individual และโหมดการขับขี่ใหม่ คือ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกเพราะฝนหรือหิมะ
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นปรับโฉม 2019 ประกอบในประเทศ ราคา 4,220,000 บาท

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+
Mercedes-AMG ได้สร้างนิยามใหม่ของคำว่าซีดานสมรรถนะสูง ด้วยการนำสุดยอดซีดานอัจฉริยะมาปรับโฉมพร้อมเพิ่มเติมความแรง เพื่อให้เป็นที่สุดของรถยนต์สมรรถนะสูงในตระกูล E-Class โดยใช้ชื่อว่า Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ซึ่งเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ ผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถยนต์ขึ้นไปอีกขั้น เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 เทอร์โบคู่ แรงม้าสูงสุด 612 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 3.4 วินาที ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยติดตั้งไว้ใน E-Class



แบรนด์ตราดาวยังได้มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีช่วยลดการทำงานที่สูญเปล่าของเครื่องยนต์และเพิ่มอายุการทำงานของลูกสูบ หรือ CDS (Cylinder Deactivation System) ให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงเพิ่ม AMG SPEEDSHIFT MCT (มัลติคลัตช์เทคโนโลยี) และระบบเกียร์ความเร็ว 9 สปีดพร้อมกับคลัตช์เปียก (wet start-off clutch) เป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองได้อย่างคล่องตัวขึ้น




ดีไซน์ภายใน
เบาะแบบ AMG Performance Seat ชุดหน้าจอความละเอียดสูง COMAND® ขนาด 12.3 นิ้ว เลือกหน้าจอได้ 3 แบบ คือ Classic, Sport และ Progressive ระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี ระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester® high-end 3D surround sound system


ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี
ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE®, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth รุ่นเครื่องยนต์ เบนซิน แบบ V8 เทอร์โบคู่ ปริมาตรความจุ 3,982 ซีซี กำลังสูงสุด 612 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 2,500-4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม. /ชม.
Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ นำเข้าทั้งคันจากเยอรมนี ราคา 12,790,000 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศไทย





ดีไซน์ภายนอก
Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ใช้การออกแบบด้านหน้าและท้ายรถใหม่ให้โฉบเฉี่ยว ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ระบบกันสะเทือนแบบ AMG Sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL รถสปอร์ตคูเป้รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้สาวกดาวสามแฉกพบกับการขับขี่อย่างเพลิน ดีไซน์แผงหน้าปัดแบบดิจิทัล ระบบกันสะเทือน DYNAMIC BODY CONTROL เครื่องยนต์ 4 สูบ เทคโนโลยี EQ boost เป็นระบบไฮบริดเสริม ขนาด 48 โวลต์



ไฟ New Multibeam LED แบบใหม่ล่าสุดมาให้ ระบบส่องสว่างทั้งสองแบบประจำการอยู่ใน C-Coupe Minorchange 2019 ทั้ง C200 AMG และ C43 AMG เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขับตอนกลางคืน เป็นไฟหน้ารุ่นใหม่ล่าสุดแบบประหยัดพลังงานที่มีหลอด LED Daytime Runing พร้อมชุดไฟหน้าแบบไดนามิกที่ทำงานด้วยระบบควบคุมไฟอัจฉริยะ





ดีไซน์ภายใน
เบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่ โทนสีไฟแอลอีดีภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light 64 สี ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system หลังคาแก้วแบบ panoramic sliding sunroof



หน้าปัดมาตรวัดแบบสปอร์ตของ C-Coupe Minorchange 2019 ใช้มาตรวัดจอภาพใหม่ล่าสุด TFT thin film transistor ล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงินยวง มาตรวัดแบบใหม่ที่ทำงานคล้ายจอภาพคอมพิวเตอร์มีทั้งวัดรอบเครื่องยนต์และวัดความเร็ว ส่วนบริเวณกึ่งกลางของมาตรวัดแสดงผลในระบบ Multi Information Display มีเมนูที่สามารถใช้งานขณะขับขี่ เช่น โหมดของการขับเคลื่อน อุณหภูมิภายนอก ตำแหน่งเกียร์ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง หรือแสดงผลระบบนำทางด้วยดาวเทียม รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับโหมดของการขับเคลื่อน ทริปมิเตอร์คำนวณระยะทางแบบ A/B
LED Interior Technology
ไฟ welcome light ภายในห้องโดยสารใช้หลอด LED แบบเรืองแสงสลับโทนสีเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการขับขี่ในตอนกลางคืน ไฟ LED ปรับได้ 64 เฉดสี จะเรืองแสงในตำแหน่งแผงประตู กรอบคอนโซลกลาง เพื่อทำให้ห้องโดยสารของ New C-Coupe มีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขับในที่มืดมิด นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว หลอดไฟภายในห้องโดยสารของ New C-Class ยังมีอายุการใช้งานที่คงทน จากการเลือกใช้หลอดเรืองแสงแบบ LED ซึ่งให้โทนสีที่แสดงออกถึงความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล





ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัย
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบ ATTENTION ASSIST พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ลูก 9 ตำแหน่ง





C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ วางเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส M264 แบบเบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตร 1,497 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มีกำลัง 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 5,800 – 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 – 4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดจิ๋วหรือ electric motor มีกำลัง 10 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิดจากมอเตอร์ 160 นิวตัน-เมตร ส่วนตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เคลมมาจากโรงงาน ทำได้ 6.8-6.3 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ค่าการปล่อย CO2 อยู่ที่ 154-144 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด หรือ 9-G Tronic ตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
C-Class ทุกรุ่นมาพร้อมระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone เบาะหุ้มหนัง Atico ระบบปรับน้ำฝนอัตโนมัติ แอฟทีฟครูสคอนโทรล กล้องมองรอบทิศทาง ระบบตรวจจับความเมื่อยล้าของคนขับ ระบบ Infotainment รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ไร้สาย พร้อมระบบควบคุม comand controller ที่มีทั้งปุ่มหมุนและ Touchpad ทำงานควบรวมกับจอภาพมอนิเตอร์แบบใหม่ล่าสุดที่มีขนาดยาวขึ้นและเข้ากับรูปแบบของแดชบอร์ดมากกว่าเดิม ระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่คมชัดและมีความละเอียดสูงสุดที่ช่วยทำให้ขับไปยังจุดหมายปลายทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทุกรุ่นทุกเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่เรียกกันว่า 9-G Tronic เป็นชุดส่งกำลังที่ออกแบบและผลิตขึ้นเองในโรงงานเกียร์ของ Mercedes Benz เป็นเกียร์แบบใหม่ที่เข้าประจำการใน New E-Class เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นก็มีการนำเอาเกียร์รุ่นนี้มาใส่ในรถเกือบจะทุกโมเดลของแบรนด์ตราดาว
Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นปรับโฉม 2019 ประกอบในประเทศ ราคา 3,450,000 บาท.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/