ปัจจุบัน Nissan แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าที่มีในรถยนต์ Nissan หลายเซกเมนต์ จากวิสัยทัศน์ของการเคลื่อนที่อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility ซึ่งใช้แนวคิดที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนยานยนต์ใหม่ๆ ระบบการขับขี่ และการเชื่อมต่อระหว่างยานยนต์สู่สังคม และเพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต Nissan ได้นำเสนอเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้า 100 % เทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะ, ขุมพลัง e-POWER ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ รวมถึงเครื่องยนต์อัจฉริยะที่สามารถแปรเปลี่ยนอัตราของกำลังอัดในกระบอกสูบได้ในเป็นครั้งแรกในโลก ภายใต้แผนระยะกลางของบริษัทฯ หรือ Nissan M.O.V.E. 2022 บริษัทฯ คาดว่าจะขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่าหนึ่งล้านคันต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ. 2022 เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานที่ให้ความยั่งยืน

อังตวน บาร์เตส ประธาน บริษัท Nissan Motor Thailand กล่าวเพิ่มเติมว่า "ระบบขับเคลื่อนของ Nissan มีอยู่หลายแบบเพื่อตอบสนองให้ตรงความต้องการของลูกค้า ระบบขับเคลื่อนทุกแบบมีพื้นฐานมาจากวิสัยทัศน์ของนิสสันที่มุ่งมอบนวัตกรรมการขับขี่อัตโนมัติให้มากขึ้น ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามากขึ้น และมีระบบเชื่อมต่อต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนผู้คนไปสู่สังคมที่ดีกว่าเดิม และนี่คือลักษณะเด่นของนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนของ Nissan แต่ละประเภท

...

ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ไฟฟ้า 100%
ด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 100% พร้อมระบบแบตเตอรี่ และอินเวอร์เตอร์ โดยระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าของ Nissan หรือ e-Powertrain มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัดเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายในให้แรงบิดสูงอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวลเพราะมีการสั่นสะเทือนจากมอเตอร์ที่ต่ำมาก

ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (e-Powertrain) ที่ไร้มลพิษ (Zero emission)
ใช้พลังงานที่น้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน ใช้ชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนน้อย มีการสึกหรอต่ำ เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่ทำงานตลอดเวลา ซึ่งก่อให้เกิดความร้อน และแรงเสียดสีต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนของระบบระบายความร้อน หรือ ระบบสตาร์ต น้ำมันของเหลวต่างๆ วาล์ว เพลา ลูกเบี้ยว และลูกสูบ เป็นต้น

รถยนต์ Nissan LEAF และ e-NV200 เป็นตัวอย่างของยานยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนนี้ Nissan LEAF ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมียอดขายทั่วโลกกว่า 320,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้า e-NV 200 ยังถูกจำหน่ายไปมากกว่า 18,000 คัน โดย Nissan จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ในเร็วๆนี้

...

...

ระบบขับเคลื่อน e-POWER (อี-เพาเวอร์)
เทคโนโลยีที่ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ Nissan เปิดตัวในปี พ. ศ. 2560 มีความแตกต่างจาก ระบบขับเคลื่อน ที่ใช้ไฟฟ้า 100% เครื่องยนต์ e-POWER มีส่วนประกอบสองส่วนคือ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปภายในจะช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า ให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อต้องการใช้พลังงาน โดยระบบขับเคลื่อนแบบนี้ไม่ต้องใช้การประจุไฟฟ้าจากสถานีชาร์จภายนอก

...

สำหรับข้อดีของ ระบบขับเคลื่อน e-POWER คือมีการปล่อยก๊าซ CO2 น้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน ระบบขับเคลื่อนอี-เพาเวอร์ ให้ความเงียบมากกว่า มีการสั่นสะเทือนที่น้อยกว่า และไม่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ e-Pedal ที่ผู้ขับขี่สามารถออกรถ เร่ง และลดความเร็ว ได้โดยใช้เพียงแป้นเหยียบเดียวในการขับขี่

ระบบขับเคลื่อน e-POWER ได้ถูกวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ใน Nissan Note และ Serena โดยมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ดีกว่าเครื่องยนต์แบบเดิมถึง 30% นิสสันยังประกาศอีกว่า จะนำเทคโนโลยี e-POWER นี้บรรจุในรถ Nissan รุ่นอื่นๆ อีกด้วย

ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (Conventional Hybrid)
รถยนต์แบบไฮบริดจะมีสองส่วนหลักๆ นั่นก็คือ มอเตอร์ไฟฟ้าและ เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งสองแหล่งพลังงานมาพร้อมกับแบตเตอรี่ เมื่อมีการใช้งานระบบไฮบริด เครื่องยนต์จะเปลี่ยนโหมดมาเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัวจากหยุดนิ่ง

ทั้งนี้การทำงานของพลังงานที่นำมาใช้ในระบบขับเคลื่อนจะขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ สภาพถนน หรือรูปแบบการขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบนี้จะทำให้รถมีความเร็วได้ถึงประมาณ 40ไมล์ หรือ ประมาณ 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งหลังจากนั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในจะเข้ามาเสริมการทำงานของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

ประโยชน์ของระบบขับเคลื่อนดังกล่าวนี้ ทำให้มีการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดขึ้น มีการปล่อยก๊าซ CO2 น้อยกว่าเครื่องยนต์เบนซิน และยังให้ประสิทธิภาพและพละกำลังที่มากขึ้น โดยปัจจุบันระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดของนิสสันถูกติดตั้งในรถยนต์อเนกประสงค์ รุ่นยอดนิยมอย่าง X-Trail Hybrid ซึ่งมีปริมาณการปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องยนต์แบบที่ใช้น้ำมันเบนซินทั่วๆ ไปกว่า 28.8%

เครื่องยนต์เบนซินอัจฉริยะ ประสิทธิภาพสูงที่สามารถแปรเปลี่ยนอัตราของกำลังอัดในกระบอกสูบ (Variable-Compression turbo engine)
เครื่องยนต์เทอร์โบที่สามารถแปรเปลี่ยนอัตราของกำลังอัดในกระบอกสูบ ใหม่ของ Nissan มีความโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้น ได้รับการเปิดตัวในปีนี้ โดยเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบที่สามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนของกำลังอัดได้เป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการปรับอัตราส่วนของกำลังอัดนี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้พละกำลังและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างดี

เครื่องยนต์ชนิดนี้มีวงจรการเผาไหม้ 2 รูปแบบ ด้วยการเชื่อมต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ของวาล์วที่ปรับเปลี่ยนได้ทำให้เครื่องยนต์สามารถสลับไปมา ระหว่างวงจรจุดระเบิดแบบแอตกินสัน และวงจรการเผาไหม้ปกติ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และให้ความเงียบมากกว่าและยังลดการสั่นสะเทือน นอกจากนี้ยังมีระบบที่ใช้การฉีดเชื้อเพลิงแบบ มัลติพอนต์ ไดเร็ค อินเจคชัน (Multi-point direct injection) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เครื่องยนต์สามารถสลับเปลี่ยน ระหว่าง ทั้งสองรอบวงจร โดยใช้ความเร็วเครื่องยนต์ปกติและชุดหัวฉีดทั้งสองชุดสามารถทำงานร่วมกันได้ภายใต้การขับขี่ที่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี

รถยนต์ Nissan Altima รุ่นใหม่ ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ล้ำสมัยนี้ โดยใช้เวลากว่า 20 ปีในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของการออกแบบและพัฒนาเครื่องยนต์แบบสันดาปภายในประสิทธิภาพสูงอย่างแท้จริง.


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/