รุ่งอรุณแห่งอนาคตของแบรนด์ตราดาว Mercedes Benz หลังจากไล่ตาม BMW และ Audi อยู่หลายปี วิถีทางในการเอาชนะคะคานค่ายรถคู่แข่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 2012-2013 ด้วยการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยและมีการขับขี่ที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ รถ Benz ยุคใหม่มีรูปแบบที่เยาว์วัยมากขึ้นจากการนำเสนอด้วยวิธีการและแนวคิดของผู้บริหารหัวก้าวหน้าโดยไม่ดูเป็นรถของคนสูงวัยที่ให้ความรู้สึกแก่อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต รถอย่าง New C-Class W205 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2013 คือจุดเริ่มต้นของความทันสมัยในแบรนด์ตราดาว หลังจากนั้น การเปิดตัวรุ่นรถแยกย่อยก็ตามออกมากว่า 20 โมเดล ตามด้วยยอดขายในตลาดโลกที่มีตัวเลขดีขึ้นเรื่อยๆ จนเทียบเท่าหรือแซงหน้าค่ายรถยนต์คู่แข่งอย่าง Audi และ BMW คือความพยายามที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ตราดาว


...





Mercedes Benz ใช้งานแสดงรถยนต์ IAA Frankfurt Motor Show 2017 เปิดตัวรถไฮเปอร์คาร์ Project One ทีมวิศวกรและช่างของ Mercedes AMG นำเทคโนโลยีของรถแข่ง F1 ในทีม Mercedes Benz มาปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับการทำตัวเป็นรถถนนที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการนำขุมกำลังของรถแข่ง W07 ที่ประสบความเร็จในสนามแข่งความเร็วสูงหรือฟอร์มูล่าวันมาปรับใช้ ปีศาจสีเงิน Project One คันนี้ยังเป็นไฮเปอร์คาร์ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดคล้าย Le Ferrari และ McLAREN P1 เครื่องยนต์เบนซิน V6 ปริมาตรความจุแค่ 1.6 ลิตร อัดอากาศด้วย Turbocharged แบบ Twin Turbo เทอร์โบ 1 ตัวรับผิดชอบอัดอากาศเข้ากระบอกสูบแต่ละฝั่งแบบแยกส่วน เครื่องยนต์ V6 ของรถแข่ง F1 ทำงานผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว โดยใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนถึง 3 ตัว และมอเตอร์สำหรับเทอร์โบอีก 1 ตัว กำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์รวมกันแล้วมากถึง 1,000 แรงม้าเลยทีเดียว
...



...


Project One ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์เหมือนกับรถแข่ง Mercedes F1 เป็นรถสองที่นั่งเครื่องวางกลางลำขับเคลื่อนสี่ล้อที่ขับโดย Lewis Hamilton ในวันเปิดตัว น้ำหนักตัว 1,300 กิโลกรัมกับพลังงาน 1,000 แรงม้าสร้างอัตราเร่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำหนักที่เบากับแรงม้ามหาศาลทำให้มันวิ่งได้ราวกับรถฟอร์มูล่าวันที่ 2.9 วินาที
...







การจะสร้างจุดขายให้เป็นที่พอใจของบรรดาอภิมหาเศรษฐีที่ถูกเชิญให้มาชมรถคันจริงในงาน IAA ซึ่งคนรวยเหล่านั้นต้องควักกันหนักถึง 91 ล้านบาท (ยังไม่รวมอัตราภาษีนำเข้า 380 % ของไทย) ก็คือรูปแบบของการผลิตเพียงแค่น้อยนิดไม่ถึง 300 คัน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีของ F1 กับบานประตูปีกนก ทรงที่แบนและเตี้ย ตัวถังเพียบพร้อมไปด้วยระบบ Active AERO ชุดจัดกระแสลมรอบคัน สปอยเลอร์หลังแบบพิเศษรวมกับครีบหลังคาร์บอนอันแปลกประหลาดแต่เข้ากับรถและท่อระบายท้ายแมคนีเซียม ทำให้ปิศาจสีเงินคันนี้มีหน้าตาราวกับยานรบต่างดาว ระบบอากาศพลศาสตร์ หรือ AERODYNAMIC ของรถคันนี้เกิดขึ้นจากชิ้นส่วนคาร์บอนซึ่งทำหน้าที่สี่แบบคือ ปรับเป็นโหมด DRS เพื่อความลู่ลมสูงสุดสำหรับการวิ่งในย่านความเร็วสูง ปรับเพื่อสร้างแรงยึดเกาะกับถนนโดยใช้ Air Blade ทั้งสองข้าง ปรับองศาของครีบที่สร้างแรงกดเพื่อพยุงบาลานซ์ระหว่างหน้าและท้าย แบบสุดท้ายคือการปรับให้เกิดแรงต้านอากาศสูงสุดสำหรับการเบรก ช่วงล่างแบบ Active Suspension เฟืองทดกำลังของระบบ Torque Vectoring ที่สามารถเทแรงบิดไปยังล้อข้างใดข้างหนึ่งไม่ว่าล้อนั้นจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หรือเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของรถแข่งฟอร์มูล่าวันนั้นมีรอบเครื่องที่สูงมาก เพื่อป้องกันการสึกหรออย่างรวดเร็ว วิศวกรของ Mercedes-AMG ได้ปรับรอบการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหลือแค่ 11,000 รอบต่อนาที จากที่เคยทำได้ถึง 14,500 รอบต่อนาที ชิ้นส่วนภายในที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็ว เช่น กระบอกสูบ ก้านสูบ ผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษเพื่อยืดอายุการใช้งานเมื่อมันกลายเป็นทั้งรถถนนและรถสนาม


ระบบเสริมพลังงานแบบ Hybrid วางแบตเตอรี่แบบพิเศษ Lithium-ion ที่มีความแตกต่างจากรถ Mercedes F1 โดยปรับให้มีความคงทนและเหมาะกับการใช้งานทั้งบนถนนปกติและในสนามแข่ง แบตเตอรี่วางอยู่ที่ด้านหน้าหลังแรคพวงมาลัยและช่วงล่างเพื่อการกระจายน้ำหนักที่สมมาตร ชุดระบายความร้อนของแบตฯ มีพื้นฐานเดียวกันกับรถแข่ง Formula 1



มอเตอร์ 2 ที่ใช้ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า แยกฝั่งซ้าย-ขวาออกจากกันเพื่อป้องกันการกินกำลังระหว่างขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อหน้าของ Mercedes Project One มีกำลังตัวละ 120 กิโลวัตต์ หรือ 163 แรงม้า เมื่อทำงานพร้อมกันทั้งสองตัวแบบเต็มกำลังจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลมากถึง 326 แรงม้า โดยสามารถหมุนด้วยรอบที่สูงมากถึง 50,000 รอบต่อนาที เมื่อผู้ขับกดปุ่มใช้งานด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว กำลังไฟในแบตฯ ที่จ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถผลักดันให้ Project One วิ่งได้ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตรโดยปราศจากมลพิษ ระบบสะสมพลังงานแบบพิเศษยังช่วยชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะขับเคลื่อนได้ถึง 80%


มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงตัวที่ 3 มีขนาด 90 กิโลวัตต์ (90 kW = 122 แรงม้า (PS)) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบเทอร์โบชาร์จ โดยในรอบเครื่องยนต์ต่ำ มอเตอร์จะเป็นตัวปั่นใบพัดไอดีเพื่ออัดอากาศและทำให้อาการรอรอบหายไป เมื่อผู้ขับใช้รอบเครื่องยนต์สูงๆ ระบบควบคุมจะตัดการทำงานโดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกลีบเทอร์ไบน์ในใบพัดไอเสียทำหน้าที่ปั่นใบพัดไอดีแทน ซึ่งในขณะเดียวกันมอเตอร์ก็จะชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ หรือ ส่งกำลังไฟสู่มอเตอร์ตัวอื่นๆ



มอเตอร์ตัวที่ 4 มีขนาด 120 กิโลวัตต์ (120 kW = 163 แรงม้า (PS)) ถูกติดตั้งแบบขั้นกลางระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์ คอยทำหน้าที่เสริมแรงบิด และส่งกำลังไปยังเกียร์ 8 สปีดไฮดรอลิก โดยมีชุดเฟืองตรง หรือ Spur Gear ช่วยในการตัดต่อกำลัง พร้อมโหมด ERS Energy Recovery System สะสมพลังงานมาบูสแรงบิดในช่วงสั้นๆแต่แรงมหาศาลเพื่อกระชากร่างแซงผ่านรถคู่แข่ง




ห้องโดยสารคล้ายเครื่องบินรบล่องหนของ Project One มีท่านั่งเหมือนรถแข่งไม่ว่าจะเป็นเบาะคาร์บอนที่เตี้ยสุดๆ แผงมาตรวัดที่มีรูปทรงแบบรถอนาคต จอภาพแสดงข้อมูล มาตรวัดปรับได้แบบ TFT กระจกหน้าทรงโค้ง อุโมงค์เกียร์ที่ใหญ่โต ที่ล้ำไปไกลมากก็คือการยกเอาพวงมาลัย F1 ติดตั้งสวิตช์ควบคุมการขับเคลื่อนที่ให้บรรยากาศของรถแข่งแบบยิ่งยวด วัสดุสังเคราะห์เกรดสูง อัลลอย งานคาร์บอนไฟเบอร์ประดับประดาไปทั่วทั้งห้องโดยสาร เข็มขัดนิรภัยสีเหลืองสไตล์ AMG กับเบาะรถแข่งที่นั่งไม่สบายที่เหมาะกับการขับเร็วจิ้ดเพียงอย่างเดียว


เมื่อเครื่องยนต์ V6 ของรถแข่ง F1 W07 กับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวทำงานผสานกันจะะทำให้ Mercedes-AMG Project One มีกำลัง 1,000 แรงม้า เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.9 วินาที 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.9 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



ชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงมหาศาลก็คือยาง ไฮเปอร์คาร์ Mercedes AMG Project One ใช้ยาง Michelin รุ่น Pilot Sport Cup 2 ยางล้อหน้าไซส์ 285/35ZR-19s สำหรับยางหลังแม้จะขับเคลื่อนสี่ล้อแต่ขอเล่นใหญ่ไว้ก่อน ไซส์ยางหลังแบบรถแข่ง 335/30ZR-20s ยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงรุ่น Pilot Sport Cup 2 ออกแบบพิเศษสำหรับไฮเปอร์คาร์ทั้งการยึดเกาะ การรีดน้ำและสมรรถนะของการเบรก


กำลังจากเครื่องยนต์ V6 จะเทแรงบิดไปขับเคลื่อนล้อหลัง ชุดเกียร์ของ Project One เป็นระบบเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ Automated AMG Speedshift 8 Speed ควบคุมการทำงานของเกียร์ด้วยสมองกลไฟฟ้าที่ปรับตั้งมาให้มีความเหมาะสมกับโหมดการขับเคลื่อนที่คนขับเลือกใช้ ระบบเกียร์แบบไฮดรอลิกช่วยเพิ่มความคงทนและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนอัตราทดด้วยความรวดเร็ว ผู้ขับสามารถเลือกโหมดที่ใช้ควบคุมการทำงานของเกียร์ได้อย่างหลากหลาย เมื่อมอเตอร์ทั้งสามตัวทำงานพร้อมเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนของ Project One จะออกมาในรูปแบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา โดย Mercedes AMG เรียกระบบนี้ว่า AMG Performance 4MATIC Plus!



Mercedes-AMG Project One ผลิตในรูปแบบ Limited Edition แค่ 275 คัน เท่านั้นแบบหมดแล้วหมดเลย ค่าตัว 2,720,000 USD เทียบเป็นเงินไทย 91 ล้านบาทของ Project One นั้นแพงหูฉี่แต่รถเกือบทั้งหมดโดนสั่งจองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและต้องรอถึงปลายปี 2018 กว่าเศรษฐีเหล่านั้นจะได้ควบเจ้าปิศาจแห่งเทคโนโลยีคันนี้.
Camera and Lens
Nikon D4S
Nikon Df
Lens
Nikkor 70-200 f2.8e FL ED VR nano
AF-S Zoom-Nikkor 28-70mm f/2.8d IF-ED
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/