GWM Thailand ชูโมเดล SEE และระบบ ASL เทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนยานยนต์อัจฉริยะ
เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าอนาคตของการขับขี่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เราจึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ด้วยการผสาน AI เข้ากับระบบความปลอดภัยและการตัดสินใจของรถอย่างลึกซึ้ง ทั้งในรูปแบบของโมเดล SEE (Safety, Efficiency, Experience)
รวมถึงเทคโนโลยี ASL (Agent of Space & Language) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก GWM มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติสำหรับผู้ใช้งานในทุกมิติ
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงใช้ สถาปัตยกรรมแบบ End-to-End เชิงโมดูลาร์ ซึ่งแบ่งกระบวนการทำงาน เช่น การรับรู้ ตัดสินใจ และควบคุม ออกเป็นส่วน ๆ โดย AI จะเข้ามาช่วยในแต่ละขั้นตอน จุดเด่นคือความยืดหยุ่นและสามารถให้มนุษย์ควบคุมร่วมได้ แต่ข้อจำกัดคือแต่ละส่วนแยกกัน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารภายในระบบ
ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหานี้ GWM จึงเกิดแนวคิด Full End-to-End ที่รวมทุกกระบวนการไว้ในโมเดล AI เดียว แม้จะทันสมัยและคิดตัดสินใจเองได้ทั้งหมด แต่ยังมีข้อท้าทายด้านความปลอดภัย และไม่สามารถควบคุมจากมนุษย์ได้ GWM จึงได้พัฒนาโมเดล SEE โมเดลขนาดใหญ่ที่รวมข้อดีของทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน โดยระบบจะรับรู้ วิเคราะห์ และควบคุมได้แม่นยำในหนึ่งเดียว พร้อมเปิดให้มนุษย์ควบคุมบางสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

...
โดย GWM ได้นำโมเดล SEE มาติดตั้งในรถ MPV ระดับเรือธงอย่าง GWM WEY 80 ในประเทศจีน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ โดย SEE ถูกพัฒนาให้ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์ม Coffee Pilot Ultra ผสานเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 27 ตัว และชิป NVIDIA Orin-X เพื่อประมวลผลข้อมูลรอบทิศทางอย่างแม่นยำ
พร้อมรองรับการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยี End-to-End ที่สามารถรวมข้อมูลจากเสียง ภาพ ข้อความ และการสัมผัสเข้าด้วยกัน นับเป็นระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติที่มีความสามารถในการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวรถอย่างแม่นยำ วิเคราะห์สถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ขับขี่ในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การขับขี่ทั้งราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์
ส่วน ASL โมเดล AI แห่งอนาคตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถสื่อสารกับผู้ขับขี่ผ่านภาษามนุษย์โดยตรง พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลจากสามแหล่งสำคัญ ได้แก่ ภาพ 3 มิติจากกล้องรอบตัวรถ ระบบ LiDAR และเรดาร์ เพื่อให้เข้าใจบริบทของการเดินทางอย่างรอบด้าน ASL เปรียบเสมือนสมองกลอัจฉริยะภายในรถ ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และปรับตัวได้อย่างแม่นยำ
ด้วยศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลหลากหลายมิติ AI รุ่นนี้สามารถพิจารณาทั้งจุดหมายปลายทาง ความต้องการเฉพาะบุคคล และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อและตอบโจทย์เฉพาะตัวในแต่ละเส้นทางได้อย่างลงตัว GWM เชื่อมั่นว่า ปี 2025 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของ AI และในอนาคต ASL จะไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจผู้ขับขี่อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามแม้ AI จะล้ำหน้าเพียงใดแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งโลกยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. ทัศนคติของผู้คนและการยอมรับจากสังคม โดยทัศนคติของผู้คนมักขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในระบบ ความรู้สึกปลอดภัย และความคุ้นชินกับการควบคุมรถด้วยตัวเอง แม้หลายคนจะมองเห็นข้อดีด้านความสะดวกและความปลอดภัย แต่บางส่วนยังลังเลเพราะไม่มั่นใจในการปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน
2. ความชอบธรรมและความรับผิดทางกฎหมาย ประเด็นด้านกฎหมายและความรับผิดชอบของรถไร้คนขับยังคงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องกำหนดแนวทางอย่างชัดเจน โดยปัจจุบัน ความรับผิดชอบอาจตกอยู่กับหลายฝ่าย เช่น เจ้าของรถ ผู้ผลิต หรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ รัฐควรร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการวางกฎหมายและมาตรฐานที่สร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยของผู้ใช้และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงกำหนดกระบวนการทดสอบและกลไกตรวจสอบที่โปร่งใส
3. ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันการเติบโตของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ รัฐและอุตสาหกรรมควรร่วมมือกันใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สนับสนุน R&D ผ่านทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี, จัดทำกฎหมายที่ชัดเจนและเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย และลงทุนในการให้ความรู้แก่ประชาชนและบุคลากร เพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคตของ Autonomous Vehicle อย่างยั่งยืน
โดยยานยนต์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และบทบาทของ GWM ในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง SEE และ ASL คือหลักฐานชัดเจนของความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น บนเวที Automotive Summit 2025 ครั้งนี้ GWM ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี แต่ยังชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของทิศทางอุตสาหกรรม ทั้งด้านนวัตกรรม กฎหมาย และสังคมที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กัน เพื่อปูทางสู่ยุคใหม่ของการเดินทางที่อัจฉริยะและยั่งยืนอย่างแท้จริง
...