พาไปดู SPECTRE Black Badge ยนตรกรรมทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce เริ่มขายในประเทศไทย ราคาเริ่มต้น 41.5 ล้านบาท

นายฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้จำหน่ายรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Rolls-Royce SPECTRE Black Badge หรือ โรลส์-รอยซ์ แบล็คแบจ สเปกเตอร์ ซึ่งถือเป็นอัครยนตรกรรมที่ทรงพลังมากสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ พัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับ นับแสนกิโลเมตร จากกลุ่มผู้ครอบครองแบล็คแบจ โรลส์-รอยซ์

ทั้งนี้ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นเสมือนจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ ซึ่งเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วม ในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นสำคัญให้กับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ สำหรับการก้าวไปสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของ โรลส์-รอยซ์

วิศวกรรมของ Rolls-Royce SPECTRE Black Badge

แบล็คแบจ สเปกเตอร์ ได้รับการปรับปรุงเชิงวิศกรรม เพื่อรองรับกับพละกำลังที่สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัย เพิ่มความมั่นใจในการควบคุมและรับรู้ถึงสภาพถนนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมปรับแต่งตัวถังและช่วงล่างพลานาร์ เพื่อลดการโยนตัว และลดอาการหน้าเชิดหรือหน้าทิ่ม ขณะเร่งหรือเบรกเต็มแรง โดยยังคงรักษาความสะดวกสบายในการโดยสารดุจพรมวิเศษ Magic Carpet Ride ไว้ได้อย่างครบถ้วน

...

สมรรถนะ Rolls-Royce SPECTRE Black Badge

แบล็คแบจ สเปกเตอร์ นับเป็นยนตรกรรมที่ทรงพลังที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ แพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) รองรับขุมพลังไฟฟ้าอย่างลงตัว อีกทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งของสเปซเฟรม 30% ขับเคลื่อนด้วย 2 มอเตอร์ SSM (Separately Excited Synchronous Motors) ปรับแต่งพิเศษ ทำได้ 659 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,075 นิวตันเมตร

ขับได้ไกลสุดถึง 530 กิโลเมตร (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.3 วินาที พร้อมโหมด Infinity ที่ปรับเปลี่ยนบุคลิกของรถให้ดุดันเต็มพิกัด ได้แรงบันดาลใจจากคุณสมบัติการปลดปล่อยพลังสำรองในช่วงสั้นๆ ของเครื่องยนต์ โรลส์-รอยซ์ เมอร์ลิน (Rolls-Royce Merlin) ที่ใช้กับเครื่องบินรบหลายรุ่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

อลังการสีสันห้องโดยสาร

ห้องโดยสารประดับลวดลาย Technical Fibre และ แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) มาตรวัดหน้าผู้ขับมีให้เลือก 5 สี คือ Vivid Grellow, Neon Nights, Cyan Fire, Ultraviolet and Synth Wave แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) บริเวณฝั่งผู้โดยสาร ฉลุเป็นลวดลายของปีกนางฟ้า

พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ล้อมรอบด้วยประกายดาวมากกว่า 5,500 ดวง บนพื้นหลังสีดำเปียโนแบล็ค สะท้อนความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยลวดลาย Technical Fibre ที่มีส่วนประกอบของเส้นใยคาร์บอนและโลหะ พร้อมขัดแต่ง อย่างประณีต ประตูดาว (Starlight Doors) ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับแผ่นกันรอยกาบบันได พร้อมโลโก้ Black Badge เรืองแสง ส่วนเบาะคู่หลัง ขั้นกลางด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้ สื่อถึงพลังและศักยภาพไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้ยังสะดุดตากับสัดส่วนที่ลงตัวในสไตล์รถยนต์ฟาสแบคสองประตู สัญลักษณ์นางฟ้าบริเวณหน้ารถ (Spirit of Ecstacy) ชุบโครเมียมรมดำ กระจังหน้าเรืองแสงได้รับแรงบันดาลใจจากเสาของวิหารแพนธีออน (Illuminated Pantheon grille)

...

เพิ่มลูกเล่นด้วยการพ่นสีด้านใน ประตูยาว 1.5 เมตร แบบไร้เสากลาง เชื่อมด้วยเลเซอร์ ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ไฟท้ายออกแบบให้ปราศจากสีสันโดยสิ้นเชิง ลงตัวกับสีตัวถังที่มีให้เลือกไม่จำกัด

ล้ออะลูมินัมฟอร์จขนาด 23 นิ้ว ลายใหม่ 5 ก้าน เลือกได้ทั้งสีดำล้วน หรือกึ่งปัดเงาการตกแต่ง สร้างประสบการณ์ขับที่พิเศษยิ่งขึ้น อาทิ กระจังหน้าแพนธีออนเรืองแสง เพิ่มลูกเล่นด้วยการพ่นสีด้านในได้ตามต้องการของผู้ครอบครอง (Illuminated Pantheon Grille)

สำหรับราคา Rolls-Royce SPECTRE Black Badge หรือ โรลส์-รอยซ์ แบล็คแบจ สเปกเตอร์ รุ่นพื้นฐาน เริ่มต้นที่ 41.5 ล้านบาท