ไม่ถึงสามปี หลังจากอุตสาหกรรมยานยนต์โลกระดมเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าตามกระแสของความต้องการในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกให้ดีขึ้น ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วน่าตกใจ รถยนต์ไฟฟ้าหรูหราของเยอรมันและบางแบรนด์ในยุโรป กำลังประสบปัญหาด้านยอดขาย นั่นก็คือ ขายไม่ออก เหลือจอดอยู่เต็มโชว์รูม แม้แต่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ของ Lotus และเป็นแหล่งกำเนิดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังรุกตลาดโลกอยู่ในขณะนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ในจีนก็ดิ่งฮวบลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซีอีโอ Feng Qingfeng ของ Lotus ยอมรับกับนักลงทุนในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทฯว่า นี่ไม่ดีเท่าที่ควร

นั่นทำให้ Lotus เข้าสู่เส้นทางแบบไม่เป็นไปตามแผนงานเดิมที่ได้วางเอาไว้ รถไฟฟ้า Eletre และ Emeya ควรจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรวยที่นิยมรถหรู เน้นความสบายมากกว่าการขับเข้าโค้งเร็วๆ แต่ยอดขายของ Lotus ในจีนลดลงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2024 ซึ่งลดลงต่ำกว่าตัวเลขยอดขาย Lotus ในยุโรป

...

เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Lotus ประกาศยกเลิกแผนการในปี 2028 ที่จะปรับเปลี่ยนโมเดลรถใหม่ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะมีการเปิดตัวรถสปอร์ตเครื่องยนต์ Hybrid แทนในปี 2026 การหันกลับมาใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ + มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ก็เพื่อขยายระยะทางให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจทำได้ไกลถึง 1100 กิโลเมตร ในยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด

'หากเรายังคงใช้แผนเดิมในการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดซึ่งดูจะไม่เหมาะกับทุกตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาษีศุลกากร' Dan Balmer ซีอีโอคนใหม่ของ Lotus Europe กล่าวกับสื่อ CAR ของอังกฤษ ว่า เป็นเรื่องดีที่สหภาพยุโรปไม่รวมรถยนต์ไฮบริดประเภทใดๆ ไว้ในภาษีศุลกากร EV ใหม่ของจีน ทำให้พอมีช่องทางในการขายรถใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ + มอเตอร์ไฟฟ้า

ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด สามารถนำไปผนวกรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม Electric Premium Architecture ที่อยู่ใน Lotus Eletre และ Emeya ซึ่งทำให้มีระยะทางวิ่งเกือบ 1200 กิโลเมตร สำหรับ SUV ไฟฟ้า Type 134 ที่เล็กกว่า ซึ่งถูกวางให้เป็นคู่แข่งของ Porsche Macan Electric มีกำหนดเปิดตัวในปี 2025 ก็ถูกระงับแผนงานเปิดตัวทั้งหมดโดยไม่มีกำหนด 

Lotus ยังจะเลื่อนการเปิดตัวรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า Type 135 และขยายอายุโมเดล Emira ออกไปอีก โดยไม่สนใจต้นทุนการดำเนินงานหรือแรงจูงใจในการซื้อ ปัจจุบัน คนรวยส่วนใหญ่ มองเห็นข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยในการเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ของรถหรูนั้นทรงพลังมากอยู่แล้ว และประสบการณ์การขับขี่ก็ค่อนข้างแตกต่างจากรถไฟฟ้า เครื่องยนต์ 6-8 สูบ หรือแม้แต่ 12 สูบยังทำงานได้ดี แต่เราไปตั้งข้อรังเกียจกันเองว่าสกปรก

...

ล่าสุด ในตลาดรถพรีเมียมจีน รถ SUV ของ Li Auto ซึ่งใช้แบตเตอรี่ลูกใหญ่ กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร กินส่วนแบ่งการตลาดของ BMW, Mercedes และ JLR ไปอย่างหน้าตาเฉย ปัญหาสำหรับผู้ผลิตรถหรูจากอังกฤษและเยอรมันก็คือ เมื่อแบตเตอรี่หมด เครื่องยนต์ 4 สูบก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนและทำหน้าที่เจนเนอเรเตอร์จ่ายไฟให้กับแบตเตอรี่ นั่นทำให้ความประหยัดหดหายไป 

โซลูชันของ Lotus คือเทคโนโลยี Dual Hyper Charging เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เทคโนโลยี On-The-Drive Charging จะชาร์จพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ในทางทฤษฎีแล้วจะยังคงรักษาประสบการณ์การขับที่ราบรื่นและทรงพลังได้นานขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ น่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้า Lotus ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับแบบเน้นไดนามิกส์และพลัง

การแวะที่ชาร์จในรถปลั๊กอินที่มาพร้อมระบบไฟ 900 โวลต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10 เปอร์เซ็นต์เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 10 นาที ซึ่งเร็วพอๆกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่' Lotus กล่าวโดยอ้างอิงถึงเทคโนโลยีของ Nio ซึ่งเป็นบริษัท EV ระดับพรีเมียมอีกแห่งที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในจีน

...

สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 900 โวลต์ ปรับปรุงจากระบบ 800 โวลต์ใน Eletre และ Emeya ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จได้เร็วพอๆ กับรถรุ่นอื่นๆ ในตลาด ด้วยความเร็วสูงสุดในการชาร์จไฟกระแสตรงมากถึง 340 กิโลวัตต์ แน่นอนว่า Hyper Hybrid ในอนาคตจะไม่ใช้เครื่องยนต์สี่สูบของ AMG ที่อยู่ใน Emira สำหรับเครื่องยนต์ของรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่จะออกขายในอนาคตยังคงไม่มีการระบุว่า Lotus จะใช้เครื่องยนต์แบบใด แต่ขุมกำลังใหม่ น่าจะมาจาก Horse ซึ่งเป็นธุรกิจเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ของบริษัทแม่ Geely ที่ร่วมทุนก่อตั้งกับ Renault

แม้ยอดขายจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ แต่ Lotus เติบโตขึ้นพอสมควร โดยมียอดขาย 7,617 คัน ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้น 136 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 Lotus เหมือนกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกแบรนด์ที่ต้องลดกำลังการผลิตลง ทั้งในโรงงานที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และที่เมืองเฮเทล เนื่องจากต้องจัดการกับสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก (มีรถใหม่ที่ผลิตเสร็จแล้วจอดเต็มโรงงาน) Lotus ต้องปลดพนักงาน 200 คน จากโรงงานในเมืองนอร์ฟอล์ก เนื่องจากยอดขายของ Emira ลดลง ส่วนไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Evija ราคา 2 ล้านปอนด์ จะถูกส่งมอบในไตรมาสที่สองของปี 2025 ซึ่งกินเวลาถึงหกปี หลังจากการเปิดตัวที่ Goodwood

โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ Geely เข้าซื้อหุ้น 51% ของ Lotus จาก Proton ของมาเลเซียในปี 2017 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ที่ท้าทายยิ่งกว่าของ Jaguar แต่ความรู้สึกต่อต้านจีนในสงครามทางการค้าและกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราในหมู่คนรวยที่ดิ่งลง ทำให้ Lotus ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่ นอกจากต้องล้มเลิกการผลิตแต่รถยนต์ไฟฟ้าและนำเครื่องยนต์สันดาปภายในกลับมาใส่ในรถใหม่อีกครั้ง.

...