BYD ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของจีนใช้เวลาแค่สามปีในการเอาชนะ Tesla ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน ในด้านยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า BYD เสียบ แทนที่ Tesla ซึ่งเป็นผู้นำด้านยอดขายยานยนต์ไฟฟ้ามานานหลายปี ล่าสุด ในงานเซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2025 BYD เปิดตัว Denza Z รถสปอร์ตหรูรุ่นใหม่สีน้ำเงินเข้ม และ BYD ก็ตั้งเป้าเอาไว้สูงลิบด้วยความมั่นใจว่า รถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ จะเป็นรถที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ตะวันตกระดับไฮเอนด์ เช่น Porsche และ Mercedes-Benz ได้อย่างสบายๆ ว่ากันอย่างนั้นเลยทีเดียว


...

ช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ โช้กอัพแม่เหล็กไฟฟ้าแบบแมกนีโตรเฮโอโลยี สามารถเปลี่ยนแรงหน่วงได้ในเวลา 10 มิลลิวินาที เมื่อพื้นผิวถนนเปลี่ยนไป ระบบัขเคลื่อนของ Z ยังคงเป็นความลับ BYD ไม่ได้ให้เบาะแสใดๆ ว่า Z ใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบไหน แตน่าจะเหมือน Z9 GT ที่ใช้มอเตอร์สามตัว กำลังรวม 952 แรงม้า (965 PS / 710 กิโลวัตต์) การเปิดตัว Denza Z มีขึ้นที่งาน Auto Shanghai 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศหลายร้อยแบรนด์ รวมถึงนักข่าวจำนวนมาก เข้าร่วมชมในศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินของประเทศจีน ก่อนการเปิดตัวรถสปอร์ต Denza Z ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำบนพื้นจัดแสดง โดยมี Wang Chuanfu ผู้ก่อตั้ง BYD หนึ่งในผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศเข้าร่วมงาน

Auto Shanghai 2025 เป็นงานแสดงรถที่ผู้ผลิตต่างแย่งชิงความสนใจ ด้วยการจัดแสดงรถยนต์รุ่นล่าสุดของตนอย่างอลังการ รวมถึงการแถลงข่าวเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ใน 10 วันนับต่อจากนี้ Auto Shanghai 2025 จะฉายแสงสปอตไลท์ไปที่ความสามารถทางเทคโนโลยีภาคส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูง อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนที่เติบโตและก้าวล้ำอย่างไม่หยุดนิ่ง สร้างความตกตะลึงให้กับคู่แข่งในตะวันตก ไม่เพียงแค่ด้วยความเร็วในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโต แต่ยังรวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์อีกตะหาก
ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์โลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภาคส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจึงกลายเป็นจุดสนใจ รวมถึง แบรนด์เก่าแก่ระดับโลกที่แสวงหาโอกาสในการปรับเทียบกลยุทธ์ใหม่ รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรจากจีน เพื่อพยายามกลับมาครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง


...
BYD ขึ้นเป็นผู้นำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน แซงหน้า Tesla เมื่อรวมตัวเลขยอดขายทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว (2024) BYD สร้างความได้เปรียบเหนือผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันรายนี้ในตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่จำหน่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ของบริษัทด้วยต้นทุนและปริมาณการผลิตที่แตกต่างจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอเมริกา วันอังคารที่ผ่านมา Tesla รายงานว่า รายได้ประจำไตรมาสลดลงมากกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากนโยบายภาษีของทรัมป์ การตอบโต้ของผู้บริโภคต่อบทบาทของซีอีโอ อีลอน มัสก์ ในรัฐบาลทรัมป์ ยอดขายโดยรวมของบริษัท Tesla ลดลง 9% ในขณะที่ธุรกิจหลักในการขายรถยนต์ลดลง 20% รายได้สุทธิ ซึ่งเป็นคำจำกัดความของผลกำไรของบริษัท ลดลงถึง 71% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

Denza Z เป็นรถสปอร์ตที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่มีภาพต้นแบบหลุดออกมาทางออนไลน์เมื่อต้นปี เจ้าหน้าที่ของ BYD ยืนยันว่า Z รุ่นนี้จะมีเทคโนโลยีและความหรูหราขั้นสูงสุด แบรนด์ Denza เริ่มต้นเมื่อกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะบริษัทร่วมทุนกับ Mercedes แต่ปัจจุบันเป็นของ BYD ทั้งหมด และได้เปิดตัวแบรนด์ในยุโรปไปเมื่อต้นเดือนนี้
...
แม้ว่าแบรนด์หลัก BYD จะขึ้นชื่อในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่มีราคาไม่แพง แต่ไลน์ผลิตภัณฑ์อย่าง Denza แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ BYD ในการขยายพอร์ตโฟลิโอและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายเพื่อมุ่งเป้าไปที่กลุ่มตลาดที่สูงกว่า BYD รู้วิธีการเล่นเกมรุก การเปิดตัวรถยนต์ การกำหนดราคาหรือลดราคาที่มีความผันผวนในบางประเทศ เป็นแบรนด์ที่สามารถลดราคาบ่อยครั้งจนทำให้คู่แข่ง ตามไม่ทัน ในขณะที่โครงสร้างต้นทุนที่ต่ำ ทำให้สามารถกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ได้อย่างดุเดือดกว่ามาก

การเปิดตัว Denza เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำลังย่ำแย่ของแบรนด์หรูเยอรมันอย่าง Porsche ซึ่งไม่สามารถ "หาจุดต่ำสุด" จากยอดขายที่ลดลงในประเทศจีนได้ ผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูสัญชาติเยอรมัน ระบุในรายงานประจำปี 2024 ว่ายอดขายในประเทศจีนลดลง 28% เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งสาเหตุมาจาก “สถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายอย่างต่อเนื่อง”

...


BYD ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าหรูภายใต้ชื่อ Yangwang ซึ่งเป็นแบรนด์ในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมราคา 1 ล้านหยวน (137,000 ดอลลาร์ 4,601,800 บาท) ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ผ่านจุดสำคัญเชิงสัญลักษณ์ในการขายครบ 10,000 คันแล้ว รถยนต์รุ่นล่าสุดคือ U8L SUV ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ Auto Shanghai U8 เป็นเอสยูวีที่ลอยตุ๊บป่องในน้ำได้ การโชว์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ในไทยเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ไม่ได้เรียกเสียงฮือฮาเท่าท่ีควร เพราะ U8 นั้นลอยน้ำโชว์ทั่วโลกมานานกว่า 2 ปีแล้ว การเปิดตัวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทรถจากเซินเจิ้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในปีนี้ BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีนได้ตั้งเป้าที่ทะเยอทะยานที่จะเพิ่มยอดขายนอกประเทศจีนเป็นสองเท่า ให้ได้มากกว่า 800,000 คัน ในปี 2025 BYD วางแผนที่จะรักษาข้อได้เปรียบด้านต้นทุนด้วยการประกอบรถยนต์ในตลาดท้องถิ่น


เมื่อปีที่แล้ว สหภาพยุโรปได้กำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในอัตราสูง เนื่องจากสหภาพยุโรปเรียกการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมในตลาดจีน ภาษีนำเข้า 100% ที่รัฐบาลของไบเดนกำหนดเมื่อปีที่แล้วมีผลทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้ แม้กระทั่งก่อนที่วอชิงตันและปักกิ่งจะขัดแย้งกันในสงครามการค้าปัจจุบัน รถไฟฟ้าจีนก็โดนกีดกันมาก่อนหน้านั้นนานมาก


ปี 2025 BYD กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก เมื่อปีที่แล้วทำยอดขายคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีน รวมถึงรถยนต์ไฮบริด ในเดือนกุมภาพันธ์ BYD เปิดตัว "God's Eye" ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง แข่งขันกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบของ Tesla โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ติดตั้งสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศจีน และเมื่อเดือนที่แล้ว (มีนาคม 2568) BYD เปิดตัวเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบโคตรเร็ว ซึ่งบริษัทฯอ้างว่าสามารถเพิ่มระยะทางได้ 400 กิโลเมตร ในเวลาชาร์จเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น เป็น 5 นาทีที่สามารถ แซงหน้าซูเปอร์ชาร์จเจอร์ของ Tesla ซึ่งใช้เวลา 15 นาทีในการเพิ่มระยะทางให้ได้ 321 กิโลเมตร
สัปดาห์แห่งการโชว์นี้ จังหวะและความสามารถในการแข่งขันของตลาดในจีนกำลังคึกคักสุดขีด บริษัท Contemporary Amperex Technology (CATL) ของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นอัปเกรดที่อ้างว่าให้ระยะทางที่ไกลขึ้นถึง 514 กิโลเมตร ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยของ BYD

BYD รายงานว่า ยอดขายพุ่งสูงขึ้น 60% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยขายรถยนต์พลังงานใหม่ได้กว่าหนึ่งล้านคัน ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 ซึ่งรวมถึงรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์เชิงพาณิชย์ ตามการคำนวณของ CNN โดยอิงจากการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด BYD มีรายได้จากการขายในปี 2024 อยู่ที่ 107,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อนหน้า โดยมีการส่งมอบรถยนต์ 4.27 ล้านคัน รวมถึงรถยนต์ไฮบริด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รายได้ในปี 2024 ของ Tesla อยู่ที่ 97,700 ล้านดอลลาร์ และส่งมอบรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ได้ 1.79 ล้านคัน การส่งมอบประจำปีของบริษัทลดลงเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วที่ 1.1%
ข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน Tesla มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ 6.1% และ BYD ก็ผลิตทั้งยานยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ + ระบบไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด รวมถึง REEV อีกตะหาก ในขณะที่ Tesla ผลิตเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่างเดียวเท่านั้น การส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ของ BYD มีจำนวน 1.76 ล้านคัน ซึ่งน้อยกว่า Tesla นิดเดียว.