OMODA & JAECOO (Thailand) เผยความพร้อมศูนย์บริการ คลังอะไหล่ จับมือ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ให้ลูกค้ามั่นใจรถไฟฟ้า OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV รออะไหล่ไม่นาน

นายจักรพันธ์ สิขิวัฒน์ หัวหน้าส่วนงานบริการหลังการขาย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวโชว์รูม Flagship สุดล้ำสมัยของโอโมดา แอนด์ เจคู ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วย ส่วนจัดแสดงรถและส่วนงานขาย (Sales) ที่จัดแสดงรถไฟฟ้า OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV หลากหลายรุ่นและสี

พร้อมด้วยพื้นที่บริการหลังการขาย (Service) บริเวณเลานจ์ส่วนตัวสำหรับลูกค้า มีบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างตลอดทั้งวัน ให้ความสะดวกสบายอย่างมีระดับตลอดการใช้บริการ รวมทั้งส่วนงานอะไหล่และซ่อมบำรุง (Spare Parts) ที่บริหารงานด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะเชื่อมต่อกับคลังอะไหล่ส่วนกลางแบบไร้รอยต่อ

ส่งผลให้ระยะเวลาในการจัดส่งอะไหล่จากคลังหลักไปยังศูนย์บริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศภายใน 3 วันทำการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีศูนย์อบรม (Training Center) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ก่อนรถคันแรกจะส่งมอบถึงมือลูกค้าทุกคน

...

สำหรับการบริหารคลังอะไหล่และการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์นั้น โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการคลังสินค้ายานยนต์ระดับโลกของดีเอชแอลจะช่วยเสริมย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่าอะไหล่และชิ้นส่วนของรถทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะพร้อมให้บริการอยู่เสมอ

โดยที่พื้นที่ กทม. และปริมณฑลสามารถส่งอะไหล่ได้รวดเร็วภายใน 1 วันทำการ และภายใน 3 วันทำการ สำหรับการจัดส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอะไหล่หลักของรถ อาทิ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน ชุด Reducer เป็นต้นครับ” นายจักรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม

สตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ดำเนินงานขนส่งและจัดการคลังอะไหล่ด้วยเทคโนโลยีและมาตรฐานระดับโลก โดยมีการใช้ระบบขนส่ง Transport Management System (TMS) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกและระบบติดตามสินค้า Electronic Proof-Of-Delivery หรือ ePOD รวมถึงระบบ Warehouse Management System ในการจัดการคลังสินค้า ทำให้สามารถบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งมอบอะไหล่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้เรามีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนที่ทั้ง 2 บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวในกระบวนการดำเนินงานผ่านโครงการริเริ่มต่าง ๆ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่คลังสินค้า และการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง

สำหรับคลังอะไหล่ของโอโมดา แอนด์ เจคู ตั้งอยู่ที่ ดีเอชแอล บางนาโลจิสติกส์แคมปัสในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยพื้นที่จัดเก็บขนาดกว่า 1,000 ตารางเมตร ทำให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ได้ตั้งแต่ 3,000 – 80,000 ชิ้นต่อเดือน และยังสามารถปรับเปลี่ยนขยายได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยคลังอะไหล่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย

...

1. ส่วนอะไหล่ขนาดใหญ่ที่วางบนพาเลทโดยไม่ใช้ชั้นวาง (Block Stack) อาทิ ชุดขับเคลื่อน เป็นต้น

2. ส่วนอะไหล่ที่วางบนชั้นวาง (Rack and Shelving) อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อะไหล่ที่เปลี่ยนตามรอบการบำรุงรักษา เป็นต้น

3. ส่วนอะไหล่ของรถอีวี (EV Storage) อาทิ แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง เป็นต้น

โดยมีระบบส่งต่อข้อมูลความต้องการอะไหล่และชิ้นส่วนจากผู้จำหน่ายทั่วประเทศมายังคลังอะไหล่ของดีเอชแอล ผ่านระบบ API Interface ระหว่าง SAP ของ Chery และ MAWM (API ของดีเอชแอล) ทำให้ทั้งทางผู้จำหน่าย คลังสินค้า และโอโมดา แอนด์ เจคู สามารถติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบที่เชื่อมถึงกันสั่งสินค้าเข้ามาเติมในคลังของทั้งผู้จำหน่าย และคลังของโอโมดา แอนด์ เจคูเองได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการคาดการณ์ความต้องการและสั่งสินค้าคงคลังเพื่อให้มีอะไหล่ถูกต้องและเพียงพอแก่ลูกค้าอยู่เสมอ ทั้งนี้ คลังอะไหล่ของ