การยุติ ฐานการผลิตของรถยนต์ หรือ ย้ายฐานผลิตไปประเทศอื่น ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะ แบรนด์ญี่ปุ่น มีข้อสังเกตหลายประการ ทั้งที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกมาช้านาน ถ้าไม่ปิด ก็ลดจำนวนการผลิต ลดจำนวนพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตในประเทศพอสมควร
ในอีกมิติ จีน ทุ่มงบประมาณในการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า กว่า 8 ล้านล้าน ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หรือประมาณเกือบครึ่งของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติของสหรัฐฯ มีรายงานเมื่อเร็วๆนี้ พบว่ารัฐบาลจีนทุ่มเงินกว่า 2.3 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 8.4 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าท้องถิ่นในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีน เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว และทำให้ สหรัฐฯและประเทศในยุโรป ต้องสกัดการเติบโตโดยการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน 100%
เงินที่จีนสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับจีดีพีของไทย ที่มีอยู่ประมาณ 17 ล้านล้านบาท มากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับจีดีพีในบ้านเรา เงินสนับสนุนดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 18.8 ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ระหว่างปี 2552-2566 ซึ่งไม่เฉพาะเงินสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังมีมาตรการที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตอีกมากมายอย่างมีเป้าหมาย
การที่ รัฐบาลไทย สนับสนุน มีนโยบายส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านภาษี หรือเงินสนับสนุนให้กับคนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันละแสน 2 แสน ก็เท่ากับสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ในบ้านเราโตมากขึ้น เพราะรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่มาจำหน่ายในบ้านเราก็มาจากจีนเกือบทั้งหมด
ค่ายญี่ปุ่น ค่ายยุโรป ที่ยังผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้รับผลกระทบไปเต็มๆ และจะเป็นผลกระทบไปถึงตลาดทุนที่ต่างชาติเคยถือหุ้นไทยจากร้อยละ 37 ปัจจุบันเหลือร้อยละ 27 หายไป 10% 6 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไปแล้วมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน ถึงตัวเลขความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมโตขึ้นเล็กน้อยแต่ กำลังซื้อ กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ร้านขายปลีกขายส่งมีลูกค้าลดลงหรือมีกำลังซื้อน้อยลงทุกกลุ่มร้อยละ 15-30 ร้านโชห่วยไม่ต้องพูดถึงปิดสนิท ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มีแต่คนเดินเอาแอร์เอาสังคม แต่ไม่มีกำลังซื้อ ลดราคา 50% มีแต่คนดูแต่ไม่ซื้อ หาบเร่แผงลอย ข้าวไข่เจียวอาหารคนจน ต้องขึ้นราคา เพราะไข่แพงขึ้น จากที่เคยสั่งไข่สองใบ ตอนนี้เอาแค่ใบเดียว เศรษฐกิจเริ่มจะส่งสัญญาณอันตรายจากบนลงล่างและจากล่างขึ้นบน
...
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหนัก เริ่มเข้าสู่โหมดปิดปรับปรุง เอาตัวรอด แม้แต่ธุรกิจสื่อที่สามารถเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ ปัจจุบันอยู่ในสภาพหน้าเขียวหน้าเหลือง เพราะสื่อจะอยู่ได้ก็ด้วยเม็ดเงินโฆษณาจากสินค้า ยิ่งถ้าดิจิทัลวอลเล็ต ก็กินไม่ได้ ซอฟต์พาวเวอร์ก็กินไม่ได้ กำลังอุปโภคบริโภคในประเทศไม่มี นักลงทุนหน้าไหนใครจะกล้ามาลงทุน แรงจูงใจในการลงทุน ไม่มีทุกมิติทั้งความมั่นใจและเท่าเทียม
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านไหลมาเทมา.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th