การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 20% จนถึง 45% ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ ไปจนถึงเชื้อเพลิงที่ใช้ และอายุการใช้งาน โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า EV จะมีประสิทธิภาพประมาณ 85% โดยสูญเสียกำลังไปเพียง 15% ส่วนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพสูงสุด 35% ในเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและ 45% ในเครื่องยนต์ดีเซล หมายความว่าพลังงานส่วนใหญ่ที่เผาไหม้เชื้อเพลิงจะสูญเสียไปในรูปของความร้อน ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาป ICE จะลดลงเหลือ 20% เมื่อเวลาผ่านไป ส่วนประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าโดยทั่วไป ซึ่งมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อย จะไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป (หากใช้งานอย่างถูกต้อง)


...
ขนาดที่เล็กกว่า
เครื่องยนต์ เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบขับเคลื่อนที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังเทียบเท่ากัน จะมีขนาด และน้ำหนักอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คุณต้องวางเครื่องยนต์จนแน่นห้องเครื่อง เนื่องจากมีอุปกรณ์เสริมการทำงานของเครื่องยนต์ที่จำเป็นต้องอยู่ใกล้หรือติดกับเสื้อสูบ ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถวางลงไปบนเพลาหน้า หรือหลัง หรือเจ๋งกว่านั้นคืออยู่ในแต่ละล้อ! รถไฟฟ้าหลายรุ่นใช้ห้องเครื่องยนต์เป็นพื้นที่เก็บของเสริม นอกเหนือไปจากการเก็บของห้องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงท้าย

ไข้ตัวร้อน โรคร้ายของเครื่องยนต์
ประสิทธิภาพหลักๆ ของเครื่องยนต์เกิดขึ้นในอุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความร้อน เพื่อชดเชยกับการแพร่ความร้อนอย่างมโหฬาร เครื่องยนต์ ICE ต้องการทำให้ตัวมันเย็นลงด้วยระบบระบายความร้อน ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะหม้อน้ำ พัดลมไฟฟ้า ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ ท่อทางเดินต่างๆ สายพาน รวมถึงน้ำมันเครื่อง และน้ำในหม้อน้ำ เพื่อรักษาสภาพการทำงานที่เหมาะสมที่สุด ด้วยการลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ที่ร้อนจัด ไม่ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินจนหยุดการทำงาน ความร้อนยังมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปที่ทรงพลัง หรือมีประสิทธิภาพ ส่วนความร้อนระดับต่ำที่เกิดจากการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้ระบบหล่อเย็นท่ีม่ีขนาดกะทัดรัดมากกว่า มีน้ำหนักเบาเนื่องจากมีชิ้นส่วนน้อยกว่า รถยนต์ไฟฟ้า BEV มีระบบระบายความร้อนให้กับแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เท่านั้น


เสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือน
การทำงานของเครื่องยนต์มีการหมุน และเคลื่อนที่ขึ้นลงของชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือน และเสียงรบกวน โดยมีชื่อว่า NVH (เสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง) เพื่อชดเชยผลกระทบของแรงสั่นสะเทือน เครื่องยนต์จำเป็นต้องมียางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ อุปกรณ์ป้องกันเสียง เพื่อจัดการกับการสั่นสะเทือน ซึ่งจะเพิ่มต้นทุน น้ำหนัก และชิ้นส่วนที่สิ้นเปลือง เสียง และแรงสั่นสะเทือนของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นน้อยมาก
...

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือมลพิษ
เป็นที่รู้กันดีว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในนั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมลพิษอื่นๆ ในขณะที่เผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนโดยตรง มอเตอร์ไฟฟ้าปราศจากการเผาไหม้ขณะทำงาน แต่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วนออกมาในกระบวนการผลิต ในอนาคตหากพลังงานไฟฟ้าที่เอามาชาร์จรถได้มาจากพลังงานหมุนเวียน 100% นั่นจะทำให้การใช้รถไฟฟ้าปราศจาก CO2 ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือหากมีพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมที่บ้าน ก็สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กได้ เครื่องยนต์ ICE ส่วนใหญ่ปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษ และอนุภาคต่างๆ ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์โดยตรง

...

ไม่มีเกียร์
เครื่องยนต์สามารถสร้างพลังงานที่มีประสิทธิภาพในช่วงที่จำกัด เครื่องยนต์จึงจำเป็นต้องมีเกียร์เพื่อชดเชยข้อจำกัดดังกล่าว การขับถอยหลังเครื่องยนต์จำเป็นต้องมีเกียร์ถอย แต่มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถรองรับความเร็วเต็มช่วง โดยไม่ต้องใช้เกียร์ในลักษณะที่มีประสิทธิภาพมากกว่า การขับถอยหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า วิศวกรเพียงแค่กลับขั้วของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้นเอง

...

การบำรุงรักษา
เครื่องยนต์ต้องการการบำรุงรักษามากกว่า เกิดจาการมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวมากกว่ามอเตอร์ เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันเครื่องที่สดใหม่ พร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่อง ปะเก็น หัวเทียน สารพัดสายพาน และอื่นๆ อีกเพียบ เครื่องยนต์จำเป็นต้องมีการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป โดยเฉพาะระบบหล่อเย็น

อายุการใช้งาน
อายุขัยของเครื่องยนต์ ICE คือ 250,000 กม. ถึง 300,000 กม. ซึ่งต้องการการตรวจสอบดูแลซ่อมบำรุงอย่างละเอียด ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนอาจใช้งานได้ถึง 1,000,000 กม. สาเหตุหลักมาจากความเรียบง่ายของมอเตอร์ที่มีชิ้นส่วนน้อยกว่ามาก
ข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้ามีต้นกำเนิดมาจากวิธีการสร้างมอเตอร์ไฟฟ้า โครงสร้างมอเตอร์ไฟฟ้าบางชนิดทำให้มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป เครื่องยนต์เบนซินมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้มากมายซึ่งจะต้องทำงานอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนรถ
เครื่องยนต์เบนซินประกอบด้วยโซ่ไทม์มิ่ง (หรือสายพาน) ลูกสูบที่ต้องรับแรงสันดาปตลอดเวลา รวมถึงก้านสูบที่เคลื่อนที่ได้ ชิ้นส่วนทั้งหมดเหล่านี้จำเป็นต้องทำงานประสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหาด้านอายุการใช้งานที่ต้องมีการซ่อมบำรุงก็คือ การเสียดสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเครื่องยนต์เริ่มสึกหรอจากระยะทางการใช้งาน ในทางตรงกันข้าม มอเตอร์เหนี่ยวนำกระแสสลับจะมีส่วนที่อยู่นิ่งเรียกว่า สเตเตอร์ และส่วนที่หมุนได้เรียกว่า โรเตอร์ นั่นเป็นการออกแบบที่ทำให้ง่าย แต่ทำงานได้อย่างแม่นยำ
ประสิทธิภาพ และความสามารถในการทำสิ่งเดียวกัน แต่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ค่าไฟฟ้าในการชาร์จส่วนใหญ่ยังคงเป็นค่าเฉลี่ยรวมในบิลของการไฟฟ้า การชาร์จไฟที่บ้านนั้นมีราคาถูกกว่าการเติมเชื้อเพลิงในรถยนต์เครื่องยนต์ ICE ถึงสามเท่า เมื่อการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น ช่องว่างนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยรวม เหตุผลเดียวที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงส่งเสริมรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE ก็คือผลกำไร และอุตสาหกรรมน้ำมัน มีความสอดคล้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแนบแน่นนั่นเอง.