Hyundai Motor แบรนด์รถยนต์เกาหลีที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบในไทย เปิดตัวศูนย์นวัตกรรม “IONIQ Lab” ที่ตึก ทรู ดิจิทัล พาร์ค สุขุมวิท 101 สร้างปรากฏการณ์ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อมโยงกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น IONIQ 5 N แฮตช์แบคพลังงานไฟฟ้าสุดไฮเทคที่จำลองฟิลลิ่งของรถยนต์สันดาปภายใน IONIQ Lab แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Hyundai ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสู่เมืองไทยและทั่วโลก


...
IONIQ Lab เป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ด้วยทุนสร้างกว่า 540 ล้านบาท แสดงถึงความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูงของ Hyundai ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และสนับสนุนความร่วมมือของสำนักงานสาขาต่างๆ ของ Hyundai Mobility (thailand) นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวมทัศนะ เพื่อสร้างองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและเทคโนโลยีใหม่ต่าง ๆ ในแวดวงยานยนต์ทั่วโลก


การลงทุนสร้าง IONIQ Lab ในประเทศไทย สะท้อนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของตลาดเมืองไทยในระดับภูมิภาคอาเซียนเพื่อการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศสู่การสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนของ Hyundai ตอกย้ำถึงความต้องการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไทยให้เหนือกว่าความคาดหมายในทุกด้าน ซึ่ง Hyundai เดินหน้าสู่อนาคตด้วยรถยนต์ไฟฟ้า นำเสนออัตลักษณ์และพร้อมแบ่งปันเรื่องราวภายในโซนพิเศษของศูนย์ IONIQ Lab เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai อย่างใกล้ชิด
IONIQ Lab ตั้งอยู่ชั้น 1 ของอาคารฝั่งตะวันตกภายในทรู ดิจิทัล พาร์ค ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มซีพี ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เป็นพันธมิตรสำหรับการก่อตั้งศูนย์กลางแห่งความเป็นผู้นำและแนวทางปฏิบัติงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ของแบรนด์ IONIQ ซึ่งมีเป้าหมายในการก้าวข้ามขีดจำกัดของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเดิมๆ”
การผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai ปรากฏให้เห็นในทุกแง่มุมของ IONIQ 5 การเปิดตัว IONIQ Lab นับเป็นอีกหนึ่งหลักชัยอันน่าตื่นใจบนเส้นทางของ IONIQ 5 ที่ลูกค้าสามารถมาสัมผัสได้โดยตรง รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการสร้างนิยามใหม่แห่งประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น สำหรับผู้ที่ตื่นตัวต่อวิทยาการของโลกสมัยใหม่

...


การออกแบบรถยนต์ IONIQ ทีมงาน Hyundai ตั้งเป้าหมายในการนำเสนอมาตรฐานดีไซน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอก เพื่อกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกและสร้างแรงบันดาลใจด้วยนวัตกรรม “Parametric Pixels” อันโดดเด่นของแบรนด์ IONIQ ซึ่งเป็นผลงานระดับซิกเนเจอร์ที่มีเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น IONIQ Lab รวบรวมแนวคิดงานออกแบบของ IONIQ 5 และฟีเจอร์นวัตกรรมใหม่ไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่แห่งการก้าวข้ามขีดจำกัดทางนวัตกรรม และการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความคาดหวังต่อยานยนต์ไฟฟ้า โดยแบรนด์ N มุ่งมั่นสร้างมาตรฐานใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง จากการผสานประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจเข้ากับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด
...
ความสำเร็จของแบรนด์ N เกิดจากวงการมอเตอร์สปอร์ต เพื่อสร้างยานยนต์ที่มอบความเพลิดเพลินสูงสุดในการขับขี่แก่ลูกค้าและแฟน ๆ ความมุ่งมั่นนี้ได้กลายเป็นจริงผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลงแข่งในสนามมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก เช่น WRC, TCR และ Nürburgring 24 Hours ซึ่งผลลัพธ์จากการเข้าร่วมในมอเตอร์สปอร์ตและการพัฒนาเทคโนโลยีสมรรถนะขั้นสูง ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์จำนวนมากกลายเป็นแฟนตัวยงของ Hyundai และแบรนด์ N ในที่สุด

Mr.Joonwoo Park Vice President of N Brand Management Group, Hyundai Motor Company
นายจูน พาร์ค รองประธานกรรมการทีมกลยุทธ์ของแบรนด์ N จากสำนักงานใหญ่ Hyundai Motor กล่าวว่า “แบรนด์ N คือสัญลักษณ์แห่งความท้าทายทางเทคโนโลยี ผสานจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมการเดินทางและการขับขี่ที่เร้าใจ วิสัยทัศน์ด้านสมรรถนะของเรามีแรงบันดาลใจมาจากโลกมอเตอร์สปอร์ต และสร้างขึ้นบนเสาหลัก 3 ด้าน ได้แก่ Corner Rascal, Racetrack Capability และ Everyday Sportscar”

...


“การมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ IONIQ 5 N เป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โดยมีการจัดแสดงยานยนต์รุ่นนี้ที่ IONIQ Lab เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ในรถรุ่นพวงมาลัยขวา IONIQ 5 N ไม่เพียงแต่ถูกออกแบบเพื่อโลดแล่นในสนามแข่งเท่านั้น แต่ยังยกระดับการขับขี่ในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นประสบการณ์อันตื่นเต้นเร้าใจ ด้วยสโลแกนของแบรนด์ N “Never Just Drive” นายจูน พาร์ค กล่าวเสริม




Hyundai Ioniq 5 N มีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับ Ioniq 5 ด้านหน้าสวมกันชนดีไซน์ใหม่ที่ดุดัน เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ N พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่บริเวณด้านล่างกับม่านอากาศแนวตั้ง กระจังหน้ารูปแบบตาข่าย โลโก้ N ที่ด้านขวาของกระจัง ระหว่างไฟหน้า ไฮไลต์พิเศษ เดินเส้นสีส้ม 'Luminous Orange' ที่ด้านล่างของชุดกันชนสีดำ ล้ออะลูมิเนียมฟอร์จขนาด 21 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางซิ่ง Pirelli P-Zero ขนาด 275/35R21 ที่เหนียวหนึบ สเกิร์ตใต้ท้องรถและไฮไลต์สีส้ม Luminous Orange ที่ต่อเนื่องจากด้านหน้า ทำให้รถ EV มีรูปลักษณ์ที่พร้อมลงสนาม คาลิปเปอร์เบรกประทับตราสัญลักษณ์ N บั้นท้ายมีสปอยเลอร์แบบปีกนก พร้อมไฟเบรกรูปสามเหลี่ยมในตัว ฝาครอบกันชนสีดำสุดพิเศษ กราฟิกสะท้อนแสงลายตารางหมากรุก ดิฟฟิวเซอร์หลังเน้นสีส้ม และช่องอากาศแนวตั้งที่กันชนหลัง





การออกแบบภายในโทนสีดำล้วน แซมด้วยสีน้ำเงิน Performance Blue ซึ่งทำให้รถดูน่ารักขึ้น พวงมาลัยแบบสามก้าน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีสำหรับลูกค้าที่ชอบพวงมาลัยแบบสปอร์ต กับความรู้สึกแบบดั้งเดิมที่มีปุ่มควบคุมให้มาเหมือนเดิมซึ่งใช้งานง่ายกว่าระบบสัมผัส คอนโซลกลางมีที่วางแขนแบบเลื่อนได้ คนขับและผู้โดยสารด้านหน้านั่งบนเบาะบัคเก็ตซีทของแบรนด์ N ซึ่งถูกปรับให้ต่ำลงอีก 20 มิลลิเมตร พร้อมพนักพิงศีรษะที่มีหมอนหนุนรองเสริม เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าโพลีอัลคันทารารีไซเคิล ทรงของเบาะได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง แผงขอบข้างประตูและแป้นเหยียบโลหะ ที่พักเท้าก็ทำด้วยโลหะ สื่อถึงรากเหง้าของมอเตอร์สปอร์ตจากแบรนด์ N และเพิ่มความรู้สึกน่าเข้าไปนั่งให้กับห้องโดยสาร








รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงมีแค่เสียงวี้ดของมอเตอร์ ทำให้ดูเหมือนเป็นเครื่องจักรที่ไร้จิตวิญญาณ ไร้อารมณ์ร่วมในขณะที่เร่งความเร็ว เสียงท่อปรุงแต่งที่สร้างขึ้นเป็นทางออกเดียวในการเพิ่มอารมณ์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นพิเศษ Hyundai N พัฒนา 'N Active Sound+' สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ควบรวมกับฟังก์ชัน 'N e-shift' เพื่อเติมเต็มเสียงประดิษฐ์ให้เหมือนกับเสียงท่อของรถแข่ง



N Active Sound+ มีโหมดเสียงให้เลือกหลายแบบ เช่น สร้างเสียง EV แห่งอนาคต เสียงเครื่องยนต์และท่อไอเสียที่เหมือนกับรถยนต์สันดาปภายใน เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่น่าดึงดูดผ่านระบบลำโพง 10 ตัว (ลำโพงภายใน 8 ตัว + ลำโพงภายนอก 2 ตัว) ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจฟิลลิ่งของคันเร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลืมได้ง่ายในรถ EV เนื่องจากการทำงานที่ราบรื่นและเงียบของระบบส่งกำลัง อาจทำให้ใช้ความเร็วสูงมากจนเกิดอันตราย N e-shift จำลองความรู้สึกของระบบเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ควบคุมแรงบิดเอาต์พุตของมอเตอร์ จำลองความรู้สึกการกระชากขณะเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ผู้ขับได้ความรู้สึกขณะเปลี่ยนเกียร์ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปภายใน




Ioniq 5 N ใช้มอเตอร์ขนาด 166 กิโลวัตต์ 225 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ด้านหน้า และมอเตอร์ขนาด 282 กิโลวัตต์ 383 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตรที่ด้านหลัง โดยปกติแล้วมอเตอร์เหล่านี้รวมกันจะผลิตกำลังสูงสุดได้ 448 กิโลวัตต์ หรือ 663 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร สามารถใช้โหมดบูสต์ที่เรียกว่า 'N Grin Boost' เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเวลา 10 วินาที กำลังและแรงบิดรวมกันสูงถึง 478 กิโลวัตต์ 650 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที! ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.


Ioniq 5 N กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้ถึง 11 ระดับ เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-LSD) ที่ด้านหลัง ปรับแต่งแรงบิดที่ส่งไปยังล้อหลังแต่ละล้อ ตามต้องการ คุณลักษณะ 'N Drift Optimizer' ช่วยให้ผู้ขับรักษามุมการดริฟต์ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดขับแบบดริฟต์ ฟังก์ชัน 'Torque Kick Drift' ซึ่งช่วยให้ผู้ขับจำลองการใช้คลัตช์ของรถสมรรถนะสูง RWD ICE ในสถานการณ์ที่ต้องการขับแบบดริฟต์อย่างฉับพลันทันที ดิสก์ขนาด 400 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์โมโนบล็อกสี่ลูกสูบที่ด้านหน้า ดิสก์หลังขนาด 360 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว เป็นระบบเบรกเชิงกลของ Ioniq 5 N นี่คือระบบเบรกที่ทรงพลังที่สุดในรถยนต์ทุกคันที่มีตรา Hyundai จนถึงปัจจุบัน
สนใจร่วมค้นพบงานออกแบบที่ล้ำสมัยของ IONIQ 5 ผสานเข้ากับเทคโนโลยีเพื่อการขับที่เร้าใจของแบรนด์ N ได้ที่ IONIQ Lab ภายในทรู ดิจิทัล พาร์ค ยานยนต์รุ่นพิเศษนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอแนวคิดที่ว่า “สมรรถนะอันเร้าใจไปด้วยกันได้กับสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม”