EQS เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ Mercedes ออกแบบและสร้างแพลตฟอร์มขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยใช้แพลตฟอร์ม Electric Vehicle Architecture (EVA) Mercedes-Benz ตัดสินใจพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับหรูใหม่ทั้งหมด ด้วยแพลตฟอร์มพิเศษที่รองรับระบบส่งกำลังไฟฟ้า แม้ว่ามันจะดูคล้ายกับรถยนต์สันดาปภายในอย่าง CLS แต่จริงๆ แล้ว EQS นั้นยาวกว่าเล็กน้อย เมื่อคำนึงถึงข้อมูลตัวเลข รูปแบบของระบบขับเคลื่อน และสภาพการควบคุมหลังพวงมาลัย เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าทำไม EQS ถึงดูไม่เหมือน S-Class ทั่วไป แต่เหมือนกับ CLS จากรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่มุ่งไปสู่การขับมากกว่าการนั่งโดยสาร รูปลักษณ์ที่โค้งมน ฝากระโปรงหน้ารถสั้นและเชื่อมต่อกับกระจกบังลมที่ทำมุมอย่างพอดี รวมเข้ากับแนวหลังคาที่ค่อนข้างโค้งเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยส่วนท้ายที่สูงขึ้นกับไฟท้ายเชื่อมต่อกันด้วยเส้นกึ่งกลาง

...

EV Performance
EQS 500 4MATIC AMG Premium มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic กำลัง 330kW หรือ 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า มอเตอร์ด้านหน้าและด้านหลังจำนวนสองตัว ทำงานผ่านระบบเฉลี่ยแรงบิดด้วยซอฟต์แวร์แบบใหม่ในชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม Mercedes EQS 500 4Matic ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบตเตอรี่ความจุสุทธิ 108.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง (รวม 120 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ชาร์จเต็มวิ่งไกล 702 กิโลเมตร

...

...

EQS 500 4MATIC AMG Premium ราคาประกอบในประเทศ 7,900,000 บาท

Design Value
การออกแบบที่เน้นเรื่องอากาศพลศาสตร์โดยเฉพาะแบบ One Bow Concept ภายใต้โครงสร้างตัวถังแบบ EVA2 (Electric Vehicle Architecture Generation 2) เน้นความโค้งมนลู่ลม ถือเป็นรถยนต์ที่มีแรงต้านอากาศต่ำที่สุดในโลก ตัวถังที่โค้งมนเพื่อประสิทธิภาพด้านแอร์โรไดนามิก การลดแรงต้านของกระแสลมคือเป้าหมายหลักของการทำระยะทางและประหยัดพลังงาน Mercedes EQS มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพียง 0.20 (cd 0.20) ในขณะที่ BMW i7 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.24 (cd 0.24) โดยปกติแล้ว ค่า cd ที่ต่ำ หมายถึงการสิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. ขึ้นไป อากาศพลศาสตร์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อไดนามิกของรถและอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน อย่างไรก็ตามข้อมูล WLTP อย่างเป็นทางการ ไม่ได้แสดงความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ Mercedes EQS 500 4Matic ใช้พลังงานระหว่าง 18.2 ถึง 21.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ส่วน BMW i7 xDrive60 อยู่ระหว่าง 18.4 ถึง 19.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม.

...

Infotainment
ระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ ติดตั้งแผงหน้าจอ MBUX Hyperscreen 3 หน้าจอ รูปทรงโค้งมน ยาวต่อเนื่อง 56 นิ้ว กินพื้นที่จากเสา A-pillar ฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ประกอบไปด้วยหน้าจอ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว 17.7 นิ้ว และ 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอเพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัสแบบ MBUX High-End Rear Seat ขนาด 11.6 นิ้ว จำนวน 2 จอ เชื่อมต่อทุกการใช้งาน

เปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรด ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system ลำโพงคุณภาพสูง จำนวน 15 ตัว กำลังขับ 710 วัตต์ เทคโนโลยี Dolby Atmos ซึ่ง Mercedes-Benz เป็นแบรนด์แรกที่ได้พาร์ตเนอร์กับ Apple และเป็นแบรนด์เดียวในโลกที่ใช้ระบบเสียง Spatial Audio with Dolby Atmos ในรถยนต์ Ambient light 64 เฉดสี เป็นเอกลักษณ์ที่เพิ่มสุนทรียภาพภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะในเวลากลางคืน เหมือนนั่งอยู่ในยานอวกาศ 

Safety Systems

เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะเทคโนโลยีไฟหน้า เป็นตัวช่วยในการเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่ EQS 500 ติดตั้งไฟหน้าความละเอียดสูง 1.3 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีระบบส่องสว่างขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ด้วยระบบไฟ DIGITAL LIGHT เทคโนโลยี ULTRA RANGE Highbeam ส่องสว่างไกล 600 เมตร มาพร้อมไฟท้ายเคลื่อนไหวแบบ Adaptive tail lights multi-level functionality ที่ชัดเจนในยามค่ำคืนแบบ 3D helix design รูปทรงหยดน้ำแนวนอน 

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ตรวจจับอาการของผู้ขับได้อย่างอัตโนมัติ ในกรณีที่คนขับไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน เช่น หลับในหรือหมดสติ ระบบจะส่งสัญญาณไฟกะพริบและส่งเสียงเตือนผู้ขับ ให้กลับมาประคองพวงมาลัย แต่หากยังไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบจะค่อยๆ ชะลอรถจนกระทั่งหยุดนิ่งโดยอัตโนมัติ พร้อมเปิดไฟกะพริบฉุกเฉิน ซึ่งระบบนี้จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ความรู้สึกของการควบคุม EQS 500 4Matic AMG Premium ที่แสดงออกอย่างชัดเจนก็คือ ความสบายในการเดินทาง โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ตลอดเส้นทางทดสอบ จากสาทรเหนือมุ่งตรงไปยังอุทยานสามร้อยยอดแบบไม่ต้องแวะเติมกระแสไฟ ระบบกันกระเทือน Air Matic ทำให้การขับเดินทางไกลแทบไม่มีแรงกระเพื่อม การใช้โหมด Sport ทำให้ช่วงล่างปรับตัวเองเพื่อรับมือกับการขับเร็วเป็นไปได้อย่างสงบนิ่งและสบาย Air Matic ใน EQS 500 รับมือกับถนนที่เป็นคลื่นลอนได้อย่างมั่นใจ ล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 21 นิ้ว ยางเส้นโตไซส์ 265/40R21 ที่ดูเหมือนจะส่งเสียงดัง แต่มันวิ่งได้เงียบอย่างที่รถไฟฟ้าระดับ Premium ควรจะเป็น เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำในเมือง และพุ่งทะยานอย่างเงียบสงบ เสียงยางที่ดังไม่มากบนมอเตอร์เวย์ เมื่อความเร็วทะยานผ่าน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mercedes กล่าวว่า EQS บรรจุแบตเตอรี่ที่มีพลังงานหนาแน่นที่สุดในปัจจุบัน แต่จุดเด่นอยู่ที่จำนวน: ความจุของสแต็คคือ 107.8kWh นั่นเป็นชุดแบตเตอรี่ที่ใหญ่มากและมีขนาดเกือบจะเท่ากับโต๊ะปิงปอง ใหญ่กว่า EQC เกือบ 30Kwh ทำให้ EQS 500 เบ่งบานระยะทางได้ 650 กิโลเมตร การทดลองขับไปจังหวัดประจวบฯ คอมพิวเตอร์เดินทางประจำรถ บันทึกอัตราสิ้นเปลืองที่ 21.9kWh ต่อ 100 กม. ซึ่งไม่ไกลจากตัวเลขเคลม บนเส้นทางจากวังมะนาวไปยังบายพาสชะอำ-ปราณบุรี ด้วยการขับแบบผสมผสาน และมีการเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง คำนวณออกมาเท่ากับประมาณ 9 กิโลเมตรต่อกิโลวัตต์/ชั่วโมง

เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ EQS 500 เป็นรถไฟฟ้าที่ขับแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เป็นเพราะ EQS 500 แยกคนขับและผู้โดยสารออกจากเสียงยาง เสียงลม และแน่นอนว่าการไม่มีเครื่องยนต์หมายความว่ามันจะไม่มีเสียงดังหรือแรงสั่นสะเทือน โปรไฟล์เสียงประดิษฐ์สามรูปแบบ เช่น Silver Waves, Vivid Flux และ Roaring Pulse หากคุณต้องการการกระตุ้นจินตนาการแนวนิยายวิทยาศาสตร์ก็กดเลือกโหมดเสียงได้เลย หลังจากนั้นการได้ยินบางอย่างในขณะที่คุณอยู่หลังพวงมาลัย ในย่านความเร็วสูง กลับกลายเป็นเรื่องแปลกและไม่คุ้นเคย แต่การเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยม เท่ากับเพิ่มความอุ่นใจให้กับคนที่ชอบความสงบขณะเดินทาง ซึ่งสำคัญกว่าเสียงประดิษฐ์แปลกๆ ที่ EQS 500 ติดตั้งมาให้ใช้งาน.