ก่อนซื้อ "รถอีวี" ควรรู้อะไรบ้าง พร้อมเทคนิคอ่านสเปกแบตเตอรี่ไฟฟ้าง่ายๆ รวมถึงการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเบื้องต้น
ปัจจุบัน "รถยนต์ไฟฟ้า" กำลังได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่รัฐบาลได้ออกนโยบายส่งเสริมให้ผู้คนเริ่มหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์ โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" จึงรวบรวมข้อควรรู้เบื้องต้นของรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ได้รู้จักกัน
เริ่มแรกเราต้องมาแยกประเภทของ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle กันก่อน
1. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยรถยนต์จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน และต้องชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานเพื่อกักเก็บไฟฟ้าเพื่อใช้งานต่อไป
2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) รถยนต์ชนิดนี้จะใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน เรียกได้ว่าจะต้องเติมน้ำมันเหมือนรถสันดาปทั่วไป แต่กินน้ำมันน้อยกว่า และประหยัดกว่า
3. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) รถยนต์ชนิดนี้จะเป็นส่วนผสมระหว่างน้ำมัน และพลังงานจากไฟฟ้า คล้ายกับรถไฮบริด แต่รถไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอินนั้นสามารถชาร์จไฟฟ้าได้
...
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าผลิตด้วยแร่ลิเธียมเป็นหลัก และแบตเตอรี่บางประเภทก็มีนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์เป็นส่วนประกับข้อแตกต่างระหว่างแร่ทั้ง 2 ประเภทมีดังนี้
- Lithium-ion หรือลิเทียมไอออน น้ำหนักเบา ให้พลังงานสูง คงที่ ชาร์จเร็ว เป็นเซลล์แห้ง และอายุการใช้งานนาน ส่วนใหญ่จะใช้ในรถไฟฟ้า 100%
- Nickel Metal Hydride หรือนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ มักใช้ในรถยนต์ไฮบริด มีอายุการใช้งานที่นานกว่าลิเทียมไอออน
อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความปลอดภัยสูง และถูกพัฒนาให้สามารถใช้งานได้นาน ซึ่งในประเทศไทยมีศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PTEC สวทช. เป็นศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ลิเธียมได้ทั้ง 3 ขนาดคือ แบตเตอรี่เซลล์ แบตเตอรี่โมดูล และแบตเตอรี่แพ็ก ด้วยมาตรฐานในการทดสอบหลายหัวข้อ
เช่น การป้องกันการลัดวงจรไฟฟ้า การทนต่ออุณหภูมิสูง การสั่น การตกกระแทก การบีบอัดจากการชน การเผาไฟ การจมน้ำ การอัดประจุไฟฟ้าเกิน และการคายประจุไฟฟ้าเกิน ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามั่นใจมากขึ้นอีกด้วย
ศัพท์รถยนต์ไฟฟ้าที่ควรรู้
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังศึกษาข้อมูลรถอีวี สิ่งที่จะต้องเจอเลย คือ ศัพท์คำว่า kW และ kWh ที่อธิบายสเปกแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า เราขอสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจ ดังนี้
- kW หรือ กิโลวัตต์ เป็นหน่วยวัดกำลังไฟฟ้า เอาไว้คำนวณอัตราการไหลของไฟฟ้า เช่น เครื่อง home charge จ่ายไฟ 7 kW เท่ากับแต่ละชั่วโมงไฟจะเข้า 7 kW
- kWh หรือ กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นหน่วยบอกปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เก็บเข้าไปในแบตเตอรี่ไฟฟ้า เช่น เครื่อง home charge มีกำลังไฟ 7 kW หากชาร์จ 8 ชั่วโมง เมื่อนำมาคูณกันเท่ากับไฟจะเข้า 56 kWh ยกตัวอย่างเช่น เช่น BYD Seal Dynamic RWD 61.4 kWh เราใช้ home charge 7 kW แบตเตอรี่จะชาร์จเต็ม 0-100% โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 9 ชั่วโมงถึงเต็ม (7x9 = 63 kWh)
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบันเราเห็นสถานีชาร์จไฟฟ้า หรือ EV Charger ในที่สถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก และบางบ้านก็ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าเพื่อใช้เองภายในบ้านด้วย ซึ่งการชาร์จไฟฟ้านั้นก็มีข้อแตกต่างกันโดยมีรายละเอียดดังนี้
...
- การชาร์จไฟแบบปกติ หรือ Normal Charge เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ หรือที่เรียกว่า ชาร์จ AC ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น และปลั๊กอินไฮบริด โดยการชาร์จแบบ AC นั้นเหมาะกับการชาร์จเอาไว้ข้ามคืนหลังจากผู้ขับขี่กลับบ้าน เพราะสามารถชาร์จจากไฟบ้านปกติได้โดยตรงเลย เนื่องจากเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับแบบไฟฟ้าภายในบ้านจึงมีอัตราค่าไฟถูกกว่า
- การชาร์จไฟแบบเร็ว หรือ Fast Charge เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง หรือ DC เป็นการชาร์จแบบด่วน ใช้เวลาน้อย แต่จะชาร์จได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% เท่านั้น โดย DC จะชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ภายในรถโดยตรง ไม่ต้องผ่าน On Board Charger จึงเหมาะกับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาในการชาร์จน้อย เหมาะกับสถานีที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน หรือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า และเนื่องจากเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง จึงมีอัตราค่าไฟสูงกว่านั่นเอง