IONIQ 5 N คือการผสมกันที่แปลกประหลาดระหว่างตัวรถที่ค่อนข้างเหมือนครอสโอเวอร์หนาหนักใหญ่ กับชุดแต่งโหดจัด และพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 650 แรงม้า นี่คือคุณป้า Slappy ที่เหมือนจะไม่เหี้ยม แต่โหดเอาเรื่องจริงจัง ที่สำคัญคือในขณะที่ EV พลังสูงส่วนมากตบหน้าคนรักกลิ่นเบนซินด้วยเทคโนโลยี IONIQ 5 N คือรถที่พยายามทำทุกอย่างให้คนคิดว่ามันคือรถสันดาปภายใน ยกเว้นแรงที่ดีแบบรถ EV จริงๆ แต่บางอย่าง กระทั่งคนรักเบนซินยังต้องแตะไหล่ถามว่า “แน่ใจนะ”
...
ต้องสารภาพอย่างหนึ่งว่า ตลอดขั้นตอนการพัฒนาของ IONIQ 5 N นั้น มันคือรถที่ไม่เคยอยู่ในเรดาร์ของผมแม้แต่น้อย เพราะทุกวันนี้เอาจริงๆ เรามีรถ EV พลังสูงในตลาดครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ รถอย่าง Tesla Model 3 Performance ไงล่ะ นั่นคือรถที่เอาแรงม้าระดับ Lamborghini Diablo SE30 V12 มาอยู่ในตัวรถขนาด BMW 3 Series และขายในราคาแบบ MINI Cooper ตัวล่าง หันไปทางฝั่งจีน ดูนู่นสิครับ BYD Seal ยิ่งเททับถมด้วยการเอาแรงม้าระดับห้าร้อยกว่าตัวมาอยู่ในราคาที่ Accord กับ Camry เห็นแล้วเสียวสันหลัง โดยที่แม้ว่าหลายคนลองแล้ว ช่วงล่างไม่สอดคล้องกับพลังม้า แต่ด้วยราคาแค่นี้ คนซื้อเหลืองบไปทำช่วงล่างได้บาน นี่คือโลกใหม่ซึ่งม้าครึ่งพัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับคนรวย หรือคนที่สนิทกับสำนักโมดิฟาย หรือคนที่เก่งเรื่องรถอีกต่อไป มันเป็นทั้งดาบสองคมที่เราต้องไม่หักมันทิ้ง แต่ต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันให้ได้ประสิทธิผลและสะใจมากกว่า
...
แล้วทำไมเราต้องตื่นเต้นกับ IONIQ 5 N ในเมื่อเราดูจะมีรถ EV แรงๆ ให้เลือกเยอะแยะ ก็ต้องบอกว่ายิ่งคุณศึกษาป้ากระรอกโหด Slappy (ผมหมายถึง 5 N นี่ล่ะ) มันยิ่งชวนให้เชียร์ชะมัดยาด จะว่าผมรับเงิน Hyundai ก็ได้นะ แต่ใครจะบ้าจ้างเขียนเชียร์รถที่ตัวเองยังไม่ได้ขายฟระ..IONIQ คือรถประเภทที่คุณยื่นกุญแจให้คนบ้ารถเบนซิน คุ้นชินกลิ่นควัน และเกลียด EV เข้าไส้ คุณลองให้เขาไปขับดู ลองเล่นกับมันดู แล้วอาจจะพบว่ารถไฟฟ้าก็มีเสน่ห์ของมัน คนเราที่หัวใจแข็งกร้าว ต้องหาสิ่งที่เข้าใจเขามาทำลายกำแพงนั้นลง วันหนึ่งผมเกลียดรถ EV มาก แต่หลังจากได้ขับ Porsche Taycan ผมไม่เพียงแต่รัก Taycan เท่านั้น แต่ยังเปิดใจที่จะรักรถ EV รุ่นอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
...
IONIQ 5 N สร้างหัวข้อข่าวด้วยพละกำลัง 650 แรงม้า ซึ่งถ้าคุณจำได้ เมื่อไม่นานมานี้ McLaren บางรุ่นยังได้ม้าน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ และมันไม่ใช่รถที่ให้แต่ม้าแล้วลืมให้เกือกดีๆ IONIQ 5 N ถูกฟูมฟักมาด้วยอ้อมอกของคนบ้ารถ ที่บางคนก็เคยทำงานกับบริษัทรถแรงๆ จากเยอรมันมาก่อน พวกเขาแบกมันไปวิ่งทั้งที่สนาม Nurburgring ไปลองซิ่งบนถนนน้ำแข็งที่ Arjeplog ปรับจูนช่วงล่างจนมั่นใจได้ว่า แม้มันจะไม่สามารถตอบสนองด้วยบุคลิกรถเบาคล่องแคล่วอย่างพวก GR86 ได้ แต่นักข่าวหลายคนที่ลองมาก็บอกว่ามันคือรถที่หนักเกินสองตัน แต่ตอบสนองเหมือนรถตันเจ็ด และสามารถไปถึง 260 กม./ชม. ซึ่ง ณ จุดนั้น ผมว่าคนชอบเบนซินเทอร์โบบางคนก็อาจจะยอมรับมันแล้ว
...
ส่วนในด้านตัวถังนั้น ถ้าคุณมองว่า 5 N คือรุ่น 5 ธรรมดามาใส่มอเตอร์แรงๆ ก็คงผิดถนัดครับ Hyundai ตกแต่ง 5 N ด้วยแอโรพาร์ทที่แตกต่าง ไม่ใช่แค่หวังผลในเรื่องสไตล์ แต่วิศวกรปรับแก้หลายต่อหลายครั้งเพื่อให้แต่ละพาร์ตมีผลต่อการระบายความร้อนส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง ซับเฟรม จุดยึดช่วงล่าง แตกต่างจาก IONIQ 5 ธรรมดา ยางรองมอเตอร์ ยางยึดแบตเตอรี่ จุดยึดต่างๆ เป็นแบบ Heavy Duty จุดเชื่อมบนตัวถัง ก็มีจุด Spot เพิ่มจากรุ่นธรรมดาอีก 42 จุด และเพิ่มจุดที่เชื่อมต่อกันด้วยกาวตราช้างเหยียบหมีเหยียบหมา (กาวอุตสาหกรรมที่เหนียวโคตรๆ) มากกว่ารุ่นเดิมเป็นแนวยาว 2.1 เมตร ทั้งหมดนี้ต้องทำเพื่อให้ตัวถังรถสามารถต้านทานแรงขณะออกตัว เบรก หรือเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้ดีขึ้น ให้คุณมองว่าเทียบ IONIQ 5 กับ 5 N ก็เหมือนคุณเทียบ Mitsubishi Lancer 1.8 CVT กับ Lancer Evolution 8MR นั่นล่ะครับ ความต่างมันมีประมาณนั้น
สิ่งที่ทำให้ผมมองว่า IONIQ 5 N มีความพยายามเข้าหาคนรักเครื่องสันดาปมากกว่ารถ EV รุ่นอื่นๆ อยู่ที่ความเข้าใจของวิศวกรที่รู้ว่า สำหรับพวกเรา การขับรถคือเรื่องที่สำคัญ เราคือพวกที่มีเทคโนโลยีช่วยขับเอาไว้เมื่อยามที่เราเผลอ ยามที่ร่างกายเราไม่สามารถตอบสนองได้ดี นอกจากนี้ไปแล้วขอเราขับเองทั้งหมด พวกเขาเข้าใจว่า สำหรับเรา เราไม่ได้ต้องการรถที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสเปกสวย เราต้องการรถที่มีเสียง มีการสื่อสาร มีลูกเล่นที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ เราต้องการรถที่ทำมาดีแต่แรก ครบแต่แรก ไม่ใช่ของที่ทำมาลวกๆ แล้วมีอะไรไม่เข้าท่าค่อยไปอัปเดตทีหลัง
IONIQ 5 N มีระบบปรับการกระจายแรงบิด ซึ่งทำงานได้ทั้งในโหมด AUTO และให้คนขับกำหนดเอง ซึ่งคุณสามารถถ่ายแรงบิดไปข้างหน้า 100% (ปิดการทำงานมอเตอร์หลัง) ก็ได้ ถ่ายแรงบิดไปข้างหลัง 100% ก็ได้ หรือสามารถกำหนดอัตราส่วนผกผันระหว่างหน้ากับหลังเองก็ได้ (ถ้าจำไม่ผิดอันที่จริง Tesla Model 3 Performance ก็ทำได้) ลองคิดดูในแง่ของคนที่จ่ายเงินซื้อรถมาคันหนึ่ง เพื่อฝึกฝนทักษะในการขับ จะดีแค่ไหน ถ้าคุณซื้อรถคันเดียว แล้วสามารถให้คุณฝึกควบคุม อาการหน้าสะบัดยามออกตัวของรถขับหน้า ฝึกดริฟต์กวาดท้ายแบบรถขับหลัง ฝึกการโยนหลอกก่อนเข้าโค้ง (Scandinavian Flick) แบบแรลลี่บนพื้นลื่นๆ อย่างที่ต้องทำในรถขับสี่ หรือเอาอาการขับแบบกึ่งสมดุล ท้ายสาดน้อย ไม่ต้องหักสวนเคาน์เตอร์สเตียร์ แล้วออกโค้งได้ไว แบบพวกที่ถ่ายกำลังหน้า 40% หลัง 60% คุณทำทั้งหมดนี้ได้ โดยการถูนิ้วบนหน้าจอเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ
ข้อต่อมาคือเสียง สิ่งหนึ่งที่คนชอบรถสันดาปยังยืนยันจะอยู่กับรถสันดาปก็คือเสียงเครื่องครับ และไม่ใช่ทุกคนจะชอบเสียงดังมากๆ เสมอไป บางคนก็ขอแค่เสียงที่ฟังแล้วได้อารมณ์ ได้อรรถรสพอแล้ว รถอย่าง Porsche Taycan, Mercedes EQE53 และ BMW EV ทั้งหลายมีเสียงที่ปรุงแต่งมา บางคันก็เลือกเสียงได้ เช่นเดียวกับ IONIQ 5 N ซึ่งมาให้เลือกถึงสามเสียง ซึ่งผมคงไม่ฟันธงว่าเสียงไหนเพราะหรือไม่ เพราะต้องไปได้ยินกับหูจริงๆ คุณสามารถเลือกได้ทั้งเสียงเลียนแบบเครื่องเบนซิน 2.0 เทอร์โบของ Hyundai เอง เสียงรถไฟฟ้า และเสียงโทนเครื่องบินเจ็ต ซึ่งเสียงสังเคราะห์แบบนี้ไร้สาระในโลกของรถมีเครื่องสันดาป แต่พอเป็น EV ที่ปกติมันมักจะเงียบ การมีเสียงที่ถึงแม้จะปรุงแต่ง หากปรุงมาดี เราก็ชอบนะครับ
นอกจากนี้ คาแรกเตอร์คันเร่ง ความหนืดของช่วงล่าง แน่นอนว่าสามารถปรับแยกทีละอย่างได้หมดเหมือนพวกรถสันดาปเยอรมันหลายล้านบาท แต่จากจุดนี้ไป บางอย่างจะเริ่มแปลก..จะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่แม้กระทั่งคนชอบรถสันดาป โตมากับรถสันดาปยังมองเลยว่า พยายามหนักไปไหมพี่
นอกจากเรื่องเสียงสังเคราะห์ที่ผมมองว่า มีสาระนะในรถ EV เมื่อคุณกดปุ่ม N ที่ด้านขวาล่างของพวงมาลัย มาตรวัดการใช้พลังงานจะเปลี่ยนเป็นมาตรวัดรอบ เหมือนรถเบนซิน มีขีดแดงที่ 8,000 รอบ ทั้งๆ ที่ความจริงมันเป็นวัดรอบเทียมที่ไม่ได้เกี่ยวกับรอบการทำงานจริงของมอเตอร์ ถ้าคุณกดคันเร่งตอนใส่เกียร์ว่าง รอบเครื่องจะดีดขึ้นพร้อมเสียงสังเคราะห์ที่คุณเลือกไว้..คือมันสามารถเบิ้ลเครื่องได้ และเสียงเหล่านี้จะได้ยินไปถึงภายนอกด้วยครับ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นสิ่งสังเคราะห์ขึ้น EV เบิ้ลเครื่องได้..แบบนี้น้องๆ ช่อง CSL Autotime ทำ Soundcheck พวกเขาน่าจะชื่นชอบใน IONIQ 5 N ทีเดียวล่ะ
ถ้า EV เบิ้ลเครื่องได้ยังแปลกไม่พอ ลองนี่ครับ แพดเดิลชิฟต์! ซึ่งในยามปกติ มันจะทำหน้าที่ปรับการหน่วงของระบบ Regenerative Braking แต่ถ้าเข้าโหมด “เสมือนเครื่องเบนซินซิ่ง” เวลาคุณกดคันเร่ง แล้วกดแป้นเปลี่ยนเกียร์ สมองกลของรถจะสั่งให้มอเตอร์มีการหน่วงสลับกระชาก เหมือนเวลาคุณขับรถซิ่งเครื่องเบนซินจริงๆ เลยนั่น ทั้งขาขึ้นและขาลงเกียร์ ซึ่งจุดนี้ไม่ได้ทำให้รถไวขึ้นนะครับ เพราะเมื่อคุณปรับรถให้เป็นโหมดที่สามารถสร้างความเร็วได้ดีที่สุด สมองกลของรถจะยกเลิกไอ้โหมดเกียร์เก๊นี่ไป มันก็จะกระทืบแล้วไหลขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องอย่างที่รถ EV ควรเป็น
มันไม่ได้ทำให้ผมอยากขับ IONIQ 5 N น้อยลงหรอกครับ แต่บางอย่างผมว่าพวกเขาพยายามเอาใจเรา จนบางทีคนรักเครื่องสันดาปอยากจะบอกว่า “ฉันรู้...ฉันรู้..เธอเป็น EV นะ ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้” ถ้าคุณไปดูอย่าง Taycan ซึ่งคงไม่มีใครพูดนะครับว่า Porsche ไม่เชี่ยวชาญการทำรถให้ “นักขับ” แต่ขนาด Porsche ยังไม่กล้าลุยแหลกในการเอาใจคนบ้าสันดาปขนาดนี้ เสียงปรุงแต่งใน Taycan นั้น มีไว้เพื่อให้คนขับสามารถรับรู้ได้ว่าขณะนี้รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วเท่าไร ซึ่งเป็นเซนส์แบบที่คนขับรถสันดาปซิ่งต้องชิน ฟังแค่เสียงเครื่อง รู้ตำแหน่งเกียร์ ก็เดาความเร็วของรถในหัวได้ มันจะไม่มีการไล่จังหวะเกียร์ ไม่มีจังหวะกระชากหลอกๆ ซึ่งผมกับเพื่อนๆ หลังดูคลิป IONIQ 5 N เสร็จก็มองว่า แนวคิดแบบ Taycan นั่นเหมาะแล้ว เสียงมีไว้เพิ่มอารมณ์ แต่ใช่ว่าจะต้องพยายามดัดให้เหมือนรถสันดาปไปทุกสิ่ง
ถ้าคุณจะบอกว่า ก็นั่นน่ะ Porsche นี่มัน Hyundai ผมก็ขอบอกให้คิดอีกทีนะ ว่าการพัฒนาเสียงวิธีนี้ไม่ได้ใช้ต้นทุนต่างกันหรอก มันไปแพงตรงเงินจ่ายให้นักแต่งเสียงและนักวิจัยซะมากกว่า
แต่ในภาพรวม ผมว่าวิธีคิดแบบคนที่สร้าง IONIQ 5 N นี่ล่ะ คือคนแบบที่จะสามารถชนะใจพวก Anti-EV หัวแข็งได้ อย่างน้อยเวลาเข้าไปนั่งในรถ ตำแหน่งสวิตช์ต่างๆ การจัดวางมาตรวัดต่างๆ ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นรถ..รถแบบที่เกิดมาเพื่อให้เจ้าของขับก็ได้ จะให้รถมันขับตัวเองก็ได้ ไม่ใช่เกิดมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเป็นรถแบบที่ขับแป๊บเดียวก็รู้ว่าคนออกแบบจอ เคยแต่นั่งถู iPad ไม่เคยใช้งานจอตอนรถกำลังขับจริงแม้แต่น้อย กำลังซื้อของคนที่รักเครื่องสันดาปในวันนี้ ก็ยังมีอยู่นะครับ ใครที่ทำให้พวกนั้นใจอ่อนได้ก่อน โดยไม่ทิ้งจุดที่คนซื้อรถ EV ต้องการเป็นหลักไป ก็สามารถขุดเจอบ่อทองได้
อย่างไรก็ตาม IONIQ 5 N นี่ผมนำมาเขียน เพราะอยากแชร์ในเรื่องของแนวคิดการสร้างรถ การกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทั้งหลายทำอะไรได้บ้าง เราปรับมันแค่ไม่กี่อย่างก็อาจจะชนะใจคนได้มากขึ้น แต่ไม่ต้องทำมากเท่าที่ IONIQ 5 N ทำก็ได้
ใครอยากเจอ IONIQ ขอบอกก่อนเลยว่า อีกไม่นาน IONIQ 5 รุ่นธรรมดาก็จะมาขายในไทยแล้วล่ะครับ แต่ 5 N นั้น แล้วแต่บุญแต่กรรมจริงๆ เพราะด้วยตัวถังที่ประกอบขึ้นด้วยขั้นตอนต่างจากปกติ มันก็ไม่น่าจะโชคดีได้มาประกอบที่โรงงานอินโดนีเซียง่ายๆ และการนำเข้าจากเกาหลีทั้งคัน ยิ่งจะทำให้ 5 N ไม่มีโอกาสทำราคาในระดับที่คนทั่วไปคิดจะซื้อมาใช้ น่าจะมีแต่คนรวยที่ปกติขับ AMG กับ M อยู่แล้ว หรือมี Civic Type R หรือพวกรถราคาสี่ห้าล้านอยู่แล้ว นั่นล่ะจะจิตว่างพอและมีเงินพอ ส่วนคนระดับคุณกับผม แค่ได้ Tesla ตัวล่างๆ ก็บุญละครับ.
Pan Paitoonpong