เป้าหมายที่จะทำให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลกมีโอกาสได้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทรถยนต์ในประเทศจีนมีงานล้นมือ สำหรับแบรนด์ NETA ค่ายรถจากแดนมังกรที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในไทย ได้ทุ่มเทเงินงบประมาณและพลังสมอง ให้กับงานวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีความล้ำสมัย ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA คือ Popularizer of Smart EV
...
Neta S เป็นรถสปอร์ตซีดานทรงลู่ลมที่สวยงาม มันมีขนาดที่ใหญ่โต ส่วนหน้าของรถดูเหมือนจะกว้างพอๆ กับ Mercedes EQS ยาวเกือบจะเท่ากับ Porsche Panamera และเร็วกว่า Mercedes-AMG CLS53 ภายในที่น่าตื่นตาตื่นใจของรถไฟฟ้าแบรนด์ใหม่จากจีนมีส่วนทำให้ Neta S น่าใช้มากกว่า Tesla Model S เป็นซีดานแบบสปอร์ตคันแรกจากแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Hozon Auto
...
Neta S มาพร้อมประตูแบบกรรไกร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์คู่ มอเตอร์ตัวแรกอยู่ที่เพลาส่งกำลังของล้อหน้า มอเตอร์ตัวที่สอง วางอยู่เหนือเพลาขับล้อหลัง ทั้งสองตัวให้กำลัง 462 แรงม้า กับแรงบิด 620 นิวตันเมตร เมื่อชาร์จไฟมาเต็ม เจ้า S จากกำแพงเมืองจีนจะทำระยะทางได้ไกล 650 กิโลเมตร ในราคา 338,800 หยวน (50,940 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมอัตราภาษีจะอยู่ที่ 1,725,700 บาท เมื่อคุณใช้ชีวิตอยู่ในประเทศจีน หลังจากซื้อ Neta S แล้ว คุณจะได้รับบริการชาร์จฟรี 2,000 kWh/ปี ที่สถานีชาร์จ NETA ที่มีอยู่ตามเมืองใหญ่
...
NETA ถือกำเนิดในปี 2018 ในฐานะแบรนด์รถยนต์นั่งพลังงานสะอาดภายใต้การกำกับดูแลของบริษัท Hozon Auto และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกออกสู่ตลาดในปีเดียวกันนั้น ปัจจุบัน NETA มียานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เข้ามาขายในประเทศไทย ก็คือ Neta V และ U Pro วิธีดึงดูดลูกค้าอาตี๋อาหมวยในจีนของ Neta ก็คือ ราคาที่พอจะจับต้องได้ และเครือข่ายการชาร์จฟรี หากคุณซื้อ NETA EV ในประเทศจีน จะได้รับที่ชาร์จที่บ้านฟรี หรือชาร์จฟรี 1,000-2,000 kWh/ปี ที่เครื่องชาร์จของ NETA ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศจีน
...
NETA S มีสไตล์การออกแบบโดยเน้นไปที่ระบบอากาศพลศาสตร์ รูปทรงของมัน แสดงให้เห็นถึงพลังและความมีตัวตนของสปอร์ตซีดานจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม ห้องโดยสารพร้อมงานตกแต่งที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะ Alcantara สีส้มและสีดำ เย็บเดินตะเข็บคู่ด้วยด้ายเฉดสีตัดกันอย่างลงตัว หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 17.6 นิ้ว เหมือนเอาจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ประจำบ้านมาแปะไว้ในแนวตั้ง คนที่นั่งในตำแหน่งเบาะคนขับ สามารถรับข้อมูลสำคัญผ่านจอแสดงผลแบบมินิมัลลิสต์ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย หรือจาก AR Head-Up Display อันชาญฉลาด ผู้โดยสารด้านหน้ามีจออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 12.3 นิ้ว เอาไว้ดูหนังฟังเพลงหรือเล่นเกม ไฮไลต์เพิ่มเติมของ NETA S ได้แก่ เบาะนวดแบบปรับความร้อนและระบบระบายอากาศในตัวเบาะพร้อมลำโพงบนพนักพิงศีรษะ NETA S ติดตั้งลำโพงมากถึง 21 ตัวทั่วทั้งห้องโดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่ครอบคลุมสำหรับผู้โดยสารทุกคน
NETA S ใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon Automotive Cockpit เจนเนอเรชัน 3 และ BlackBerry QNX Neutrino RTOS / QNX Hypervisor ที่มีความน่าเชื่อถือสูง งช่วยให้ปรับขนาดได้และมีความยืดหยุ่นใน NETA SPACE QNX Hypervisor ควบรวมหลายระบบที่มีความซับซ้อน สภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างกัน ไว้บนแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์เดียว ลดทั้งการพัฒนาเริ่มต้นของโมเดลและต้นทุนระยะยาวในการเป็นเจ้าของ รวมถึงระบบความปลอดภัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์
Neta S เป็นรถสปอร์ตซีดานพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ ดูใกล้ๆ เหมือนจะใหญ่กว่า Mercedes-Benz CLS53 และมีขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Porsche Panamera โดยมีความยาว 4,980 มิลลิเมตร กว้างถึง 1,980 มิลลิเมตร และสูงเพียง 1,450 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,980 มิลลิเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศของ Neta S ต่ำมากที่ 0.21 Cd รูปลักษณ์ของ Neta S นั้นถูกทำออกมาให้มีความโดดเด่นและแปลกตา ประตูหน้า เปิดออกแบบกรรไกร ด้วยระบบไฟฟ้า ไฟวิ่ง LED ทรงหนวดแมว และเส้นสายที่สวยงามของส่วนท้าย ผสมผสานกับความลาดเอียงของหลังคาและผืนกระจกบานหลัง Neta S มีตัวถังที่โค้งมน ส่วนท้ายแบนและกว้าง ไฟท้ายคล้ายกับ Audi e-Tron GT ไฟท้าย LED ทรงยาวเชื่อมต่อทั้งสองฝั่งด้วยเส้นไฟท้ายตรงกึ่งกลาง และสปอยเลอร์หางเป็ดที่ด้านหลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ Neta S มีให้เลือกสามสี คือ : สีดำ Magic Night Black, สีเขียว Extreme Night Green (คันทดสอบ) และสีเงิน Rushing Silver
การตกแต่งภายใน ดูดีด้วยหน้าจอ 3 จอและวัสดุราคาแพง หน้าจอคนขับมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 13.3 นิ้ว ผู้โดยสารได้รับหน้าจอที่เล็กกว่า 12.3 นิ้ว และแน่นอนว่ามีหน้าจอหลัก 2K แนวตั้งขนาดใหญ่ถึง 17.6 นิ้ว S ยังมาพร้อมกับ AR-HUD Neta แชร์ว่า S มีระบบเสียง 21 ลำโพงที่มีเอาต์พุตสูงสุด 1216 W พวกเขาชอบเรียกมันว่า 'อะคูสติกรอบทิศทาง 720 องศา' คุณสมบัติอีกอย่างของ S คือหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่ 1.9 ตร.ม.
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Neta S มีเรดาร์ และกล้อง 11 ตัว กับระบบจอดรถอัตโนมัติสำหรับรุ่น S การอัปเดต OTA พร้อมเซนเซอร์ LiDAR 2 ตัว
แพลตฟอร์ม 'Shanhai' ของ Hozon ช่วยให้ระยะฐานล้ออยู่ในตัวเลขระหว่าง 2,750-3,100 มิลลิเมตร มีความยืดหยุ่นในการขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ ในยานยนต์ของ NETA ทั้ง EREV และ EV แพลตฟอร์ม Shanhai ออกแบบเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป และรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ในอนาคต แม้แต่ MPV ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ได้
NETA S ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวขนาด 340 กิโลวัตต์ 462 แรงม้า แรงบิดจากมอเตอร์คู่ 620 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 3.9 วินาที สำหรับความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 185 กม./ชม. ความจุของแบตเตอรี่ 95kWh ทำระยะทาง 650 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่ 14.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม.
NETA S ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบน ปีกนกคู่ ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบอิสระ 5Link NETA S มีระยะเบรก 100-0 กม./ชม. ที่ 36 เมตร
NETA Thailand จัดรถทดสอบ NETA S สปอร์ตซีดานไฟฟ้าให้สื่อมวลชนขับทดสอบสั้นๆ ที่สนามปทุมธานีสปีดเวย์ ช่วงหลังๆ มานี้ สนามดริฟต์แห่งนี้ได้รับความนิยมในการใช้เป็นสนามทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์รุ่นใหม่ โดยมีการจัดวางผังสนาม เพื่อเน้นไปที่การทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ความคล่องตัวของแชสซีและการตอบสนองของพวงมาลัย และสุดท้ายกับการทดสอบประสิทธิภาพของระบบเบรก NETA S สีเขียวสว่างสดใส มีภายในที่สวยงามราวกับรถยุโรปราคาแพง ตำแหน่งท่านั่ง ปรับตั้งเบาะไฟฟ้าผ่านจอภาพระบบสัมผัสโดยไม่มีปุ่มปรับระดับของเบาะนั่งคู่หน้า แม้แต่เบาะหลังก็ยังปรับไฟฟ้าให้พนักพิงหลังเอนลงไปทางด้านหลังเพื่อท่านั่งที่ผ่อนคลาย พวงมาลัยหุ้มหนังแท้สีดำสลับสีส้ม คันเกียร์อัตโนมัติ เหมือนกับ Mercedes-Benz เป็นก้านเล็กๆ ทางด้านขวามือของพวงมาลัย ใช้งานง่าย ดันลงล่างก็เข้าตำแหน่ง D ดันขึ้นมาตรงกลางเป็นตำแหน่งเกียร์ว่างหรือ N และดันขึ้นบนสุดเป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลังหรือ R สวิตช์เล็กๆ บนก้านเกียร์คือตำแหน่ง P เอาไว้จอดแบบไม่ต้องเข็น
รอบแรกจากจำนวนสามรอบสนาม ผมใช้โหมด ECO ใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับอาการของรถก่อนที่จะขับเร็วขึ้น ด้วยโหมดที่โหดกว่านี้ในรอบที่สองและสาม โหมด ECO พวงมาลัยเบาสบายมือ คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองแบบง่วงนอน ไหลไปเรื่อยๆท่ามกลางความนวลของช่วงล่างที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย NETA S ถูกเซตช่วงล่างให้ออกมาในแนวหนึบนุ่ม วิ่งเรื่อยๆ ควบคุมได้ง่ายและพวงมาลัยไฟฟ้ากับช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ ก็ช่วยให้รถเลี้ยวได้เร็วขึ้น ความคล่องตัวของมันเกิดจากมอเตอร์ขับเคลื่อนสองตำแหน่งที่คอยปั่นล้อหน้าและล้อหลังให้มีแรงบิดที่สมดุล ขับไปจนเกือบจะครบรอบ ผมก็ปรับโหมดไปที่ Normal แล้วจอดนิ่งอยู่ตรงจุดสตาร์ต เพื่อทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยโหมดกลางๆ ที่ยังไม่โหดมากนัก
ล้อลายซี่ถี่ขอบ 19 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางสปอร์ตสมรรถนะสูง Michelin Pilot Sport 4 ไซส์ 245/45R19 ปั่นจี๋อย่างรวดเร็ว เจ้า NETA ที่มีเรือนร่างน้องๆ Mercedes-Benz S Class กระโจนพรวดออกจากจุดสตาร์ตพร้อมเสียงยางที่แหกปากร้องสนั่น ระบบช่วยทรงตัวกับการเฉลี่ยแรงบิดลงไปยังล้อทั้งสี่ของมอเตอร์คู่ ทำให้รถพุ่งออกจากจุดหยุดนิ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่มีอาการทอร์คสเตียร์ เหมือนก้อนหินที่ถูกหนังสติ๊กดีดออกไปตรงๆ อัตราเร่ง 0-100 ในโหมด Normal ทำได้ 4.3 วินาที นั่นเร็วเอาเรื่องเลยทีเดียว หลุดจากกรวยที่ต้องเบรกหนักๆ ผมแตะเบรกแรงๆ เพื่อลดความเร็วก่อนพุ่งเข้าโค้งขวา เบรกสี่พอตหน้าสีเขียวกับจานเบรกเหล็กหล่อมีพลังในการหยุดยั้งดีพอสมควร พวงมาลัยหนักขึ้นแต่ไม่มาก ทำให้เลี้ยวเข้าโค้งมุมแคบไปทางขวาได้อย่างรวดเร็ว การถ่ายเทน้ำหนักขณะเลี้ยวทำให้นึกถึง BMW M5 G30 แต่ NETA S หนัก 2.3 ตันนั้นปราดเปรียวกว่ามาก จากพลังการปั่นของมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ขยันขันแข็ง การเลี้ยวไปทางขวาตลอดแนวสนามมีแท่งแบร์ริเออร์กั้นเอาไว้ในบางจุดทำให้รู้สึกเสียวสันหลังอยู่เหมือนกัน แรงบิด 620 นิวตันเมตร ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นในวันที่มีอากาศร้อนแบบนี้ ผมพุ่งผ่านโค้งซ้ายเข้าสู่ทางตรงด้วยความเร็วเกือบๆ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เบรกแล้วหักเลี้ยวเข้าโค้งซ้ายมุมกว้าง แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ไม่มากเท่ากับ EQS เนื่องจากตัวเบากว่า 300 กิโลกรัม การเซตรถหนัก 2.3 ตันให้พุ่งลิ่วๆ พร้อมกับทำให้ยาง PS4 แหกปากร้องไปตลอดทาง ถ้าเป็นรถสันดาปภายใน คุณต้องมีม้าไม่ต่ำกว่า 450 ตัว ในเครื่องหกสูบเทอร์โบคู่ แต่มอเตอร์คู่ของ NETA S กับการเซตคันเร่งให้ตอบสนองไวขึ้นในโหมด Normal มีกำลังสูสีกับเครื่อง M256 ของ CLS53 แต่สิ่งที่ NETA S แสดงให้เห็นก็คือ รอยยางสีดำกับเสียงวิ่งแหวกอากาศอย่างเงียบเชียบ คุณจะได้ยินแค่เสียงเอี้ยดของยางและเสียงวิ้ดเบาๆ ของมอเตอร์ เมื่อคันเร่งถูกกดลงจนสุด อัตราเร่งระดับยิ่งยวดของ NETA S ทำให้คนที่ชอบความเร็วและการตอบสนองที่คล่องแคล่วว่องไวถึงกับหลงรักกันเลยทีเดียว
ความสบายของการนั่งขับอยู่ของ NETA S ในระดับที่ดีเยี่ยม อาจเป็นเพราะผมเพิ่งจะลงมาจาก Subaru BRZ ที่เล็กและแข็งกระด้าง เบาะคนขับของมันปรับด้วยไฟฟ้า ผ่านจอขนาดยักษ์ 17 นิ้ว ดูคล้ายจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ถูกนำมาวางในแนวตั้ง รอบสุดท้ายของการทดสอบมาถึงอย่างรวดเร็ว ผมจอดที่จุดสตาร์ต ร่นเบาะเดินหน้าอีกนิด กดลงเตี้ยอีกหน่อย แล้วปรับโหมดไปที่ performance จากนั้นก็กระแทกคันเร่งลงไปจนสุด เจ้า NETA S กระโจนพรวดออกไปข้างหน้าพร้อมเสียงยางที่เสียดสีกับผิวแทรคดังสนั่น แรงบิดที่ปลดปล่อยออกมานั้นสร้างแรงดึงมหาศาล อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.9 วินาที จะมีอยู่ในรถสปอร์ตระดับ 6-14 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มีวันที่รถราคาไม่ถึงสองล้าน (ราคาในจีน) จะวิ่งได้เร็วขนาดนี้ หากไม่มีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมซอฟต์แวร์ฉลาดๆ ของระบบรักษาเสถียรภาพ มันคงควบคุมได้ยากกว่านี้เพราะดึงโหดเหลือกำลังลาก แม้ผมจะเป็นคนที่บ้าเครื่องยนต์แรงๆ และไม่ค่อยชอบการรอคอย โดยเฉพาะการรอชาร์จไฟ แต่ศักยภาพของรถถ่านที่กำลังเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปภายใน คงต้องทำใจยอมรับว่า วันเวลาของเครื่องยนต์สมรรถนะสูงนั้นเหลือน้อยเต็มที
NETA S เป็นซีดานคันโตที่สวยงาม แรงและสะอาด 100% ในวันทดสอบ อากาศที่ร้อนจัดและการอัดอย่างไม่ยั้งของสื่อมวลชนสายยานยนต์หลายสิบรอบ ทำให้ต้องนำรถเข้ามาพักในห้องแอร์เพื่อทำให้แบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม มันเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ฉลาดและแรงจัด ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการที่จะเอาชนะของคนจีน วิศวกรรมของรถอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ความเฉียบคมของพวงมาลัย และความสบายภายในห้องโดยสารที่หรูหรา หากเข้ามาทำตลาดในไทย และมีราคาที่เหมาะสม (ไม่น่าจะเกินสามล้านบาท) รับรองว่าขายดีจนผลิตกันไม่ทันละครับ.
NETA S
(รายละเอียดผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดจำหน่ายในประเทศจีนเท่านั้น)
NETA S นวัตกรรมจาก NETA ในสไตล์ Sporty Smart Coupe พร้อมความอัจฉริยะในการขับขี่ กำลังสูงสุดถึง 462 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราเร่งจาก 0-100 ใน 3.9 วินาที และระยะทางในการขับขี่ไกล 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
สมรรถนะ
กำลังสูงสุด 340 kW / 462 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร
ระบบส่งกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด
ระบบขับเคลื่อน AWD
แบตเตอรี่ Lithium-ion
ขนาดแบตเตอรี่ 91 kWh
ระยะทาง 650 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.9 วินาที
เทคโนโลยี
ภายนอกดีไซน์สปอร์ตคูเป้ ล้ำสมัย พร้อมประตูคู่หน้าแบบปีกนก
ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED
ไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential
Panoramic Sunroof ขนาด 1.9 ตารางเมตร
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
SMART Cockpit System
Smart Screens 4 ตำแหน่ง :
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 13.3 นิ้ว
หน้าจอ Infotainment แบบ Ultra thin ขนาด 17.6 นิ้ว
หน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 12.3 นิ้ว
AR-HUD augmented reality head-up display system
ชิปประมวลผล Snapdragon Chip เจเนอเรชันที่ 3 (Qualcomm Snapdragon 8155)
รองรับการสื่อสารสัญญาณ 5G
ระบบสั่งการด้วยเสียง ตอบสนองภายใน 1.8 วินาที
ลำโพง 21 จุด พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง 720° Nezha Surround Sound
NETA Pilot 4.0 : เทียบเท่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Autonomous Driving L4
ระบบประมวลผล Huawei MDC610 High performance Computing Platfor
ระบบช่วยเหลือในการขับขี่สำหรับขับขี่ในเมือง NCP Nezha City Pilot assistance
ระบบช่วยเหลือในการขับขี่เมื่อความเร็วสูง NHP Nezha High-speed Pilot assistance
ระบบจดจำที่จอดรถ NMP Nezha Memory Parking
ระบบเรียกรถอัตโนมัติ NMS Nezha Magic Summon
ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ 30 ตำแหน่งประกอบด้วย LIDAR 2 ตำแหน่ง, กล้องรอบคัน 11 ตำแหน่ง, เรดาร์แบบ Millimeter wave radar 5 ตำแหน่ง และเรดาร์แบบอัลตราโซนิค 12 ตำแหน่ง
มิติตัวรถ ความยาว x ความกว้าง x ความสูง (มม.) 4,980 x 1,980 x 1,450
ฐานล้อ (มม.) 2,980
ช่วงล่างด้านหน้า Double wishbone independent suspension system
ช่วงล่างด้านหลัง Five-link independent suspension system
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/