วันที่ 25 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2535 ดึกคืนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง Jeep Grand Wagoneer ด้วยพระองค์เอง โดยเสด็จพระราชดำเนินไปยังลำพะยัง บ้านกุดตอแก่น เพื่อทรงวางแนวทางในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำสำหรับกักเก็บน้ำให้กับประชาชนในบริเวณนั้น ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยถนนขรุขระ เป็นทางเกวียน ชายป่าละเมาะ ทำให้รถยนต์พระที่นั่งถึงกับกระเด้งกระดอนไปตามทางที่มีความทุรกันดาร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินท่ามกลางความมืดไปบนทุ่งนาที่มีพื้นผิวไม่เรียบ โดยมีไฟฉายของเจ้าหน้าที่คอยส่องนำทางเท่านั้น เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงยังบริเวณสระบัวของชาวบ้านซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้นอยู่ และเป็นเส้นทางที่จะต้องผ่านบริเวณนี้เข้าไปยังพื้นที่ทรงงาน พระองค์ทรงห้ามไม่ให้ตัดลวดหนาม โดยทรงให้เจ้าหน้าที่ทำการถ่างลวดหนามออก แล้วทรงพระดำเนินมุดรั้วลวดหนามเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
อธิบดีกรมชลประทานที่ตามเสด็จในขณะนั้นได้บันทึกเอาไว้ว่า "จะมีพระเจ้าแผ่นดินหรือประมุขของประเทศไหนหนอในโลกนี้ ที่จะทรงตรากตรำพระวรกายดั้นด้นจนถึงขั้นทรงมุดรั้วลวดหนามด้วยพระวรกายของพระองค์เอง เพื่อเสด็จไปทรงหาน้ำให้ราษฎรใช้ในฤดูแล้ง ยิ่งกว่านั้นพระองค์ท่านทรงหันกลับมามีกระแสพระราชดำรัสเตือนว่า "อธิบดี อย่าลืมซ่อมรั้วให้เขานะ"
...
Jeep Grand Wagoneer พระราชพาหนะคันนี้เป็นรถยนต์อเมริกันสายพันธุ์อเนกประสงค์แบบออฟโรดขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นสูงสุดในสายการผลิตของ Jeep รถยนต์ที่เคยเป็นพระราชพาหนะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รุ่นนี้ ผลิตโดยบริษัท AMC หรือ American Motor Company หลังจากการเปลี่ยนมือโดยบริษัท American Motor Company รับช่วงต่อจากบริษัท Willys Overland Motors ซึ่งอยู่ในการครอบครองของบริษัท Kaiser Jeep Corporation บริษัท American Motor Company หรือ AMC ได้พัฒนา Jeep Wagoneer ในด้านประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และแชสซีใหม่ที่มีความแข็งแกร่งทรหด สามารถใช้ขับลุยฝ่าพื้นที่ทุรกันดารได้อย่างสบาย หรือลุยน้ำลึกอย่างที่เราเคยเห็นในพระบรมฉายาลักษณ์ยามเสด็จเยี่ยมประชาชนของพระองค์
นอกจากจะมีสัดส่วนของความสูงที่ออกแบบมาสำหรับการลุยแล้ว พื้นที่ภายในห้องโดยสารก็ยังมีการขยับขยายให้มีพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบายมากขึ้น Jeep Grand Wagoneer ใช้การออกแบบแชสซี ระบบรองรับหรือช่วงล่าง โดยมีการปรับจุดยึดพวกยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ขนาดใหญ่ เพื่อทำให้ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ ห้องโดยสารสามารถป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ภายในของ Jeep Grand Wagoneer ยังบรรจุอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมระบบปรับอากาศ นับเป็นรถตรวจการณ์สไตล์ออฟโรดที่มีสมรรถนะสูงคันหนึ่งในยุคนั้น
...
เป็นที่รู้กันดีว่ารถออฟโรดโบราณทำมาสำหรับการใช้งานแบบสมบุกสมบัน ประสิทธิภาพในการวิ่งบนพื้นที่ทุรกันดารนั้นเหนือกว่ารถยนต์แบบอื่นชนิดเทียบกันไม่ติด ซึ่งก่อนหน้าที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จะทรงใช้งานรถยนต์ราชพาหนะคันนี้ พระองค์เคยประทับรถพระที่นั่ง Land Rover รุ่น Series III และทรงงานอยู่เป็นประจำ แต่ตอนนั้นรถพระที่นั่งคันดังกล่าวมีอายุใช้งานนานมากแล้ว การเสด็จพระราชดำเนินไปตามพื้นที่ต่างๆ ในสมัยนั้น เส้นทางยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ นานา ไม่มีถนนหนทางสะดวกรวดเร็วอย่างเช่นทุกวันนี้ รถพระที่นั่ง Land Rover รุ่น Series III ไม่มีระบบผ่อนแรงหมุนของพวงมาลัย หรือระบบอำนวยความสะดวกอะไรแม้แต่น้อย ดังนั้น ฝ่ายราชยานยนต์หลวง จึงได้สั่งซื้อ Jeep Grand Wagoneer รุ่นนี้โดยตรงจากสหรัฐอเมริกา (เป็นรถพวงมาลัยซ้าย เนื่องจากนำเข้ามาทั้งคัน) ซึ่งเป็นรถที่มีอุปกรณ์ความสะดวกสบายครบครัน เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรง ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ กระจกไฟฟ้า และระบบปรับอากาศจากโรงงาน เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์แบบ Luxury 4×4 ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้งานแบบออฟโรดที่เหนือกว่า ทำให้พระองค์ท่านประทับและสามารถเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ที่รถยนต์แบบอื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ตามพระราชประสงค์
...
Jeep Grand Wagoneer พระที่นั่ง ถูกผลิตออกมามากมายหลายรุ่น แต่มีข้อมูลว่ารถยนต์ Jeep Wagoneer ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งเพื่อการทรงงาน เป็นรถยนต์ Jeep Wagoneer Brougham รุ่นปี 1983 โดยมีรายงานว่าสำนักราชยานยนต์หลวงสั่งเข้ามาเพื่อให้พระองค์ทรงใช้ในการทรงงานตามถิ่นทุรกันดาร เนื่องจากตัวรถมีการออกแบบให้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ อีกทั้งตัวรถยังได้รับการวิศวกรรมพิเศษ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบตรวจการขนาดใหญ่ เหมาะแก่การลุยด้วยโครงสร้างแบบ Body On Frame รถมีความยาวตลอดคัน 4,753 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 2,761 มิลลิเมตร และหนัก 1,895 กิโลกรัม
รถพระที่นั่ง Jeep Wagoneer Brougham ใช้เครื่องยนต์แบบ V8 ปริมาตรความจุ 5.9 ลิตร ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ 2 คาร์บูเรเตอร์ (2 Barrel Carburetor) ให้กำลัง 141 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตร (หากไม่ใช่เครื่องรุ่นนี้ก็จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 4.2 ลิตร ให้กำลัง 112 แรงม้า และให้แรงบิด 278 นิวตันเมตร) ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา โดยมีฟังก์ชั่นในการขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบเกียร์ Selec Trac รหัส NP229 โดยจุดเด่นของระบบเกียร์ตัวนี้ คือการที่ตัวรถสามารถขับเคลื่อนสี่ล้อในตำแหน่ง 4 Hi ได้บนถนนลาดยางทั่วไป และระบบเกียร์เดียวกันที่อยู่ในรถพระที่นั่ง เป็นมรดกที่สำคัญส่งทอดต่อมายังระบบเกียร์ของ Jeep ในรุ่นต่อๆ มา
...
พระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับรถยนต์ Jeep Wagoneer Brougham นั้นมีมากมาย ดั่งที่พวกเราพสกนิกรชาวไทยจะเห็นได้จากการทรงขับรถด้วยพระองค์เองอยู่บ่อยครั้งไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเรื่องเล่าหนึ่งที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ Jeep Wagoneer คันนี้ เกิดขึ้นในพระราชกรณียกิจ ช่วงปี พ.ศ. 2535
เครื่องยนต์เบนซิน AMC แบบ V8 บล็อกใหญ่ มีหลากหลายขนาด เช่น 5.7 ลิตร รุ่นที่ผลิตในปี ค.ศ. 1970 และรุ่น 5.9 ลิตร สำหรับรถที่ผลิตในปี ค.ศ. 1971 โดยในรุ่นท้ายๆ จะวางเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความจุมากถึง 6.6 ลิตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ เดินหน้าแบบ 3 จังหวะ รุ่น Turbo-Hydramatic 400 (THM 400) ระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD Quadra-Trac ของ Borg Warner แบบขับเคลื่อนส่งกำลังด้วยโซ่ สามารถปรับใช้งานได้ง่าย ออกแบบมาสำหรับการขับเคลื่อนทุกล้อ เพื่อวิ่งฝ่าเข้าไปยังพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ที่ไม่มีเส้นทางรถยนต์ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยหล่มโคลนหลุมบ่อหรือแอ่งน้ำที่มีความลึกเกือบ 1 เมตร
รถพระที่นั่ง Jeep Grand Wagoneer ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีที่ หอรัชมงคล สวนหลวง ร.9 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมในพระราชปณิธานที่ทรงตั้งมั่นไว้ในพระราชหฤทัยว่าจะทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแด่ประชาชนของพระองค์ พระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ที่มีต่อราษฎรทุกคนในประเทศไทยจากภาพข่าวที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่กันดาร ห่างไกลความเจริญ เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในถิ่นทุรกันดารดีขึ้น สมกับกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ที่ทรงพระราชทานให้กับข้าราชการและประชาชนเพื่อตระหนักในการทำหน้าที่ว่า
"ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด"
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า นายอาคม รวมสุวรรณ คอลัมนิสต์ หน้ายานยนต์ ไทยรัฐออนไลน์
ข้อมูลบทความเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จาก
http://www.autodeft.com/deftscoop/king-1983-jeep-wagoneer-brougham
http://www.xo-autosport.com/site/jeep-grand-wagoneer-his-majesty-the-rama-9-king/
http://pantip.com/topic/31341673
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/