Alfa Romeo เริ่มต้นสายการผลิตรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนแบบ Roadster ขึ้นในปี 1959 นับแต่นั้นเป็นต้นมาตำนานของ Spider Duetto และ Spider Veloceถูกยกให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่สร้างประวัติศาสตร์และชื่อเสียงให้กับพญางูใหญ่จากอิตาลี สปอร์ตคาร์คือคำแห่งความหมายของความสนุกสนานและการขับขี่ที่เร้าใจรวมไปถึง พละกำลังของเครื่องยนต์ที่สามารถทำให้ผู้ขับเพลิดเพลินไปกับการเดินทางและ รูปทรงอันกระทัดรัดและสวยงามของตัวรถ ระบบช่วงล่างที่กระด้างกว่ารถยนต์ทั่วๆไปแต่ก็แลกกับการเกาะถนนที่มักจะ เหนือกว่ารถยนต์แบบปกติ Alfa Romeo เป็นรถที่คู่ควรแก่การอนุรักษ์และหากจะกล่าวกันถึงเรื่องความคลาสสิคกันแล้ว ถือได้ว่ารถยนต์ของพญางูใหญ่แห่งตูรินสามารถติดอันดับคลาสสิคในระดับแนวหน้า เนื่องจากมักจะเห็นพวกมันจอดอยู่ในโรงรถของบรรดานักเลงรถโบราณทั้งนี้เพราะ Alfa Romeo เป็นเพียงบริษัทเดียวในไม่กี่บริษัทที่ไม่นิยมในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงราย ละเอียดของรถแต่ละรุ่นแต่ละแบบบ่อยนัก รถยนต์แทบทุกรุ่นของ Alfa Romeo หากเรารื้อออกมาเป็นชิ้น ๆแล้วก็จะทราบได้ทันทีว่ามันยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของ Alfa Romeo ดั้งเดิมจากจูลิเอ็ตต้าสปริ้นท์รุ่น 1956 จวบจน 2000 จีทีวี มูลฐานของความเป็นรถที่มีวิวัฒนาการแทบไม่ต่างไปจากกันในการเปลี่ยนแปลง โมเดล จึงเป็นความมั่นใจในอายุการใช้งานด้วยเครื่องยนต์ตัวเดียวที่เป็นมรดกตกทอด มาจากอดีตรวมทั้งชุดเกียร์และช่วงล่างที่ยังคงไว้ซึ่งรากฐานที่ได้รับการ พัฒนาจากอดีตมันเกือบจะเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงจากยุคแรกๆที่สืบทอดเอา เทคโนโลยีเดียวกันนี้ส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันซึ่งบรรดาแฟนพันธ์ุแท้และเซียนรถ Alfa Romeo ต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า Alfa Romeo รักษาจารีตการผลิตรถสปอร์ตของบริษัทตนเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่นด้วยคอน เซ็ปต์เดียวกันได้ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ดังนั้นเมื่อคุณเปิดฝากระโปรงหน้าของ “จูลิเอ็ตต้า” แห่งปี 1956 จนมาถึงรุ่น 2000 จีทีวี ในห้องเครื่องที่เล็กและคับแคบนั้นก็ยังพบกับเครื่องยนต์ทวินแคมทรงพลังซึ่ง เกือบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยในด้านวิวัฒนาการและรูปทรงอันเป็นสิ่งยืนยัน ว่า Alfa Romeoได้ทำการพัฒนารถของตนขึ้นสู่ความเป็นรถยนต์ที่คงความคลาสสิคเอาไว้แทบ ทุกอณูของตัวรถเลยทีเดียว



Alfa Romeo Spider Duetto Boattail 1966
Duetto Spider ถูกเปิดผ้าคลุมครั้งแรกสุดในงานแสดงรถยนต์นานาชาติที่เจนีวา ชื่อรุ่นของมันถูกนำมาจากดนตรีที่ไพเราะและมีจังหวะที่เร้าใจของชนชาติ อิตาลี สำนักออกแบบรถยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั่นคือ Pininfarina ได้ทำการออกแบบรถสปอตร์รุ่นล่าสุดของ Alfa Romeo โดยใช้ชื่อรถต้นแบบว่า 3000 Cm Disco Volante เพื่อต้องการรถที่มีรูปทรงปราดเปรียวในสไตล์ Super Flow1/2 เพื่อเตียมไว้ใช้ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบทั่วทวีปยุโรปที่ค่ายรถอย่างพญา งูใหญ่มักส่งรถเข้าแข่งขันเสมอมา Alfa Romeo Duetto Boattail 1966 มีความโค้งมนตลอดทั้งคันตั้งแต่ด้านหน้าจนมาถึงด้านท้าย ไฟหน้าอยู่ในกรอบพลาสติกใส กระจังหน้ารูปสามเหลี่ยมสัญลักษณ์ที่ติดตัวรถยนต์Alfa Romeoทุกคัน กันชนหน้าโลหะชุบโครเมี่ยมขนาดเล็กโดยมีกรอบไฟเลี้ยวอยู่ด้านในทำให้มันยัง คงความเป็นรถอมตะตราบจนทุกวันนี้ ส่วนรูปทรงด้านท้ายของตัวรถมีรูปทรงโค้งมนคล้ายกับบั้นท้ายของเรือยนต์แบบส ปอตร์และเป็นที่มาของคำต่อท้ายในรุ่นนี้ (Boattail) ไฟท้ายทรงรีขนาดเล็กอยู่เหนือกันชนหลังเล็กน้อย และเมื่อมองดูด้านข้างของตัวรถ Spider Duetto จะเห็นความสมบูรณ์ในการออกแบบของ Pininfarina ที่บรรจงวางเส้นด้านข้างของตัวรถจากซุ้มล้อหน้ายาวจนไปถึงไฟท้ายได้อย่าง ลงตัวและจะหารถที่มีลักษณะการออกแบบที่คล้ายกับมันในยุคนั้นได้ยากมาก จะมีก็แต่เพียงบริษัทรถยนต์ที่ผลิตแต่เพียงรถสองประตูอย่าง Ferrari เท่านั้นที่มีรถยนต์ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน (Ferrari เองก็ใช้บริการของ Pininfarina ตลอดมาในการสร้างรถยนต์ของบริษัทตนเอง)

เข้ามาดูภายในจะสังเกตเห็นหน้าปัดท์อันสวยงามของ Jeager ที่มีกรอบวัดความเร็วและรอบของเครื่องยนต์มาให้สองวง ขอบวงหุ้มด้วยโลหะเงาวาวแบบสแตนเลส ที่แม้แต่รถยนต์ในยุคนี้ก็ยังคงนำเอากรอบโลหะเงางามมาติดตั้งเพื่อทำให้มัน ดูดีขึ้น (และมันก็ดูดีขึ้นมากจริงๆ) คอนโซลกลางลดระดับลงต่ำจากกรอบหน้าปัดท์ลงเล็กน้อย เป็นที่อยู่ของเกจ์วัดสามอัน (วัดความร้อน,น้ำมันเชื้อและแรงดันกระแสไฟในแบตเตอรี่)และนำไม้วอลนัทชั้นดี มาใส่ลงไปเป็นของตกแต่งชิ้นงาม วงพวงมาลัยสามก้านที่มีวงรอบโตกว่าปกติ เบาะนั่งแบบตื้นๆแต่นั่งขับแล้วจะหลงรักมัน Spider Duetto มีเครื่องยนต์ขนาด 1600 c.c. 109 แรงม้าท่ี 6000 รอบต่อนาทีแรงบิด 14.2 กิโลกรัม/เมตรที่ 2800 รอบต่อนาที เรี่ยวแรงของกำลังดูจะน้อยไปนิดแต่กับรถยนต์แบบเปิดประทุนมันกลับมีความ เหมาะสมมากที่จะขับแบบกินลมชมวิวซึ่งในยุคนั้น (1966) ความรีบเร่งบนท้องถนนยังมีไม่มากมายเท่ากับทุกวันนี้

ในยุค 1966 ที่ Duetto Spider ถูกผลิตออกจำหน่ายมันถูกกำหนดให้ใส่ยางหน้าแคบ (ในสมัยนั้นยางหน้ากว้างแก้มเตี้ยถูกใช้แต่ในสนามแข่งรถเท่านั้น) ของ Michelin XA ขนาด 155 /65/R15 ความผอมบางของขนาดยางที่อาจสร้างความไม่มั่นใจในยามขับขี่ถูกทดแทนด้วยน้ำ หนักของพวงมาลัยที่ไม่เบาจนเกินไปนัก ข้อดีของพวงมาลัยที่มีน้ำหนักมากกว่าปกติกับยางหน้าแคบคือการแก้อาการของล้อ ขับเคลื่อน (ล้อหลัง) ในการขับบนถนนที่มีสภาพเส้นทางคดเคี้ยวไปมาทำได้ดีกว่าน้ำหนักของพวงมาลัย แบบเบาแรง แต่มีจุดเสียอยู่ที่ Alfa Romeo ไม่ได้ทำการติดตั้งเหล็กกันโครงมาให้ด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่มีเหล็กกันโครงจะสามารถแก้อาการท้ายปัดเมื่อเข้า โค้งด้วยความเร็วได้ดีกว่ารถที่ไม่มีเหล็กกันโครง การแก้อาการท้ายปัดที่เกิดขึ้นของ Duetto Spider จากเหล่าบรรดาเซียนรถ Alfa Romeo ที่ลงความเห็นพร้อมกันว่า ต้องกุมพวงมาลัยให้มั่นคงพร้อมกับลดความเร็วของตัวรถก่อนจะเข้าสู่หัวโค้ง ห้ามเบาลึก (ถอนคันเร่งช้าเกินไปจนความเร็วของตัวรถเกินกว่าหรือไม่สัมพันธ์ไปกับสภาพ ทางโค้ง) โดยเด็ดขาดซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการท้ายปัดจนไม่สามารถแก้อาการได้อย่างทัน ท่วงที Alfa Romeo Duetto Spider ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ในช่วงสุดท้ายก่อนเป็นโมเดลเป็นรุ่นใหม่โดยทำการเปลี่ยน เครื่องยนต์เพื่อให้กำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 1750 c.c. และทำตลาดอยู่ในช่วงปี 1966-1969 Duetto Spider มียอดขายที่ประสบความสำเร็จพอสมควร
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อรุ่น-ปีที่สร้าง-เครื่องยนต์- กำลังเครื่องยนต์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Series 1 : Duetto หรือ Oss di sepia
Duetto -1966-1967-1600 c.c. -109PS (108 hp/80 kW)
1750Veloce -1967-1969 1779 c.c. -118 PS (116hp/87 kW)
1750 Veloce Us version -1969 -1779 c.c.-132 PS ( 130hp/97 kW)
1300 Junior -1968-1969 -1290c.c.- 89 PS (88 hp/ 65 kW)

Alfa Romeo Spider Veloce 1974
โมเดล ที่สองของตระกูล Spider ตามออกมาในปี 1974 รูปทรงของรถในบริเวณด้านหน้ายังคงเอกลักษณ์เดิมๆเอาไว้ มีเพียงท้ายรถที่เปลี่ยนรูปทรงใหม่ให้กลายเป็นบั้นท้ายแบบตัดตรงและมีไฟท้าย ทรงส่ีเหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ฝากระโปรงท้ายถูกเพิ่มพื้นที่เพื่อเก็บสำภาระให้มีขนาดใหญ่และดูทันสมัยขึ้น แนวเส้นข้างลำตัวรถยังคงอยู่เหมือนเดิมซึ่งถ้าไม่สังเกตกันจริงจังจะทำให้ รถรุ่นที่สองนี้ดูคล้ายกันกับรุ่นแรกมากที่สุด เครื่องยนต์ของ Spider Veloce ในรุ่นที่สองที่มีความจุ 1962 c.c. กระจังหน้าแบบ Quadrifoglio กันชนหน้าและหลังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากันกับท้ายรถที่มีรูป ลักษณ์ตัดตรง

ภายในห้องโดยสารของ Spider Veloce สิ่งที่แตกต่างกันออกไปจากรุ่นแรกคือกรอบของมาตรวัดที่ทำเป็นเบ้าขนาดใหญ่ กลายมาเป็นทรงแบบหูกระต่ายสองเบ้าแยกกันทั้งมาตรวัดรอบและความเร็ว ห้องโดยสารเน้นโทนสีมืดทึบเพื่อคงไว้ซึ่งบรรยากาศแบบรถสปอตร์ในยุคนั้น คันเกียร์ยาวเหมือนกับรถเมล์ เบาะด้านหน้าเพิ่มพนักพิงศีรษะมาให้ด้วย Spider Veloce มีเครื่องยนต์ 1962 c.c. สร้างแรงม้าได้ถึง 128 แรงม้าที่ 5500 รอบต่อนาที แรงบิด 18.0กิโลกรัม/เมตรที่ 3500 รอบต่อนาที จากเส้นกราฟของเครื่องยนต์ตัวนี้แสดงให้เห็นถึงแรงบิดในรอบต่ำที่ดีกว่ารุ่น แรกพอสมควร แต่ในรอบเครื่องยนต์สูงๆจะมีอาการสั่นสะท้านจาก Torque Peak หากผู้ขับขี่ไม่เร่งรอบของเครื่องยนต์ไปที่รอบสูงบ่อยๆแล้ว Spider Veloce จะมีช่วงแรงบิดที่กว้างมากจากรอบเครื่องต่ำ ไม่ว่าจะขับด้วยเกียร์ในตำแหน่งใดก็ตามสามารถเร่งความเร็วของตัวรถขึ้นไปได้ เรื่อยๆและต่อเนื่องถึงแม้จะเร่งจากรอบเครื่องยนต์ที่ 2000 รอบต่อนาทีไปถึง 4500 รอบต่อนาทีและเมื่อถึง 5600 รอบต่อนาที่ที่เป็นตัวเลขเข้าสู่ Red Line เครื่องยนต์ 2000c.c.ของมันก็คงยังทำงานได้อย่างราบเรียบไม่มีอาการสะดุดแต่อย่างใด การเร่งรอบของเครื่องยนต์ยังคงเป็นไปในลักษณะ Balance ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ 1600 ของ Duetto Spider ที่มี Red Line ของเครื่องยนต์อยู่ที่ 6300 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ในโมเดลที่สองนี้มีอัตราการหมุนด้วยความเร็วรอบที่น้อยกว่าแต่ก็ มีความต่อเนื่องและนุ่มนวลดี เหมาะกับการขับกินลมชมวิวแบบที่ใช้ความเร็วไม่สูงนัก โดยมีการตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นไปแบบคงที่นั่นเอง
Series 2 : Fastback หรือ Coda Tronca
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1750 Veloce 1970-1973 1779c.c. 133 PS ( 131 hp/98 kW)
1300 Junior 1970-1973 1290 c.c. 104 PS ( 103hp/76 kW)
2000 Veloce 1971-1982 1962 c.c. 128 PS (126 hp/94 kW)
1600 Junior 1972-1981 1570 c.c. 110 PS ( 108 hp/81 kW)





Alfa Romeo Spider Veloce 1990
Spider ในรุ่นที่สามนี้มีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากสองโมเดลแรกอยู่พอสมควร เนื่องจากมันคลอดออกมาห่างจากรุ่นแรกถึง 19ปี รูปทรงด้านหน้ากระจังถูกเปลี่ยนแปลงไปจากกันชนโลหะมาเป็นกันชนแบบโพลียูรี เทรน กรอบไฟหน้าที่เป็นพลาสติคใสถูกนำออก แต่แนวเส้นข้างลำตัวที่สวยงามยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ล้อแม็กลายดาวทำจากอลูมิเนียมของรุ่นที่สอง ถูกแทนที่ด้วนล้อแม็กอลูมิเนียมลายวงกลมเล็กๆล้อมกรอบที่ดูทันสมัยขึ้น ไฟท้ายทรงยาวในรุ่นที่สามนี้ลงตัวและและดูดีที่สุดในจำนวนสามรุ่นที่ Alfa Romeo เคยสร้างขึ้น 2000 Spider Veloce 1990 มีเครื่องยนต์ 1962 c.c.126 แรงม้าและมีแรงบิดที่ 19.0 กิโลกรัม/เมตรที่ 3500 รอบต่อนาที มันมีช่วงล่างที่มี Balance ดีที่สุดในรถ Spider ทั้งสามรุ่นสามยุค แม้ผู้ขับจะอัดเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูงตัวรถก็ยังคงมั่นคงและมีความ เสถียรมาก การเร่งจากปลายโค้งออกสู่ทางตรงด้วยเกียร์ธรรมดาที่ตำแหน่งเกียร์สาม-สี่ ทำได้อย่างราบเรียบไม่มีอาการสั่นของล้อหลัง ในโมเดลที่สามนี้ Alfa Romeo ยังมีเกียร์อัตโนมัตสามสปีดให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รักความสะดวกสบายอีก ด้วย ที่นั่งด้านหลังแบบ Occassional Seat 2+2 ช่วยเน้นห้องโดยสารให้ดูหรูหราขึ้น ระบบพวงมาลัยพาว์เวอร์ในการขับเข้าสู่ทางโค้งมุมแคบที่มีองศาประมาณ 45 องศาทำให้เกิดแรงเหวี่ยงในโค้งค่อนข้างแรงเนื่องจากเหล็กกันโคลงด้านหน้ามี ขนาดที่เล็กเกินไปและโอเวอร์แฮงของฐานล้อน้อยไปSpider Veloce 1990 ในรุ่นแรกๆที่ออกมามีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับช่วงล่างที่ยังไม่สมบูรณ์นัก ซึ่งต่อมาอีกสองปีวิศวกรของ Alfa ก็ได้ทำการการปรับปรุงช่วงล่างให้ดีขึ้น ช่วยในการสัมผัสกับผิวถนนของช่วงล่างกับยางหน้ากว้างเป็นไปอย่างธรรมชาติมาก ขึ้น ระบบเกียร์อัตโนมัตสามสปีดมีอัตราทดที่ 2.480-1.480-1.000 เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองมากกว่าการขับแบบลากรอบสูงๆ (เนื่องจากอัตราทดของเกียร์อัตโนมัตสามสปีดไม่ครอบคลุมรอบของเครื่องยนต์มาก นัก) เครื่องยนต์ของมันมีแรงบิดราบเรียบมากในรอบต่ำจึงมีความเหมาะสมกับเกียร์สาม สปีดมากที่สุด

...



Series 4
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Type 4 1990-1993 1962 c.c. 126 PS (124 hp/93kW)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จาก ประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่ผ่านมาของพญางูแห่งตูริน รถสปอตร์รุ่น Duetto เป็นรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่ Pininfarinaได้ทำการดีไซน์ไว้ หลังจากเขียนรูปทรงของรถต้นแบบ Alfa Romeo Spider “ Duetto “ เสร็จลงไม่ถึงเดือน Pininfarina ก็เสียชีวิตลงในวันที่ 3 เมษายน 1966 นับเป็นการสูญเสียราชันแห่งวงการออกแบบรถยนต์คนสำคัญคนหนี่งของโลกจากผลงาน ที่ทิ้งไว้เบื้องหลังให่อนุชนรุ่นต่อๆไปของสำนักออกแบบรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในอิตาลีได้สานต่อเจตนารมณ์สืบต่อไป ในปี1986 หลังจากผจญกับมรสุมอย่างหนักหน่วงจากการแข่งขันของค่ายรถต่างๆทั่วทั้งทวีป ยุโรป Alfa Romeo ก็ประสบกับปัญหาเรื่องเงินทุนอย่างหนัก หลังจากนั้นก็ได้ผนวกตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Fiat Group เพื่อความอยู่รอดของบริษัทซึ่งต่อมาในปี 2007 ได้กลายมาเป็น บริษัท Fiat Auto S.p.A. จนถึงทุกวันนี้

ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก...................www.classiccarthailand.com
chang palace
chang.arcom@thairath.co.th
photo by
-www.autouniversum.wordpress.com
-www.automotivetraveler.com
-www.highwoodalfa.com
-www.autopia.org
-www.giuliettas.com