เรื่องของเรื่อง...เกิดจากที่ได้นั่งชมการแข่งขัน F1 รายการหนึ่งด้วยใจจดจ่อเพราะความมันส์ระทึกระดับ 10 กะโหลก ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว อารมณ์ประมาณฝันว่าตกเหวแล้วสะดุ้งตื่นนั่นแหละ

คำถามเชิงสร้างสรรค์จากมนุษย์ช่างสงสัยลอยมากระทบสมองฉาดใหญ่ 'พี่ๆ รถตำรวจทำไมลงไปวิ่งในสนามแข่งได้ล่ะ เขาลงไปจับใครหรอ' โธ่... งามไส้ อยากจะตะโกนกลับไปยังบ้องหูคนถามนัยน์ตาบ้องแบ๊วผู้นั่น แต่ก็รักษาภาพก่อนตอบกลับไปว่า มันคือ 'Safety Car' ครับพี่น้อง

Safety Car??

หลายคนอาจสงสัยพลางขมวดคิ้วว่า 'Safety Car' คือรถอะไรกันหว่า??  ก็ขอตอบว่า มันคือรถที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการแข่งขันรถแข่งนั่นเอง หน้าที่หลักๆ มี 2 หน้าที่ด้วยกัน คือ ทำหน้าที่วิ่งเช็กความเรียบร้อยของสนามก่อนแข่ง และก็ทำหน้าที่วิ่งนำหน้าขบวนรถแข่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน

ซึ่งรถรุ่นที่จะนำมารับบทบาทของ 'Safety Car' ได้นั้น ต้องมีประสิทธิภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารถแข่งในสนามเลยทีเดียว เพราะหากเป็นรถที่วิ่งช้ามากเกินไป อาจทำให้รถแข่งที่ต้องวิ่งตามหลังยามเกิดเหตุในสนามมีปัญหาได้

...

เพราะรถ F1 เมื่อวิ่งความเร็วต่ำจะทำให้อุณหภูมิของยางลดลง สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และไม่สามารถเลี้ยวในวงแคบได้ อีกทั้งเมื่อยางเย็นตัวอาจทำให้ยางอ่อนลง ส่งผลให้ใต้ท้องตัวรถครูดกับถนนกลายเป็นเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้อีกต่างหาก เห็นไหมละว่าเจ้า 'Safety Car' มันต้องเจ๋งขนาดไหน งานนี้ถึงจะคุมอยู่

เผยโฉม จอมขโมยซีน

วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก 'Safety Car' ที่เป็นตัวชูโรงของวงการอย่าง 'Mercedes SLS AMG GT F1 Safety Car' กัน ไปดูสิว่าเจ้ารถสปอร์ตคันนี้มันมีดีอะไร ถึงได้รับบทบาทคอยแย่งซีนการแข่งขันอยู่เรื่อย...

'SLS AMG GT' คันนี้ ถูกเรียกเข้าประจำการครั้งแรกในการแข่งขัน 'F1 Shell Belgian Grand Prix 2012' มันถูกพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์และน้ำหนัก สร้างความโดดเด่นของสายพันธุ์สปอร์ตออกมาให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น โครงสร้างถูกสร้างขึ้นจะอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ทำให้มันมีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. เท่านั้น

เครื่องยนต์มหึมา ถูกประจำการ

ถูกยัดเยียดความแรงด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 6.3 ลิตร ขับแรงม้าออกมาได้ 591 ตัว วางเครื่องด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำบริเวณหลังเพลาขับเคลื่อนด้านหน้า เพื่อสร้างความทรงตัวที่ดีขึ้น การกระจายน้ำหนักของตัวรถถูกแบ่งออกเป็นส่วนหน้า 47% ส่วนหลัง 53% เฉกเช่นเดียวกับรถแข่งระดับโลก

...

เรื่องฝีเท้า เขาก็จัดจ้าน

การถ่ายทอดกำลัง กระทำผ่านเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด ช่วงล่างถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดย AMG มาพร้อมเบรกเซรามิกประสิทธิภาพสูง เสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย 10 ก้านสีดำเงาดูโดดเด่นเมื่อทุกสายตาสัมผัส ความเร็วจากหยุดนิ่งจนแตะระดับ 200 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 11.2 วินาทีเท่านั้น

ครบครัน พร้อมใช้งาน

ตัวรถถูกใส่อุปกรณ์สำคัญสำหรับการทำหน้าที่ควบคุมความเรียบร้อยในสนามอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์ เพื่อสังเกตการณ์ 2 จอภายในรถ อุปกรณ์ดูดซับเสียงโดยรอบ ไฟกะพริบสัญญาณเตือนเหตุทั้งบนหลังคาและด้านข้างตัวรถ และเข็มขัดนิรภัยแบบพิเศษที่ให้การคุ้มกันอย่างถึงขีดสุด

...

ครั้งต่อไปหากใครได้มีโอกาสดูการแข่งขันรถ F1 ไม่ว่าจะทางการถ่ายทอด หรือการได้ไปอยู่ขอบสนาม อันเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ก็อย่าลืมยิ้มทักทายและแบ่งปันความสนใจรถ 'Safety Car' ในรายการนั้นๆ ด้วยล่ะ เพราะคงรู้กันแล้วสิว่ามันไม่ใช่ธรรมดาๆ...