สถานการณ์ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดรถเมืองไทยยังคงหนักหนา ทั้งจากพิษเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวและปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ที่สำคัญยังมาจากการรุกหนักของค่ายรถยนต์จีน ที่ชู “รถยนต์พลังงานใหม่” (NEV) โดยเฉพาะ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%” (BEV) เป็นอาวุธสำคัญ แถมยังได้รัฐบาลไทยมาอุ้มสมจากมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งลดแลกแจกแถมสารพัด ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นหลายค่ายที่เคยเป็นเจ้าตลาดต้องปรับแผนแก้เกมกันจ้าละหวั่น
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานจากประเทศญี่ปุ่นว่า “นิสสัน มอเตอร์” หนึ่งในค่ายรถยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีหน้า โดยจะเลิกจ้างหรือย้ายพนักงานประมาณ 1,000 คนในไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกประมาณ 9,000 คน
ทั้งนี้ นิสสันมีโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่งในไทย ซึ่งผลิตรถยนต์หลายรุ่น รวมถึงรถกระบะและรถยนต์ไฮบริด โดยภายในเดือนกันยายนปีหน้า นิสสันจะหยุดดำเนินการบางส่วนที่โรงงานแห่งแรก ซึ่งสามารถผลิตได้ 220,000 คันต่อปี โดยจะรวมการผลิตไว้ที่โรงงานแห่งที่สอง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า
การประกาศครั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์ในไทยที่ลดฮวบ เพราะการรุกหนักของค่ายรถจีน โดยเฉพาะบีวายดี (BYD) และเอ็มจี (MG) ที่เข้ามารุกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ค่ายซูบารุ ได้ประกาศปิดโรงประกอบรถยนต์ในไทย
เช่นเดียวกับ ค่ายซูซูกิ ก็ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเตรียมการจะปิดโรงประกอบรถยนต์ในไทย หันมาทำตลาดรถนำเข้าจากญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และอินเดีย
ด้าน ฮอนด้า ได้ประกาศเมื่อกลางปีนี้ถึงการปรับแผนผลิตรถยนต์ 2 โรงงานในประเทศไทย โดยได้ตัดสินใจย้ายไลน์ผลิตรถยนต์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ไปรวมที่โรงประกอบรถยนต์ของฮอนด้าที่ จ.ปราจีนบุรี ทั้งหมด เพื่อดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป รวมถึงการเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ xEV อย่างต่อเนื่อง
โดยโรงงานที่ จ.ปราจีนบุรี พัฒนาเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปที่สมบูรณ์แบบ ส่วนโรงงานอยุธยาพัฒนาเป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วน
อย่างไรก็ดี แม้ดูเหมือนค่ายรถญี่ปุ่นในไทยจะช้ำหนักจากการุกฆาตของค่ายรถจีน แต่ด้วยความที่บริษัทแม่ของค่ายรถญี่ปุ่นยังคงมีศักยภาพบะละฮึ่ม ทำให้ทุกค่ายรถยังพร้อมฮึดสู้ชูสองนิ้ว ยังคงชูประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานผลิตที่สำคัญในภูมิภาคนี้
ที่สำคัญยังคงเชื่อมั่นในอาวุธลับที่จะทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นกลับมาบะละฮึ่มยิ่งใหญ่เหมือนเดิม นั่นคือ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ “โซลิดสเตต” (Solid–State) ที่ขณะนี้ทุกค่ายรถไม่ว่าจะเป็นค่ายรถญี่ปุ่น จีน ยุโรป และกระทั่งสหรัฐฯ ต่างซุ่มซ่อนกันพัฒนาแบตเตอรี่ตัวนี้ไม่ให้ค่ายรถคู่แข่งรู้ความคืบหน้ามากนัก
แต่ล่าสุดมีข่าวว่าค่ายรถญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตต
สำหรับแบตเตอรี่โซลิดสเตต คือแบตเตอรี่ที่ใช้อิเล็กโทรไลต์แข็ง มีข้อดีในเรื่องความปลอดภัยสูงเนื่องจากโอกาสติดไฟต่ำ มีเสถียรภาพสูง และความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้น และประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานที่เหนือกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงแก้จุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้าในเรื่องต้องใช้เวลานานในการชาร์จไฟฟ้าให้เต็ม และยังวิ่งในระยะทางได้ไกลมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้งที่กินเวลาไม่ถึง 10 นาที
แบตเตอรี่โซลิดสเตตจึงได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก
ล่าสุดมีข่าวว่า ฮอนด้า มอเตอร์ จะผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตทั้งหมดสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในสายการผลิตทดสอบตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและมีระยะทางวิ่งสูงขึ้นในต้นทุนต่ำ
โดยฮอนด้าประกาศว่าสายการผลิตซึ่งถือเป็นหนึ่งในสายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ กำลังถูกสร้างขึ้นในจังหวัดโทจิกิ ที่ญี่ปุ่น มีพื้นที่รวม 27,400 ตารางเมตร การลงทุนทั้งหมดสำหรับโครงการนี้อยู่ที่ 43,000 ล้านเยน
แผนคือการติดตั้งแบตเตอรี่ในรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในช่วงปลายทศวรรษ 2020 คาดว่าแบตเตอรี่ใหม่นี้จะเพิ่มระยะทางวิ่งเป็นสองเท่า
ฮอนด้าวางแผนจะขยายระยะทางวิ่งให้ยาวขึ้นเป็น 2.5 เท่าของระยะทางปัจจุบันในช่วงทศวรรษ 2040 ซึ่งหมายความว่าการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งจะวิ่งได้ 1,000 กิโลเมตรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขนาดกลาง แบตเตอรี่คิดเป็นประมาณ 30% ของต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนของแบตเตอรี่โซลิดสเตตลง 25% ภายในช่วงปลายปี 2020 และ 40% ภายในช่วงปี 2040
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ฮอนด้าจะมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพและรวมกระบวนการผลิตเข้าด้วยกัน น้ำหนักของแบตเตอรี่จะลดลง 35% ภายในช่วงปลายปี 2020 และ 45% ภายในช่วงปี 2040 แบตเตอรี่ที่เบากว่าจะขยายระยะการขับขี่ของรถยนต์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
สำหรับการแข่งขันในการพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตตได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก อย่างพี่ใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น คือ โตโยต้า มอเตอร์ ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวยานยนต์ที่ผลิตจำนวนมากโดยใช้แบตเตอรี่แบบนี้ในปี 2027 หรือ 2028 โดยระยะทางจะอยู่ที่ 1,200 กม. หรือ 2.4 เท่าของระยะทางสูงสุดในปัจจุบัน
งานนี้ห้ามกะพริบตา!!!