“ปอร์เช่ ประเทศไทย” โดยเอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้ยกทัพยนตรกรรมสปอร์ตครบทุกโมเดล เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

ภายใต้แนวคิด “The Mobility of Joyful Experiences” ให้สัมผัสรถสปอร์ตในฝันอย่างใกล้ชิด

พร้อมเปิดตัวไฮไลต์โดดเด่น นั่นคือ การเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย “911 GT3 RS” รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่ถ่ายทอด DNA ของรถแข่งปอร์เช่ไว้อย่างแท้จริง ราคาเริ่มต้น 25.9 ล้านบาท

ภายใต้รูปลักษณ์อันดุดัน และตอกย้ำถึงการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่สมรรถนะอันสูงสุด มาพร้อมพละกำลังอันทรงพลัง 386 กิโลวัตต์ (525 แรงม้า) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและแนวคิดจากมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องยนต์ที่หมุนรอบสูงตามธรรมชาติ ผสานกับโครงสร้างน้ำหนักเบาอัจฉริยะ

พร้อมความเหนือชั้นด้วยระบบระบายความร้อนที่มีความพิเศษกว่ารถสปอร์ตทั่วไป โดยใช้คอนเซปต์การวางหม้อน้ำไว้กลางตัวรถ เพื่อช่วยกระจายความร้อนได้ทั่วถึงทั้งเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เย็นลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อากาศไหลเวียนผ่านเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น และช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ทำให้รถควบคุมได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้สามารถติดตั้งองค์ประกอบแอโรไดนามิกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากเทคโนโลยีระบบแอโรไดนามิกที่ล้ำสมัย องค์ประกอบของช่องรับลมด้านหน้าและด้านหลัง สามารถปรับได้ ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันองค์ประกอบเหล่านี้สามารถสร้างแรงกดมหาศาลที่ 409 กิโลกรัม ณ ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ 911 จีที 3 อาร์เอส (911 GT3 RS) ใหม่ สามารถสร้างแรงกด (Downforce) ได้มากเป็น 3 เท่าจากรุ่น 911 จีที 3 (911 GT3) ที่ความเร็ว 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแรงกดรวมถึง 860 กิโลกรัม

ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ได้ติดตั้งระบบลดแรงต้าน Drag Reduction System (DRS) เพื่อตอบโจทย์ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงในเส้นทางตรงของสนามแข่ง ระบบ Drag Reduction System (DRS) จะทำให้ช่องลมเป็นแนวระนาบทันทีที่กดปุ่ม ในช่วงการทำงานที่กำหนดไว้ เมื่อมีการเบรกในขณะที่ใช้ความเร็วสูง จะมีฟังก์ชั่นพิเศษเข้ามาช่วย โดยการเปิดช่องลมด้านหน้าและด้านหลังให้กว้างที่สุด เพื่อที่จะลดแอโรไดนามิก ส่งผลให้การทำงานของเบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

911 จีที 3 อาร์เอส (911 GT3 RS) มาพร้อมกับการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Normal, Sport และ Track

สำหรับโหมด Track สามารถปรับ Setting ระบบต่างๆ แยกกันได้ หนึ่งในนั้นคือ ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า และด้านหลัง สามารถปรับแต่งให้ต่างกันได้ ในส่วนของระบบเฟืองท้าย สามารถปรับได้โดยการควบคุมผ่านสวิตช์ควบคุมแบบหมุนที่พวงมาลัย การทำงานถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการออกแบบที่พัฒนามาจากมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งบนพวงมาลัยจะถูกติดตั้งด้วยปุ่มควบคุมแบบหมุน 4 ตัว และปุ่มกด Drag Reduction System (DRS) หรือเรียกว่าปุ่มระบบลดแรงต้าน

เครื่องยนต์ชนิดรอบจัด ขนาด 4.0 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวกับ 911 GT3 สามารถสร้างแรงม้าได้สูงถึง 386 kW (525 PS) โดยมีการออกแบบ รูปแบบของเพลาลูกเบี้ยวใหม่, ท่อร่วมไอดีแบบแยกเดี่ยว และวาล์วไอดี ที่ถ่ายถอดการออกแบบมาจากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต ระบบเกียร์ PDK 7 สปีด มีอัตราทดเกียร์โดยรวมสั้นกว่า 911 GT3 และช่องอากาศเข้าที่ใต้ท้องรถช่วยให้แน่ใจว่าระบบส่งกำลังสามารถรับน้ำหนักได้มาก แม้ในระหว่างการใช้งานบนสนามแข่งอย่างหนักหน่วง 911 GT3 RS สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 296 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โครงสร้างน้ำหนักเบาอัจฉริยะถือเป็นหลักการพื้นฐานของรุ่น RS ทุกรุ่นนับตั้งแต่ 911 Carrera RS 2.7

ทั้งนี้ยังมีรถปอร์เช่หลากรุ่นมาปรากฏโฉมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เริ่มตั้งแต่รถสปอร์ต 2 ประตูอันแสนปราดเปรียว อย่าง รุ่น 911 และ 718 และรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีสไตล์อย่าง พานาเมร่า (Panamera) และไทคานน์ (Taycan) รวมทั้งคาเยนน์ (Cayenne) และมาคันน์ (Macan) รถเอสยูวี (SUV) สายลุย

สำหรับ ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) รถสปอร์ตกลุ่ม SUV ขนาดกะทัดรัด ด้วยสมรรถนะที่ปราดเปรียว การออกแบบที่เฉียบคม ทำให้ ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ทุกรุ่นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในฐานะรถสปอร์ตกลุ่มรถ SUV ขนาดกะทัดรัด และในฐานะรถสปอร์ตรุ่นแฟลกชิฟ ของคอมแพกต์ เอสยูวี (Compact SUV) ที่ประสบความสำเร็จอย่าง มาคันน์ จีทีเอส (Macan GTS) ก็ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของรถกลุ่มนี้ ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V6 ขนาด 2.9 ลิตร ให้กำลัง 440 แรงม้า พร้อมการตอบสนองและการส่งกำลังตามแบบฉบับของรถยนต์ปอร์เช่ จีทีเอส (Porsche GTS) อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.3 วินาที เมื่อติดตั้งแพ็กเกจ Sport Chrono และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 272 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขณะที่ ปอร์เช่ ไทคานน์ (The Porsche Taycan) รถยนต์ซาลูนไฟฟ้ารุ่นแรกจากสายการผลิตของปอร์เช่ ยังคงสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่องด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและสมรรถนะอันเฉียบคม รถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู พร้อมใช้งานได้อย่างลงตัวในชีวิตประจำวัน ใช้ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ แทนที่จะเป็น 400 โวลต์ทั่วไป ช่วยให้สามารถชาร์จพลังงานจาก 5 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (State of Charge) ได้ภายในเวลาเพียง 22.5 นาที ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม โดยใช้เครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้าสูง หรือเพียงชาร์จ 10 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร

ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น โดยเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เปิดตัวชุดแต่งเสริมสมรรถนะ “มานทาย” (Manthey Performance Kit)

สำหรับ เอเอเอส กรุ๊ป ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 ให้เป็นผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification)

สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขาย ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR”

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ Porsche Centre Bangkok, Porsche Centre Pattanakarn, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2, Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 และขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา

ร่วมสัมผัสความเร้าใจของยนตรกรรมสปอร์ตกับปอร์เช่ ประเทศไทย ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดยมีรถพร้อมส่งมอบได้ทันที โดยเฉพาะรุ่น 911/Taycan/Panamera