กิจกรรมของรุ่นใหญ่วัยเกษียณนั้นในความคิดของใครหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นการมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ อยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นรดน้ำต้นไม้ ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงหลาน แต่ถึงกระนั้น การออกไปพบเจอเพื่อนฝูงสังสรรค์กันตามโอกาส รวมถึงการได้ขับรถออกไปทำธุระด้วยตนเอง ก็เป็นสิ่งที่หลายท่านให้ความสำคัญเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการเบื่อหน่ายหรือซึมเศร้าตามมานั่นเอง
ผู้สูงอายุขับรถเองดีไหม
จากผลงานการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารสมาคมชราวิทยาอเมริกา (AGS) ระบุว่าผู้สูงอายุที่ไม่ยอมเลิกขับรถจะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าผู้ที่เลิกขับรถ โดยเฉพาะคนที่เคยขับรถมาก่อนแล้วหยุดขับรถนั้น อาจทำให้มีอาการซึมเศร้าเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวและสุขภาพกายถดถอยลงมากกว่าเดิมด้วย ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะผู้สูงอายุบางคนจะรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นภาระของลูกหลาน โอกาสที่จะออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ วัยเดียวกันก็ลดน้อยลง ต้องรบกวนคนในครอบครัวไปส่งให้ ท่านก็จะขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้าตามมา
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยอีกชิ้นที่ระบุว่า ผู้สูงอายุที่เลิกขับรถมีโอกาสเสียชีวิตใน 3-5 ปี เมื่อเทียบกับคนที่มีเพศ วัย และสุขภาพ ในระดับเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับผู้สูงอายุที่ไม่ยอมเลิกขับรถ สมองจะยิ่งช้าลง และเสื่อมลงมากขึ้นด้วย
สำหรับบ้านใครที่มีผู้สูงอายุแต่ใจยังเก๋าอยู่ และกำลังมองหารถยนต์สักคันเพื่อให้ผู้สูงอายุที่บ้านไว้ใช้ขับรถ ลองมาดูกันว่าหลักการเลือกรถสำหรับวัย 50+ ควรเลือกแบบไหน ต้องดูอะไรบ้าง
การเลือกรถยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เป็นผู้ขับขี่
หากคุณตัดสินใจที่จะให้ผู้สูงอายุที่บ้านขับรถเองแล้วล่ะก็ ลองพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ดู เพื่อเลือกรถยนต์ให้เหมาะสมกับท่านได้ครับ
1. วัตถุประสงค์ในการขับรถของผู้สูงอายุที่บ้าน
ลองถามถึงความต้องการของท่านดูว่าท่านจะใช้รถเพื่อการทำอะไรบ้าง ขับในเมืองหรือขับต่างจังหวัด ใช้ในการขับไปพบปะเพื่อนฝูงแบบออกทริปนานๆ ครั้ง หากเป็นกรณีนี้ ก็ควรเลือกรถแนวๆ SUV, MPV หรือแนว Crossover เพราะทนทาน อะไหล่หาง่าย ค่าซ่อมไม่แพง ซึ่งพี่หมีขอแนะนำให้เลือกเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะได้ใช้งานง่ายด้วยครับ
แต่สำหรับท่านที่ต้องการขับรถแค่ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ ไปจ่ายตลาด ไปห้างสรรพสินค้า หรือรับลูกหลานที่โรงเรียน ไม่ได้ขับรถไประยะทางไกลๆ นัก หากเป็นอย่างหลังก็ควรเลือกรถยนต์ประเภท Eco-Car หรือรถยนต์ขนาด Sub-Compact จะได้ประหยัดน้ำมันและรายจ่ายในการดูแลรักษาอื่นๆ ที่จะตามมา
2. งบประมาณ
เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักไม่มีรายได้ประจำแล้ว บางรายมีเพียงเงินบำนาญของทางราชการหรือเงินที่เก็บหอมรอมริบมาใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต ดังนั้น การเลือกรถคันใหญ่ ราคาแพง จึงกลายเป็นภาระมากกว่าจะได้ประโยชน์จริง แต่สำหรับรายที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินมากนัก อาจพิจารณาจากความสะดวกสบายในการขับขี่ และเทคโนโลยีเรื่องความปลอดภัยของรถมาแทน
3. เทคโนโลยีของรถยนต์ที่ใช้
ควรเลือกแบบเกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ออโต้จะได้ใช้งานง่าย นอกจากนี้ ลูกหลานควรให้ผู้สูงอายุศึกษาคู่มือรถและวิธีการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เข้าใจ หรือคุณจะเป็นผู้ศึกษาแล้วค่อยๆ ถ่ายทอดให้ท่านก็ได้ เนื่องจากรถรุ่นใหม่ๆ มักมีเทคโนโลยีสลับซับซ้อนต่างจากรถรุ่นเก่า อีกทั้งบางรุ่นก็ยังมีเทคโนโลยีที่ไว้เสริมความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ เช่น กระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือเซ็นเซอร์รอบคันรถ เป็นต้น
รถยนต์ที่เหมาะสำหรับรุ่นใหญ่ วัยเกษียณ
Toyota Yaris 2021 และ Toyota Yaris Ativ 2021
Toyota Yaris ถือว่าเป็นอีโคคาร์ แฮชแบ็ค 5 ประตู ที่ขายดีมากของโตโยต้า มีปัญหาจุกจิกกวนใจน้อย อีกทั้งยังมีศูนย์บริการทั่วประเทศ จึงไม่ต้องกังวลหากต้องส่งซ่อม อุปกรณ์ภายในไม่ซับซ้อน ใช้งานสะดวก มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยในเรื่องความปลอดภัย (Toyota Safety Sense) ได้แก่
● ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System (เฉพาะ Yaris และ Ativ รุ่น Sport Premium)
● ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Alert (เฉพาะ Yaris และ Ativ รุ่น Sport Premium)
● กล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง บันทึกภาพความเคลื่อนไหวขณะเดินทางและดับเครื่องยนต์ โดยเซ็นเซอร์สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนและบันทึกภาพกรณีพบสิ่งผิดปกติ (เฉพาะ Yaris และ Ativ รุ่น Sport Premium)
Nissan March 2021-2022
รถอีโคคาร์ ราคาประหยัด ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ห้องโดยสารกว้างขวาง ในปีนี้นิสสัน มาร์ช ใหม่ ยังคงได้รับการพัฒนาให้ชีวิตง่ายขึ้นได้อีกด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT ให้ความนุ่มนวลตอบสนองทุกการขับขี่ และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20 กม./ลิตร* และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างภายนอกแข็งแกร่งปลอดภัยตามมาตรฐานยูโร (UNECE Reg. 94 และ 95 Rev.0) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงอายุที่ขับรถในเขตเมือง
Honda Jazz 2021
เหมาะสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ ขับง่าย มีขนาดเครื่องยนต์ที่ 1.5 ลิตร เผื่อสำหรับลูกหลานใช้ขับขี่ร่วมกันได้ มาพร้อมการออกแบบพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่กว้างสบาย มี One Push Ignition System ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ และมีระบบความปลอดภัยเด่นๆ ดังนี้
● ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i+Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
● Vehicle Stability Assist (VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง เพิ่มการยึดเกาะถนน
● ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับพวงมาลัยเมื่อต้องการเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุลมากขึ้น
● Multi-angel Rearview Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย
Mitsubishi Mirage 2021
รถซิตี้คาร์อีกคันที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ มีมาตรวัดขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจน ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะปรับระดับสำหรับผู้ขับขี่เพื่อให้ได้องศาที่สะดวกสบาย มาพร้อมเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ได้แก่
● ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-LS)
● ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า (RMS-Forward)
● ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
● ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
● ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL)
แนะนำประกันรถยนต์สำหรับวัย50+
ถึงแม้ว่าข้อดีในการขับรถของผู้สูงอายุนั้นจะมีอยู่มากมาย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นเราควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยเสมอครับ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งทางกรุงไทยพานิชประกันภัย (KPI) ก็ได้มีแผนประกันรถยนต์ “รุ่นใหญ่ ใจเก๋า” เพื่อดูแลให้ความคุ้มครองผู้สูงวัยที่ขับรถเองโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. เงินชดเชยผลประโยชน์รายได้รายวัน กรณีผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ไม่เกิน 30 วัน วันละ 1,000 บาทต่อครั้ง
2. เงินชดเชยผลประโยชน์ค่าเดินทางระหว่างนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อม 200 บาทต่อวัน ไม่เกิน 5 วันต่อครั้ง และไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
3. เงินชดเชยการโจรกรรมสำหรับทรัพย์สินส่วนบุคคลที่อยู่ภายในรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 20,000.- บาทต่อปี
4. เงินชดเชยค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี เช่น อุปกรณ์ช่วยเหลือการเคลื่อนไหว เช่น ไม้เท้า, รถเข็น (Wheelchair), อุปกรณ์ช่วยเดิน (Walker) เครื่องช่วยฟัง (ตามแพทย์สั่ง)
5. ให้บริการขับรถ รับหรือส่ง รถยนต์เข้าอู่ซ่อม ในระยะทางไม่เกิน 35 กิโลเมตร รวมกันไม่เกิน 2 เที่ยวต่อปี (พื้นที่ กทม.)*
กรณีที่อยู่นอกเขตพื้นที่ให้บริการ จะได้รับเป็นจำนวนเงินชดเชย เที่ยวละ 500 บาท จำนวน 2 เที่ยวต่อปี
6. ให้บริการแจ้งนัดหมายเพื่อรับรถยนต์ซ่อมแล้วเสร็จล่วงหน้า 3 วัน ทาง SMS
การขับรถนั้นมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ การมีประกันไว้ย่อมอุ่นใจมากกว่าแน่นอน หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ประกันรถยนต์ “รุ่นใหญ่ ใจเก๋า” คลิกที่นี่ https://bit.ly/seniormotorthairathauto เพื่อดูรายละเอียด หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-624-1111 ต่อ 4774
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการสมัคร
“มอบโปรโมชันพิเศษ รับส่วนลด 10%* ”
*สิทธิ์ส่วนลดมีจำนวนจำกัดสำหรับ 1,000 คนแรกเท่านั้น