การออกแบบทั้งภายในและภายนอกที่เน้นรูปแบบอนุรักษ์นิยมมากจนเกินไป รวมถึงการทำตลาดที่ยากลำบากในยุคปัจจุบัน ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายของค่ายรถทั่วโลก กลายเป็นคมหอกคมดาบที่กลับมาทิ่มแทงบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่จากสวีเดนแห่งนี้ให้ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันต่อไป...
Saab 900i 1985
ปี ค.ศ. 1985 เมื่อบริษัท Saab เปิดตัวรถรุ่น 9000 ยอดขายที่เคยรุ่งเรืองกลับลดลงอย่างน่าตกใจ สาเหตุเกิดจากรูปทรงแนวอนุรักษ์นิยมซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มองว่าดีไซน์ของ Saab ดูน่าเบื่อและเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมที่ล้าสมัย ในช่วงเวลานั้น บริษัท Saab ยังคงส่งตัวรถรุ่นเล็กกว่าอย่างรุ่น 900 ออกทำตลาดทั่วโลกโดยมีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ และเครื่องยนต์หัวฉีดในรุ่น 900i รวมถึงรุ่น Turbo แบบ 8 และ 16 วาว์ล มีตัวถังหลากหลายขึ้นทั้งแบบ 3-4-5 ประตู รวมถึงแบบ 2 ประตูคูเป้ ชุดท่อระบายไอเสียมีเสียงที่เงียบขึ้น ใช้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ขนาดใหญ่ ระบบจุดระเบิดถูกปรับปรุงใหม่หมด ช่วยทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
...
Saab 900 Cabriolet Turbo 1990
ปี ค.ศ. 1988 Saab 900 Turbo พัฒนาระบบเทอร์โบระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่วนระบบเบรคพัฒนามาจากตัวรถรุ่น 9000 ใช้จานเบรคแบบมีร่องระบายความร้อนอยู่ตรงกลาง รวมถึงการผลิตรถเปิดประทุนรุ่น 900 Cabriolet โดยมียอดการผลิตอยู่ที่ 20 คันต่อวัน ค.ศ. 1989 Saab 900 ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ โดยใช้หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ และระบบกำจัดมลพิษของไอเสีย ยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ในการส่ังจ่ายเชื้อเพลิง รวมถึงยกเลิกสายการผลิตในรุ่น Turbo 8 วาล์ว รถ Saab รุ่น 900 ติดตั้งไฟเบรคดวงที่สามในตำแหน่งสูงซึ่งสามารถสังเกตได้ง่าย ช่วยทำให้ความปลอดภัยในการใช้งานเพิ่มขึ้น ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยป้องกันล้อล็อกในระหว่างการเบรคอย่างเต็มกำลังหรือ ABS +3 โดยมีตัวเลขการผลิตรถ 900 Cabriolet ถึง10,000 คัน ต่อมาในปี 1990 วิศวกรของ Saab ทำการคิดค้นระบบเทอร์โบอัดอากาศแบบเบาหรือ Light-Turbo ช่วยทำให้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานได้อย่างราบเรียบและมีความสม่ำเสมอของย่านแรงบิดแตกต่างจากรถยนต์เครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไป
Saab All Model In 2006
เข้าสู่ช่วงกลางยุค 1990 บริษัท Saab ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ทั้งจากดีไซน์ที่ดูโบราณและรถรุ่นใหม่ๆ ของค่ายรถคู่แข่งในยุโรปที่ประดังออกมาแข่งขันด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยกว่า จนค่ายรถยนต์ GM ยักษ์ใหญ่ของพวกอเมริกันเข้ามาควบรวมกิจการ นโยบายต่างๆ ที่ออกโดยผู้บริหารของ GM ในยุคนั้นกลับยิ่งทำให้บริษัทผลิตรถยนต์ของสวีเดนแห่งนี้ต้องพบกับความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ทางรอดที่ดูริบหรี่ยังคงพอมีเหลืออยู่บ้าง เนื่องจาก Saab เป็นผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพสูงในทุกยุคทุกสมัย การต่อต้านบริษัทยักษ์อย่าง GM เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในช่วงปี คศ 2003-2006 และแพร่กระจายไปทั่วในกลุ่มลูกค้าผู้ภัดดีต่อแบรนด์ Saab ทั้งจากอินเตอร์เนตและหน้าหนังสือรถยนต์ชั้นนำของยุโรป
...
Saab 4x4 Concept
การปล่อยปะละเลยที่เกิดขึ้น ยังส่งผลไปถึงการออกขายของรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่โดนระงับโครงการไปหลายรุ่น รวมถึงการยุติสายการผลิตในบางรุ่นอีกด้วย ช่วงเวลานั้น รถยนต์ SUV กำลังได้รับความนิยมสูงมากในกลุ่มคนทั่วโลก บริษัท Saab เองก็พยายามออกแบบรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อที่สมบุกสมบันออกมารุ่นหนึ่ง ถือได้ว่ามันก่อกำเนิดขึ้นก่อนหน้ารถ Crossover ยอดนิยมอย่าง BMW X3 หรือแม้แต่ VW Tiguan แต่แล้วโครงการนี้ก็ถูกพับเก็บเข้าลิ้นชักจากการตัดสินใจของผู้บริหารในเครือ GM แต่ยังคงส่งรถรุ่น 9-5 ลงทำตลาดเหมือนเดิม รวมถึงการย้านฐานการผลิตจาก Russelheim กลับไปถิ่นเก่าที่ Trollhtten พร้อมกันนั้นได้ทำการยกเลิกสายการผลิตรถเปิดประทุนรุ่น 9-3 Cabriolet ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศออสเตรีย ค่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งหมด บริษัท Saab ต้องควักกระเป๋าจ่ายไปแบบเต็มๆ ยิ่งทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทย่ำแย่ลงไปอีก
General Motors And Koenigsegg Group AB regarding the sale of Saab Automobile AB
หลังจากนั้นในช่วงเวลาต่อมาของปี ค.ศ. 2008 บริษัท GM หรือเจเนอรัล มอเตอร์ ตัดสินใจลงนามข้อตกลงขายธุรกิจรถยนต์ Saab ให้กับกลุ่มบริษัทหุ้นส่วนโดยการนำของ โคนิกเซกก์ ออโตโมทีฟ เอบี (Koenigsegg Automotive AB) บริษัทผลิตรถยนต์ซุปเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนที่เล็งเห็นถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในบริษัทแห่งนี้ที่มีต่อประเทศสวีเดน โดยบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ลงนามโดย Saab และ GM ระบุว่าการขายธุรกิจในครั้งนี้น่าจะได้รับเงินทุน 600 ล้านดอลลาร์ จากธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรปและรับประกันโดยรัฐบาลสวีเดน ส่วนเงินทุนเพิ่มเติมจะได้รับจาก GM และ Koenigsegg Automotive AB อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการซื้อขายกิจการในครั้งนี้ และคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2008 ทั้งนี้ บริษัท Saab ยื่นข้อเสนอขอปรับโครงสร้างบริษัทเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2008 หลังขาดทุนอย่างหนักจนบริษัทแม่อย่าง GM Motor ต้องพยายามขายทิ้ง โดยผู้ที่พยายามขอซื้อธุรกิจผลิตรถยนต์ของบริษัท Saab มีอยู่หลายราย อาทิ บริษัทไพรเวทอิควิตี เรนโค กรุ๊ป อิงค์ (Renco Group Inc.) และบริษัทเมอร์บังโค อิงค์ (Merbanco Inc.)
...
Saab Showroom In USA By GM
แผนการของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ หรือ GM ที่จะขายกิจการรถ Saab ต้องเป็นหมันอีกครั้ง หลังจากที่ฝ่ายผู้ซื้อ Koenigsegg Automotive AB ประกาศถอนตัวและอาจส่งผลให้ผู้ผลิตรถแบรนด์เก่าแก่ถึง 60 ปีแห่งสวีเดนรายนี้ ต้องเลิกฐานกิจการเนื่องจากมีหนี้สินค้างชำระอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ GM วางเป้าหมายที่จะขายกิจการ Saab ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2009 ให้แก่หุ้นส่วนที่มี Koenigsegg บริษัทผลิตรถซุปเปอร์คาร์ระดับสูงของสวีเดนเป็นแกนนำ โดยที่ เป่ยจิง ออโตโมทีฟ อินดัสเทรียล โฮลดิง (BAIC) ของจีนประกาศให้การสนับสนุน แต่ค่าย Koenigsegg ซึ่งถนัดผลิตรถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ระดับราคา 1 ล้านดอลลาร์ ในรูปแบบลิมิเต็ด อิดิชั่น ขอถอนตัวจากข้อตกลงที่จะเข้าซื้อกิจการของ Saab ดังกล่าว เนื่องจากมองเห็นความเสี่ยงจากการที่ข้อตกลงซื้อขายกิจการล่าช้าไปถึง 5 เดือน หลังจากที่ได้เจรจาในชั้นต้นกับ GM ส่วน BAIC ได้แถลงว่ารู้สึกผิดหวังที่ข้อตกลงต้องยุติลงกลางคัน แต่บริษัทกำลังทบทวนถึงทางเลือกอื่นๆ และยังคงมุ่งที่ก้าวขึ้นเป็นบริษัทระดับโลกให้มากขึ้น ฟริตซ์ เฮนเดอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GM ในห้วงเวลานั้นรู้สึกผิดหวังอย่างมาก โดยกลุ่มผู้บริหารของ GM ได้พิจารณาทางเลือกใหม่ให้กับ Saab
ทั้งนี้ แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีบอกว่า เนื่องจากการขายกิจการของบริษัท Saab ในครั้งนี้ไม่มีผู้ขอซื้อกิจการรายอื่นอีกจึงมีแนวโน้มว่า GM อาจต้องเริ่มต้นกระบวนการขายกิจการรถ Saab ใหม่ทั้งหมดหรือไม่ก็ปิดกิจการไปเลย!!
...
Victor Mueller CEO Spyker
ปี ค.ศ. 2010 กับข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของค่าย Saab ด้วยการเข้ามาซ้อนซื้อกิจการโรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทแห่งนี้ จากความสนใจและต้องการให้ Saab ดำรงอยู่ต่อไปบนเส้นทางของโลกยนตกรรมของบริษัทผลิตรถสปอร์ตระดับสูงขนาดเล็กนาม Spyker ด้วยความหาญกล้า CEO ของ Spyder Mr. Victor Mueller โดยใช้ความมุ่งมั่นมุมานะที่จะกอบกู้ให้บริษัท Saab กลับมายืนด้วยความมั่งคงแข็งแกร่งอีกครั้ง ชายผู้ซึ่งกุมชะตากรรมของค่ายรถสปอร์ตขนาดเล็ก Spyker ได้ให้ความเห็นในปี 2010 ตอนที่เข้ามาเสนอตัวมอบเงินทุนในการใช้จ่ายให้กับ Saab ว่า บริษัทแห่งนี้ยังคงพอมีโอกาสและหนทางที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต ความมั่นใจดังกล่าวเกิดจากการที่ Victor Mueller มีอาชีพเดิมเป็นนักการเงินการธนาคารกับทนายความฝีมือเยี่ยมของยุโรป รวมถึงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเข้ามาปฏิรูปองค์กรแห่งนี้ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง Mueller มีแนวคิดในการใช้ธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กที่ไม่มุ่งเน้นไปที่องค์กรขนาดใหญ่ซึ่งบริหารได้ยากกว่า และใช้การปรับตัวเองเลียนแบบบริษัท Porsche ที่แต่ก่อนเคยผลิตรถยนต์เป็นจำนวนมากจนมาถึงปัจจุบันที่ Porsche ได้ปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของตัวเองจนสามารถขายรถยนต์ในจำนวนน้อยแต่ได้กำไรมาก จากการคิดค้นพัฒนาและลงมือสร้างแต่รถยนต์คุณภาพสูงในจำนวนไม่มากนัก ยอดขายที่ตกต่ำลงกว่า 60% ของบริษัท Saab อาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ภารกิจใหม่ของผู้บริหารใหม่คือการดึงจุดคุ้มทุนของค่าย Saab ให้ต่ำลงมากที่สุด การแชร์อะไหล่หรือชิ้นส่วนในรถยนต์ Saab กับค่ายรถอื่นๆจะช่วยให้บริษัทแห่งนี้อยู่รอดปลอดภัยได้ต่อไปในอนาคต
Hawtai And Spyker
ช่วงเวลาต่อมาในปี ค.ศ. 2011 นี้ หลังเจอมรสุมลูกใหญ่เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงินจนทำให้บรรดาซัพพลายเออร์ต่างตัดสินใจยุติการส่งชิ้นส่วนและทำให้โรงงานของ Saab ต้องระงับการทำงานมาร่วมเดือนแล้ว แต่ขณะนี้ผู้ผลิตจากสวีเดนเริ่มมีความหวังอีกครั้งเมื่อมีการเปิดเผยว่าทางบริษัทได้เจรจากับซัพพลายเออร์บางรายและตกลงกันได้บ้างแล้ว การที่ซัพพลายเออร์เริ่มรับข้อเสนอของ Saab-Spyker นั้น เป็นเพราะการเข้ามาช่วยเหลือด้านเงินทุนของทางที่ Saab ได้เข้าไปเจรจาหลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการขายหุ้นให้กับบริษัทผลิตยานยนต์ชั้นนำ Hawtai จากประเทศจีน โดยทาง Pangda บริษัทร่วมทุนของ Hawtai จะให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุนชั่วคราวเพื่อให้ระบบการผลิตของ Saab ที่หยุดชะงักมานานได้กลับมาเริ่มทำงานอีกครั้ง Mr. Gunnar Brunius ผู้จัดการด้านการจัดซื้อและผู้อำนวยการฝ่ายการผลิตกล่าวว่า ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา Saab ได้เจราจากับซัพพลายเออร์จำนวน 800 ราย และมีโอกาสได้ทำข้อตกลงกับบางรายแล้ว ซึ่งก็รวมถึงซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกอย่าง Plastal โดยเชื่อว่าสำหรับรายที่ยังไม่ได้ข้อสรุปคาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานนักในการยุติปัญหาเพื่อให้ไลน์ผลิตของค่าย Saab กลับมาดำเนินงานได้เหมือนเดิม
ภายใต้สัญญาที่ Saab ทำกับทาง Pangda นั้นบริษัท Hawtai จากประเทศจีนจะให้เงินจำนวน 30 ล้านยูโร หรือ 1,320 ล้านบาท เพื่อทำให้ไลน์ผลิตของ Saab กลับมาทำงาน โดยทางบริษัท Saab จะส่งรถยนต์ให้กับทาง Pangda เพื่อขายในตลาดจีน และทาง Pangda ก็จะเพิ่มเงินทุนอีก 65 ล้านยูโรหรือ 2,860 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นจำนวน 24% จากทางค่าย Spyker
Saab 9-1 Model 2011
Saab 9-3 Model 2011
Saab 9-3 Concept 2011
Saab 9-5 Wagon 2011
Saab 9-5 Interior 2011
และนี่คือเส้นทางอันระหกระเหินจากมรสุมลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำบริษัท Saab ตั้งแต่การออกแบบทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการทำตลาดที่ยากลำบากในยุคปัจจุบัน ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายของค่ายรถทั่วโลก กลายเป็นคมหอกคมดาบที่กลับมาทิ่มแทงบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่จากสวีเดนแห่งนี้ เรื่องราวอันแสนวุ่นวายของบริษัท Saab ยังคงไม่จบสิ้นลงง่ายๆ อย่างแน่นอน และคงต้องติดตามกันต่อไป พร้อมกับการเอาใจช่วยในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีสินค้าคุณภาพ แต่ขาดการเหลียวแลเพราะดีไซน์และรูปแบบที่กำลังทำลายตัวเองอยู่ทุกวัน.
Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom