รุ่งอรุณอันแสนขมขื่นของบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่ของพวกสวีดิช หลังจากระหกระเหินเปลี่ยนแปลงจากการครอบครองของค่าย GM ในยุค 1990 มาเป็นค่ายรถสปอร์ตขนาดเล็ก Spyker ในปัจจุบัน สถานภาพภายในบริษัทก็ยังคงไม่มีความแน่นอน...

Saab บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยานของประเทศสวีเดน คือผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาในยุค 1950 อาจกล่าวได้ว่าบริษัทยานยนต์ของสวีเดนแห่งนี้คือผู้บุกเบิกเทคโนโลยีให้กับ โลกยนตกรรม ประวัติความเป็นมาของ Saab เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบความปลอดภัยในรถยนต์ที่ไม่เป็นรองค่ายใดในอดีต ด้วยการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นจนกระทั่งกลายมาเป็น Saab ในทุกวันนี้ แนวทางการออกแบบในความเป็นรถ Saab ที่มุ่งเน้นไปยังคนขับเพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด คุณลักษณะพิเศษด้านความปลอดภัยในการใช้งานที่ได้รับการสร้างสรรค์เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ Saab ยังเป็นค่ายรถเจ้าแรกที่ริเริ่มแนวคิดในการติดตั้งระบบแอร์แบบ Freon-Free Air-Conditioning มาใช้กับรถยนต์ในค่ายของตน คิดค้นระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบที่สามารถทำงานกับเครื่องยนต์ในทุกสภาวะ เป็นผู้ริเริ่มนำเอาใบปัดน้ำฝนทำความสะอาดโคมไฟหน้ามาใส่ในรถ นำเอาระบบอุ่นเบาะหรือฮีตเตอร์มาไว้ในเบาะโดยสารเป็นเจ้าแรก ออกแบบกุญแจสตาร์ทให้อยู่ในบริเวณซุ้มเกียร์ระหว่างเบาะคู่หน้าและออกแบบให้เจ้าของรถสามารถเปลี่ยนหลอดไฟหน้าด้วยตัวเองมานานกว่า 30 ปีแล้ว เอกลักษณ์ของรถ Saab คือการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า (Front Wheel Drive)ซึ่งเกิดจากการพัฒนาโดยช่างเทคนิคและนักขับฝีมือเยี่ยมของ Saab ในสนามแข่งขันแรลลี่โลกในยุค 60'

...


Junkers JU86K 1939


Saab S/B17 1940


Saab J/A21 1942

ในปี 1936 รัฐบาลสวีเดนจัดให้มีการส่งเสริมกองกำลังป้องกันชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวป้องกันภัยทางอากาศและจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแห่งชาติที่ทันสมัยมากขึ้นและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตัดสินใจในครั้งนั้นกลายมาเป็นต้นกำเนิดของบริษัท Svenska Aeroplan AB หรือเรียกย่อๆว่า Saab ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1937 ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นโครงการให้รุดหน้าก็คือกลุ่มนักการเงินการธนาคารของสวีเดน โดยทำการแต่งตั้ง Axel Wenner-Gren เป็นประธานบริหารด้วยทุนจดทะเบียน 4 ล้านโครเนอร์ สถานที่ก่อสร้างโรงงานผลิตอากาศยานของบริษัท Saab คือทุ่งนาทางตอนเหนือของเมือง Trollhattan โรงงานแห่งนี้ทำการสร้างเครื่องบินทหาร เช่น Junkers JU86K แผนแบบขึ้นโดยวิศวกรของ Saab โดยใช้ชื่อเครื่องบินลำแรกที่ผลิตว่า S/B17 ทำการขึ้นบินเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1940 หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1942 เครื่องต้นแบบลำที่สองของ Saab ก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า B/S/T18 และอีกหนึ่งปีต่อจากนั้น เครื่องบิน Saab อีกลำก็ถูกสร้างขึ้นตามออกมาโดยใช้ชื่อว่า J/A21


Saab 92 Concept 1946

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง Saab เริ่มมีความคิดที่จะผลิตรถยนต์ออกจำหน่าย แต่ปรากฏว่าภายในบริษัทไม่มีผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถยนต์เลยแม้แต่คนเดียว ในช่วงเวลานั้น พนักงานส่วนใหญ่เป็นวิศวกรการบินและช่างเครื่องซ่อมอากาศยานที่เชี่ยวชาญมากในยุโรป บรรดาวิศวกรต่างลงความเห็นว่า จะทำการสร้างรถยนต์ควบคู่ไปกับการผลิตอากาศยานให้กับกองทัพ หนึ่งในทีมงานสร้างรถยนต์ในครั้งนั้นคือ Gunner Ljungstrom วิศวกรและช่างเทคนิคตัวถังที่มีชื่อเสียงและมีพื้นฐานความรู้ด้าน Solid Technical รถยนต์คันแรกที่ออกจากสายการผลิตใช้ชื่อว่า Saab 92 โดยทำการดัดแปลงแก้ใขระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าให้เข้าสู่รูปลักษณ์แห่งความเป็นจริง โดยเชื่อว่ารถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าในอนาคตจะเป็นสูตรสำเร็จทางเทคนิคในโลกยนตกรรมที่ดีที่สุด Gunner Ljungstrom ได้นำเสนอแนวความคิดออกไปสู่สาธารณชนทั่วไป เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบดังกล่าว ต่อมาเขาได้รวบรวมจัดตั้งสมาชิกสมาคมวิศวกรรมยานยนต์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแพร่หลายความรู้เกี่ยวกับกลไกของระบบขับเคลื่อนล้อหน้า

...


Saab 92 1947

สงครามโลกครั้งที่สองที่เพิ่งยุติลงก่อให้เกิดการขาดแคลนอะไหล่รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิต แต่ไม่สร้างปัญหาให้กับ Saab เท่าใดนัก รถยนต์ Saab คันแรกสุดเผยโฉมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1947 ในรูปลักษณ์ของรถต้นแบบ ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบสองจังหวะ ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ใช้แนวคิดเบา เล็กกะทัดรัด และไม่มีส่วนประกอบที่สลับซับซ้อนพวกเพลาข้อเหวี่ยง วาล์วหรือกรองน้ำมันเครื่อง ตัวถังมีความแข็งแกร่งมากจากเหล็กชั้นเยี่ยมที่ขึ้นชื่อของสวีเดน รวมถึงรูปลักษณ์ที่บ่งบอกให้ทราบถึงความแตกต่างจากค่ายรถอื่นๆ วิศวกรรมอากาศยานถูกนำมาปรับใช้ในการสร้างรถยนต์ โดยนำเอากองเหล็กมาตกแต่งใหม่และประกอบขึ้นเป็นรถต้นแบบคันแรก โดยใช้การประกอบด้วยมือทั้งหมดทุกขั้นตอน พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับอากาศยานและอากาศพลศาสตร์ ซึ่งเป็นแนวคิดของรถต้นแบบ Saab 92 ค่าสัมประสิทธิแรงต้านทานของอากาศที่ต่ำกว่ารถทั่วไปในยุคนั้น (1947) ตัวถังของ Saab คันแรกไม่เพียงแต่แข็งแรง ยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับการโดยสาร ล้อขอบ 15 ถูกนำมาใช้เนื่องจากถนนหนทางของประเทศสวีเดนในยุคนั้นไม่ค่อยจะดีนัก

...


Saab 93 1955

วันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1954 รถ Saab คันที่ 10,000 วิ่งออกจากโรงงานไปยังโชว์รูม เครื่องยนต์ของ Saab 92 ยังคงใช้เครื่องขนาดเล็กแบบ 2 กระบอกสูบ 2 จังหวะ แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 28 แรงม้า ความสามารถในโรงงานผลิตรถยนต์ของ Saab โดยผลิตรถ 1 คันในทุกๆ 30 นาที ความแออัดที่โรงงานเดิมทำให้ต้องมีการขยายโรงงานประกอบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแห่งใหม่ที่เมือง Goteborg หลังจากนั้นรุ่น 93 ถูกเปิดตัวในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1955 รูปทรงคล้ายกับรถรุ่นแรก แต่เปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้แบบ 3 กระบอกสูบ 2 จังหวะ มีม้าให้ใช้งาน 33 ตัว ปริมาตรความจุต่อกระบอกสูบที่ 748 ซีซี. ระบบกันสะเทือนใช้คอยล์สปริงแทนทอร์ชั่นบาร์ เพิ่มเติมกลไกการบังคับเลี้ยวใหม่หมด ขยายฐานล้อให้กว้างมากขึ้น นักออกแบบรถยนต์ Sixten Sason ทำการดีไซน์กระจกหน้า แก้มข้างบังโคลนและกันชนใหม่หมด รถ Saab 93 เหมาะสมมากที่จะใช้ส่งลงทำการแข่งขันแรลลี่ รถรุ่นนี้ได้สร้างชื่อเสียงไว้ในรายการ Great American Mountain Rally ปี 1956

...


Saab Sonett Sport Concept 1956

ค.ศ. 1956 บริษัท Saab ผลิตรถสปอร์ตรุ่น Sonett โดยต้องการใช้รถรุ่นนี้เป็นรถต้นแบบสำหรับการสร้างรถสปอร์ตออกขาย และใช้เป็นแม่แบบให้กับรถแข่งรุ่นอื่นๆ ในค่ายที่ต้องการชัยชนะในการแข่งขัน ระหว่างประเทศ เนื่องจากในขณะนั้นสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติหรือ FIA ไม่อนุญาตให้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ในรถสแตนดาร์ดที่ส่งลงทำการแข่งขัน รถแข่ง Saab Sonett คือนวัตกรรมที่ก้าวหน้าในการผลิตรถยนต์ของยุคนั้นอย่างแท้จริง ตัวถังของมันทำมาจากพลาสติกเสริมด้วยไฟเบอร์กลาส ใช้เครื่องยนต์ของรถรุ่น 93 แบบ 2 จังหวะ แต่แรงม้าถูกอัพขึ้นเป็น 57 แรงม้า บนน้ำหนักตัว 600 กิโลกรัม สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ปี 1956) หลังจากนั้นโครงการสร้าง Sonett Sport Coupe ถูกระงับทั้งหมด เนื่องจาก FIA อนุญาตให้มีการปรับแต่งรถยนต์แบบ Standard Car เพื่อใช้ทำการแข่งขันแรลลี่ รวมถึงรายการแข่งรถในประเภทอื่นๆ ตัวรถต้นแบบทั้ง 6 คันมีเพียงแค่ 2 คันเท่านั้นที่ยังคงถูกตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ยานยนต์สวีเดนจวบจนทุกวันนี้


Saab 95-1959

หลังจากผ่านไป 10 ปีแรกในฐานะที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่งในยุโรป ทำให้ผู้บริหารเกิดความคิดที่จะขยายขอบเขตของรูปแบบต่างๆ รวมถึงการออกแบบรถยนต์สเตชั่นแวกอนในปี 1959 โดยเปิดผ้าคลุมเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม รถ Saab 95-1959 มีความพิเศษหลายอย่าง มันใช้กรรมวิธีในการประกอบแบบใหม่ เครื่องยนต์ตัวใหม่พร้อมระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์ 4 จังหวะ เทคนิคอันทันสมัยถูกนำมาใช้บนตัวรถคันนี้ เครื่องยนต์ยังคงเป็นแบบ 2 จังหวะ 3 กระบอกสูบ 38 แรงม้า และมีประตูทรงประหลาดที่เปิดออกได้แบบไม่เหมือนใคร แผงหน้าปัดคล้ายกับรุ่น 93 พื้นที่ว่างสำหรับเก็บสัมภาระดีไซน์ด้วยการพับเบาะ โดยมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ 500 กิโลกรัม


Saab 96 1960

รถรุ่นนี้ถูกเปิดตัวออกสู่สายตาของคนทั่วโลกในกรุง Stockholm ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1960 โดยทำการปรับโฉมด้านหน้าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ดูคลาสสิกมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์แบบใหม่ถูกนำมาวางลงไปในรถคันนี้ รวมถึงทุกอย่างทั้งภายในและภายนอกที่ใหม่หมดจด เบาะตอนหลังกว้างขึ้นกว่าเดิม กระจกหลังใหญ่ขึ้น ลำตัวกว้างขึ้นพร้อมรูระบายหรือช่องที่เสาหลัง ไฟท้ายแบบใหม่ แผงหน้าปัดใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่ Saab มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปทรงของรถให้ดีขึ้น แต่ยังคงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ภายในค่ายของตัวเองให้มีความเชื่อมโยงกับรูปทรงของอากาศยานอยู่เสมอ อีก 20 ปีต่อมาในยุค 1980 รถยนต์ยี่ห้อ Saab ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปทีละน้อย การปรับปรุงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในช่วงปี 1965-1967 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยต้องการให้รถในยุคใหม่ของ Saab มีพื้นที่มากพอในการติดตั้งระบบระบายอากาศและความร้อน รวมถึงมีการติดตั้งระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร ช่วงรอยต่อระหว่างปี 1967-1970 บริษัท Saab นำเอาเครื่องยนต์แบบ 4 กระบอกสูบ 4 จังหวะ 1,498 ซีซี ที่พัฒนาขึ้นเองทั้งหมดโดยวิศวกรภายในค่าย มีเรี่ยวแรง 64 แรงม้า มาติดตั้งในรถยนต์ Saab รุ่นปี 1967


Saab 99 1967

ค.ศ. 1964 ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ของบริษัทผลิตรถยนต์จากสวีเดนที่มียอดการจำหน่ายสูงถึง 45,000 คันต่อปี รัฐบาลสวีเดนในยุคนั้นยอมรับความสามารถในฐานะที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่มีคุณภาพ ภาพลักษณ์ต่างๆ ที่สร้างสมมาเป็นเหมือนจุดชี้นำทิศทางของบริษัทแห่งนี้ ในการที่จะก้าวต่อไปสู่แผนงานระยะยาวในอนาคต ยอดการขายปีต่อมาสูงถึง 48,000 คัน ตามด้วยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุด Saab 99-1967 ซึ่งถูกเปิดผ้าคลุมเมื่อวันที่ 22 พฤจิกายน ค.ศ. 1967 โดยปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้เครื่อง 4 กระบอกสูบ 1.7 ลิตร 80 แรงม้า ในยุคนั้นถือได้ว่ามันคือสุดยอดทางเทคโนโลยีรถยนต์ซีดานแบบครอบครัว Saab ใช้ดิสเบรคทั้ง 4 ล้อ เครื่องยนต์แบบ Cross-Flow มีเพลาข้อเหวี่ยงอยู่ด้านบน (Overhead Camshaft) เป็นรถ Saab อีกรุ่นในสายการผลิตที่ใช้ระยะเวลาในการทดสอบยาวนานตลอดทั้งปีก่อนออกจำหน่าย ทั้งการทดสอบในห้องปฏิบัติการ รวมถึงการทดสอบภาคสนามในสภาพเส้นทางหฤโหดของฤดูหนาวในประเทศสวีเดน รวมถึงการวิ่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ของทวีปยุโรปเพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมความคิดเห็นกับคำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อ Saab


Saab 99 1972

ปี ค.ศ. 1971 วิศวกรของบริษัทได้ทำการศึกษารายละเอียดของรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเป็นแนวทางในการนำเสนอรถ Saab ต่อลูกค้า ทำการแนะนำอุปกรณ์พิเศษเป็นที่ปัดน้ำฝนบนไฟหน้าแบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต่อมาได้กลายมาเป็นมาตรฐานอย่างหนึ่งในการผลิตยานยนต์ของพวกสวีดิช นวัตกรรมใบปัดน้ำฝนที่ไฟหน้าทำให้ Saab ได้รับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมยานยนต์ของสวีเดน สำหรับการสนับสนุนรถยนต์ที่มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม อุปกรณ์ในระบบกันสะเทือน เช่น โช๊คอัพ มีคุณภาพสูงขึ้น ตัวกันชนที่สามารถซ่อมได้เองเป็นครั้งแรกด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ทำจากโฟม แบบยืดหยุ่น สามารถรองรับอุบัติเหตุจากการชนที่ความเร็วต่ำได้ดี ตามมาด้วยการติดตั้งระบบทำความร้อนให้กับเบาะ ระบบนี้ต่อมาได้รับความนิยมและแพร่หลายไปทั่วเนื่องจากทวีปยุโรปมีอากาศหนาว เย็นกินเวลายาวนานมาก รถรุ่นต่อมาในปี 1972 คือรุ่น 99 โดยถูกสร้างขึ้นให้ใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัดเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์แบบใหม่สร้างขึ้นที่โรงงานในเมือง Sodertalje ใกล้กับ Stockholm ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ประหยัดและลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ดีกว่ารถยี่ห้ออื่นๆ ในยุคนั้น


Saab 90 1985

ฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1976 Saab แก้ปัญหาวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ โดยการลดการใช้เชื้ิอเพลิงด้วยการนำเอาไอเสียจากเครื่องยนต์ไปหมุนกังหันที่ ติดอยู่ตรงโรเตอร์ ใช้แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง กำลังของโรเตอร์จะให้แรงลมมหาศาลในการอัดอากาศเข้าสู่ท่อร่วมไอดี ช่วยทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สร้างแรงบิดได้มากกว่าเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ แนวความคิดในการใช้เทอร์โบกับเครื่องยนต์ขนาด 4 กระบอกสูบที่สามารถเค้นกำลังได้เท่ากับเครื่องยนต์ 6-8 กระบอกสูบยังเป็นของใหม่ในรถยนต์ยุคนั้น โดยถูกนำมาวางในรถรุ่น 99 โมเดล 1976 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1985 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงชื่อโมเดลมาเป็นรุ่น 90 รูปทรงของตัวถังในรุ่นนี้ต่อมาได้กลายมาเป็นแนวทางการออกแบบของรถ Saab รุ่น 900 ซีดานปี 1987 ถือเป็นการเริ่มต้นของหน้าประวัติศาสตร์รถ Saab ในยุคใหม่อย่างแท้จริง

ติดตามอ่าน SAAB รถดีที่ไม่มีใครเหลียวแล ได้ในตอนต่อไป.

Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom