รถใหม่ 8 คัน 6 ยี่ห้อจากทวีปยุโรป มีทั้งรถ Concept-Car ต้นแบบแนวคิดและรถที่ผลิตออกขายจริง เผยโฉมแล้วในงานโชว์ยานยนต์ระดับโลก ที่เจนีวามอเตอร์โชว์ เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา...
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์ในแดนปลาดิบต้องชะงักงันไปบ้าง จากสาเหตุของแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะญี่ปุ่น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ความล่าช้าของการพื้นฟูกำลังส่งผลกระทบไปยังบริษัทผลิตชิ้นส่วนประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือแม้กระทั่งสีที่จะใช้พ่นในขั้นตอนสุดท้ายบนโรงงานประกอบ และส่งผลต่อเนื่องไปถึงการชะลอตัวของสายการผลิตจากปัญหาขาดแคลนอะไหล่หรือชิ้นส่วนจากบริษัทเหล่านั้น กว่าทุกอย่างจะกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติคงต้องรอไปถึงช่วงปลายปีนี้
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับผลกระทบก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางของโลกแห่งยนตกรรมที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง และนี่คือรถใหม่จากทวีปยุโรปซึ่งเผยโฉมไปแล้วในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ มีทั้งรถต้นแบบแนวคิดกับรถที่ผลิตออกขายจริงหลายหลายรูปแบบทั้ง Crossover/ Super Car / Sedan สมรรถนะสูงและ Sport Coupe จากญี่ปุ่นที่จะออกวางขายภายในต้นปีหน้านี้
...
Renault Captur Concept 2013
นี่คือรถ Concept Car รุ่นพิเศษจากค่ายรถเมืองน้ำหอม Renault ที่ใช้โครงร่างของ Nissan Juke -Crossover รุ่นเล็ก 4 ที่นั่งบนเรือนร่างที่ล้ำสมัยสุดๆ จากการออกแบบของ Laurens Van Den Acker ดีไซน์เนอร์หัวก้าวหน้าผู้ที่ย้ายมาจาก Mazda เมื่อ 2 ปีก่อน หลังคาแบบยกออกได้ทำให้ตัวรถ Captur มีส่วนผสมของ Coupe และ Cabrio ส่วนประตูบานข้างทั้งสองก็ยังถูกออกแบบให้เปิดออกได้ในรูปแบบปีกนก เจ้า Renault Captur Concept จะถูกผลิตออกขายในยุโรปประมาณปี ค.ศ. 2013 แต่ล้อขนาด 20 นิ้วในคันต้นแบบคงต้องถูกปรับเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลง เครื่องยนต์ของ Captur Concept เป็นเครื่องดีเซล 4 กระบอกสูบปริมาตรความจุ 1.6 ลิตร ให้กำลัง 160 แรงม้า พร้อมแรงบิด 280 ปอนด์ฟุต ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ทวินคลัตช์ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 8.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 130 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้มันจะดูเหมือน SUV ตัวลุย แต่เจ้า Renault Captur Concept ใช้ระบบขับเคลื่อนส่วนใหญ่แค่ 2 ล้อหน้า โดยมีชุดถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อหลังหากสูญเสียกำลังในการตะกุยตัวเองขึ้นจากหล่มโคลน
กล้อง Visio System ติดตั้งบนกระจกหน้า ผสมผสานภาพจริงเข้ากับฟังก์ชั่นการใช้งาน ช่วยผู้ขับให้ใช้งานในระบบนำทางได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น Mr. Laurens Van Den Acker แจ้งว่า มันถูกออกแบบมาเพื่อคู่รักที่ชอบใช้รถยนต์เพื่อการฮันนีมูนอย่างแท้จริง
...
Infiniti Etherea
ขั้นตอนสุดท้ายของการปรัปรูปโฉมรถ Infiniti Etherea ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว นี่คือรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูขนาดเล็กของค่าย Nissan ในอเมริกา ตัวถังที่มีความสูงมากกว่าปกติทำให้มันคล้าย Crossover ขนาดกะทัดรัดที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เส้นสายต่างๆ บนตัวรถถูกถอดแบบมาจากรถต้นแบบ Essence เสาหลังหรือเสา C รูปทรงประหลาดกับไฟท้ายทรงรีแหลม เพิ่มมุมมองที่แปลกแยกและแตกต่างอย่างชัดเจน ประตูด้านข้างทั้งสี่บานเปิดออกแบบตู้กับข้าว (คล้ายกับรถ Mazda RX8) หัวหน้าแผนกออกแบบของ Nissan ในสหรัฐแจ้งว่า หลังจากสิ้นสุดการประเมินรูปลักษณ์ของเจ้า Infiniti Etherea ที่มีต่อกลุ่มลูกค้าของ Infiniti แล้วมันจะถูกผลิตขึ้นภายในปี 2013 นี้ โดยวางเครื่องยนต์แบบ 4 กระบอกสูบ 2.5 ลิตรไว้ที่ด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าแต่จะมีชุดเฉลี่ยแรงบิดไปยังล้อหลัง หากสูญเสียแรงยึดเกาะ เครื่องยนต์ 4 สูบจะมีระบบอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จไฮบริด ให้กำลัง 245 แรงม้าในการต่อกรกับ Lexus ในตระกูล RX บนแผ่นดินอเมริกา
...
Toyota FT86 II
รถ FT86 II คือต้นแบบรุ่นที่ 3 ของสปอร์ตคาร์ขนาดกะทัดรัดจากค่ายสามห่วง ที่ร่วมมือกับ Subaru ในการรังสรรค์รถคูเป้ เครื่องยนต์สูบนอนวางหน้าขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง!! รถ Toyota FT86 II เป็น Concept Car เวอร์ชั่นที่ 3 ก่อนจะผลิตออกขายในช่วงต้นปี 2012 นี้ โดยเริ่มจากทวีปยุโรปก่อน หลังจากนั้นมันจะทำตลาดไปทั่วโลกบนโครงร่างที่งดงาม ตัวรถต้นแบบรุ่นที่ 3 นี้ ทางวิศวกรของ Toyota แจ้งว่ามันมีความใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ของรถ FTR86 ที่จะลงมือผลิตออกขายมากที่สุดแล้ว รายละเอียดเช่น โคมไฟหน้า ชุดแอร์โรพาร์ตกับล้ออัลลอย นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสุดท้าย ฝากระโปรงด้านหน้าที่ลาดเทเกิดจากการวางเครื่องยนต์สูบนอนแบบหายใจเองที่ต่ำมากๆ ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดอัตราทดชิด โดยจะเริ่มวางขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2012 นี้อย่างแน่นอน
...
Ferrari FF 4x4
สปอร์ตคาร์แฮทช์แบ็ค 3 ประตูที่เร่าร้อนของค่ายม้าลำพองคันนี้ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มรูปแบบ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัท Ferrari ลงมือพัฒนาและวิจัยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อนำมาใส่ยังตัวรถ Ferrari FF พร้อมกับการเริ่มต้นโฉมหน้าใหม่ในระบบของเคลื่อนของ Ferrari ภายในห้องโดยสารของมันมีการผสมผสานระหว่างภายในที่งดงามของรุ่น 458 และ 599 เช่น พวงมาลัยทรงฐานตัด มาตรวััดและปุ่มมาเนตติโน ปรับเปลี่ยนโหมดของการบังคับควบคุม ฐานล้อถูกยืดออกไปอีก 40 มิลลิเมตรเพื่อให้มันกว้างมากกว่ารุ่น 612 กับน้ำหนักตัวที่ 1,840 กิโลกรัม เครื่องยนต์ V12 ปริมาตรความจุ 6,262 ซีซี 651 แรงม้า วางตามยาวด้านหน้า-ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 3.7 วินาทีและมีความเร็วสูงสุดที่ปลายคันเร่งประมาณ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง นับว่าเป็นรถ Ferrari แบบ 4 ที่นั่งคันแรกที่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนั้น ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อใช้เพลาตัวที่สองต่อเชื่อมจากเกียร์ไปยังเพลาขับหน้า ส่งถ่ายแรงบิดไปที่ล้อหน้า 47.0% ส่วนล้อหลังจะได้แรงบิดมากกว่าที่ 53% บนการบังคับควบคุมที่สุดยอดตามรูปแบบของรถแรงจากมาราเนโล
BMW Alpina B5 Touring
ในขณะที่บริษัท BMW กำลังตัดสินใจว่าจะผลิตรถ M5 ในรูปแบบของรถ Touring Model ดีหรือไม่ สำนักแต่งรถคู่บารมีอย่าง Alpina จึงชิงลงมือก่อนด้วยการเปิดตัวรถสปอร์ตแวนกอน สมถรรนะสูง BMW Alpina B5 Touring โดยใช้รูปโฉมของโมเดล Series 5 รหัส F11มาทำการดัดแปลงตกแต่งด้วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น ล้อ เครื่องยนต์ ชิ้นงานแอร์โรพาร์ต เบาะ แผงประตู กาบบันได วงพวงมาลัย มาตรวัดหน้าปัด พรมปูพื้น ท่อระบายไอเสียฯ รถ BMW Alpina B5 Touring ถูกเปิดผ้าคลุมในงานแสดงรถยนต์เจนีวามอเตอร์โชว์ไปเมื่อช่วง 2 เดือนก่อน วิศวกรของ Alpina วางเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 500 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรใน 4.8 วินาที (แรงพอๆ กับ M3 E92 แต่ตัวใหญ่ ยาวและหนักกว่า) ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! บนตัวเลขราคาในประเทศอังกฤษที่ 75,850 ปอนด์
BMW M5 Concept 2012
กลุ่มลูกค้าระดับสูงของค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาวที่ชื่นชอบในความแรงบวกสมรรถนะ เตรียมพบกับจักรกลพลังสูง BMW M5 ที่จะออกขายในช่วงต้นปี 2012 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรถรุ่น M5 จากที่เคยใช้ทั้งเครื่องแถวเรียง 6 กระบอกสูบในโมเดล M5 E34 มาขยายความจุเพื่อเพิ่มแรงม้าในโมเดล M5 E 39 ด้วยเครื่อง V8 หายใจเองที่มีม้า 400 ตัว และเครื่อง V10 500 แรงม้าในโมเดล M5 E60 กาลเวลาก่อกำเนิดความเปลี่ยนแปลงในหัวใจที่ให้พลังงานของรถ M5 รุ่นล่าสุดที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงถึง 555 แรงม้าที่ 5,750-6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดในระดับอภิมหาบ้าพลังที่ 680 นิวตันเมตร บนรอบเครื่องประมาณ 1,500-5,650 รอบต่อนาที สมรรถนะส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์ คลัตช์คู่ 7 สปีดพร้อมสมองกลไฟฟ้าที่พัฒนามาล่าสุดให้เปลี่ยนเกียร์ได้ไวมากขึ้น (มันมีเกียร์ที่ไวกว่ารถ M ทุกๆ รุ่นที่ BMW เคยผลิตมา) แก้มข้างมีช่องระบายอากาศมาให้เหมือนเดิม สปอยเลอร์หน้าที่โหดมากขึ้น กับล้ออัลลอยลาย 10 ก้านคู่ ผลิตด้วยกรรมวิธี Force เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้วทั้ง 4 ล้อ ห่อรัดด้วยยางซิ่งสมรรถนะสูงไซล์ 265/35/Zr20 ระบบรองรับ M-Suspension ถูกปรับให้เหนือกว่ารุ่นปกติเนื่องจากขนาดของย่านกำลังที่มากกว่ารุ่นปกติถึง 4 เท่าตัว เฟืองท้ายแบบ Active M Differential ปรับแก้ให้สมดุลมากยิ่งขึ้นกว่ารถ X5M และ X6M
Jaguar XKR-S
ความแรงที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากการอัพเกรดรถ XKR รุ่นปกติด้วยการเติมตัวอักษร S ต่อท้าย นี่คือสปอร์ตคาร์ของพวกอังกฤษที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของค่ายรถ TATA จากอินเดีย เจ้าของใหม่ของบริษัท Jaguar ที่ให้เงินสนับสนุนการพัฒนาตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดโดยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือก้าวก่ายดีไซน์บนตัวรถแม้แต่นิดเดียว รถ Jaguar XKR-S ใช้เครื่องยนต์ AJ-V8 แรงขึ้นจากรุ่น XKR ที่มีม้า 503 ตัวและรุ่น XKR-75 ที่มีม้า 523 ตัวมาเป็น 542 แรงม้าในรุ่น XKR-S กับการผลิตในรูปแบบของสะสมในจำนวนไม่มากนัก แรงบิด 504 ปอนด์ฟุต สร้างอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรใน 4.4 วินาที บนความเร็วปลายคันเร่งที่ 186 ไมล์ต่อชั่วโมง ฝากระโปรงหน้าเซาะช่องดักอากาศ พร้อมวิงหลังคาร์บอนไฟเบอร์กับครีบรีดอากาศบนงานแต่งตัวถัง ช่วยกดบั้นท้ายยามใช้ความเร็วในการพุ่งทะยานแหวกอากาศ นับเป็นรถ Jaguar อีกรุ่นที่สุดขั้วเอามากๆ บนตัวเลขราคาที่ 97,000 ปอนด์
Toyota Verso-S
รูปแบบของความอเนกประสงค์บนโครงรถแบบ 5 ประตูขนาดกะทัดรัดจากค่าย Toyota ในทวีปยุโรปกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รถ Toyota Verso-S ใช้ความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่เป็นจุดขาย ห้องโดยสารถูกขยายให้มีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างพอเพียงสำหรับการเดินทางไกล เบาะถูกแบ่งออกเป็นสองแถวโดยเหลือพื้นที่ด้านหลังไว้ให้ขนสัมภาระ เครื่องยนต์ขนาดเล็กเน้นความประหยัดและมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ต่ำมาก รถ Toyota Verso-S ใช้เครื่องแถวเรียง 4 กระบอกสูบทั้งเบนซินและดีเซล รุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร กับระบบวาว์ลแปรผัน VVT-i อันขึ้นชื่อของค่ายสามห่วง มีม้ามาให้ใช้งานกันแบบเบาะๆ แค่ 99 ตัว แต่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 21.0 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล D4D มีปริมาตรความจุเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ลิตร แรงม้าลดลงเหลือเพียงแค่ 90 แรงม้า แต่จิบน้ำมัน 1 ลิตรโดยได้ระยะทางถึง 25 กิโลเมตร.
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom