Honda Brio เปิดตัวสู่สายตาของสาธารณชนทั่วโลกแล้วด้วยนวัตกรรมยานยนต์ขนาดเล็กราคา ประหยัดในรูปแบบของ Eco-Car ที่จิบเชื้อเพลิงเพียง 20 กิโลเมตรต่อลิตร กับราคายั่วน้ำลายเร่ิมต้นที่ 3.9 แสนบาท...

รถยนต์ราคาประหยัดแบบ Eco-Car ของค่าย Honda รุ่น Brio เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่ชั้น 5 สยามพารากอน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 17 มีนาคม 2554 หลังจากปล่อยให้แฟนๆเฝ้ารอคอยมานานกว่า 2 ปี แน่นอนว่า Honda Brio จะเข้ามาสร้างความร้อนแรงอีกครั้งในตลาดรถเล็กของเมืองไทยที่มีเพียง Nissan March แค่รุ่นเดียวที่กำลังทำตลาด ซึ่งออกขายมานานถึง 2 ปีแล้ว ความสดใหม่ของ Brio คืออาวุธเด็ดที่อาจทำให้ค่ายรถคู่แข่งอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ได้อีกแล้วเมื่อ หมัดเด็ดของค่าย Honda คันนี้เริ่มออกวางขายในตลาดรถยนต์ราคาประหยัดที่มีให้เลือกเพียงน้อยนิดของประเทศไทย

...


เมื่อลองมองดูอย่างชัดๆในรูปทรงของเจ้า Brio คันจริงที่ผลิตออกขายก็จะพบว่า มันถูกปรับเปลี่ยนจากรถต้นแบบแนวคิด Honda New Small Concept 2009 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การออกแบบภายนอกทั้งหมดใช้รูปทรงแบบสามเหลี่ยมมาทำการลงรายละเอียด ให้ดูมีมิติที่สวยงามขึ้น ด้านหน้ายังคงใช้กระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดเล็กลายรังผึ้ง แปะตราสัญลักษณ์รูปตัว H ที่สื่อให้เห็นถึงตัวตนและความเป็นมาจากการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กเพื่อการใช้งานในเมืองใหญ่ของค่าย Honda สปอยเลอร์หน้าขนาดใหญ่มีชิ้นพลาสติกสีดำทำเป็นร่องและช่องดักอากาศ ไฟหน้าทรงรีใช้ไฟแบบฮาโลเจนอยู่ภายใต้กรอบโพลิเมอร์ใสเคลือบสารป้องกันรอยขูดขีด ชุดไฟหน้าของเจ้า Brio ยังมีไฟเลี้ยวขนาดเล็กใช้หลอดสีเหลืองอยู่ด้านใน กระจกบานหน้าให้มุมมองที่ดีไม่ต่างจากรุ่น City หรือแม้แต่รุ่น Jazz

รถ Eco-Car รุ่น Brio ที่บริษัท Honda เอามาโชว์ในวันเปิดตัวทุกคันจะถูกเน้นไปที่สีสันสดใสแบบลูกกวาดเพื่อเอาใจวัยรุ่น ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายแรกของการทำตลาดบนตัวรถรุ่นนี้ จากการกำหนดของผู้บริหาร Honda

...


มุมมองด้านข้างมีแนวโค้งของหลังคา ลาดลงไปรับกับท้ายรถทรงตัดได้อย่างลงตัว ตามสไตล์รถเล็กยุคใหม่ เส้นคมๆ ทั้งด้านบนและชายล่างของประตูทั้งสี่บานที่ลากยาวตั้งแต่บังโคลนหน้า ไปจนจรดกับส่วนท้ายของบานประตูหลัง เพิ่มเติมความลงตัวให้กับด้านข้างของเจ้า Brio มือจับประตูออกแบบได้ดี ใช้งานได้สะดวก เปิด-ปิดง่าย แต่จะเบามือไปสักนิดและไม่หนักแน่นเท่าที่ควร แต่ก็เป็นไปตามลักษณะของรถเล็กที่เน้นความคล่องตัวเบาแรง กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถโดยมีสีดำของชิ้นพลาสติกมาตัดกันเพื่อเพิ่มความคมชัดของมุมมอง ล้อแม็กอลูมินัมอัลลอยลายตัวยูแบบ 10 ก้านคู่ขนาด 14 นิ้ว ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป ซึ่งดูเหมาะสมกับตัวรถ ล้ออัลลอยรัดหุ้มเอาไว้ด้วยยางไซส์ 175/65/R14 มิติของตัวถังมีขนาดความกว้าง 1680 มิลลิเมตร ยาว 3610 มิลลิเมตร และสูง 1485 มิลลิเมตร คือ รูปทรงมาตรฐานของรถเล็กยุคใหม่ที่ดูสมส่วนและลงตัวใช้ได้จากมุม มองเท่าที่เห็น

...


ส่วนท้ายของเจ้า Brio มีจุดเด่นตรงฝาท้ายขนาดใหญ่ที่ใช้กระจกบานเขื่องมาทำเป็นฝาท้าย โดยสามารถเปิดออกทั้งบานในมุมสูงเพื่อการขนถ่ายสัมภาระ ไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมถูกวางตำแหน่งเอาไว้ในมุมที่ต่ำกว่าปกติเนื่องจาก ต้องการให้มีความสอดรับกับกระจกฝาท้าย ไฟท้ายใช้พลาสติกใสสีแดงและขาว ยังคงใช้หลอดไฟท้ายแบบปกติ ชิ้นสปอยเลอร์หลังตรงกลางทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมสำหรับตำแหน่งของการติดแผ่นป้ายทะเบียน ชายล่างของสปอยเลอร์หลังยังทำเป็นร่องขอบเพื่อเพิ่มมิติมุมมอง ด้านบานของกระจกฝาท้ายมีชิ้นสปอยเลอร์ติดไฟเบรคดวงที่สาม ซึ่งใช้หลอดแบบ LED บริเวณฝาท้ายของส่วนเก็บสัมภาระยังสามารถพับเบาะหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการ ขนของให้กับพวกแม่บ้านนักช้อปได้อีกด้วย

...


เมื่อเข้ามาดูภายในของห้องโดยสารเจ้า Honda Brio ก็จะพบกับมิติพื้นที่ของการใช้สอยไม่แตกต่างจากตัวรถรุ่น Jazz เท่าใดนัก หากไม่รวมเอาท้ายรถทรงตัดที่ดูๆ ไปแล้วจะเแคบกว่าเจ้า Jazz เพียงเล็กน้อย เบาะทุกตำแหน่งห่อหุ้มเอาไว้ด้วยผ้ากำมะหนี่เนื้อนุ่ม โดยใช้โทนสีน้ำตาลอ่อน เป็นสีนำเสนอในการเพิ่มมุมมองโล่งๆ ให้กับห้องโดยสารของ Honda Brio การใช้สีโทนอ่อนนอกจากจะทำให้ภายในของมันดูโปร่งโล่งสบายแล้ว ยังเป็นสีที่กำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แผงแดชบอร์ดสีทูโทน ด้านบนเป็นสีดำส่วนด้านล่างเป็นสีน้ำตาล หน้าปัดวัดรอบและวัดความเร็วออกแบบได้ลงตัวดีและมีความเหมาะสมกับรูปแบบของ รถ City-Car มาตรวัดความเร็วทรงครึ่งวงกลม ตัวพื้นหน้าปัดใช้สีขาว ส่วนตัวเลขความเร็วใช้สีส้ม มีมาตรวัดรอบอันเล็กๆ อยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือเป็นหน้าปัดเล็กๆ ที่คอยแจ้งตำแหน่งของเกียร์ CVT กับไฟแจ้งเตือนระบบต่างๆ ของตัวรถ หากผู้ขับใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะมีไฟสัญลักษณ์ ECO ติดตลอดเวลาเพื่อคอยบอกถึงอัตราความประหยัดในระหว่างการขับขี่ใช้งาน พวงมาลัยสามก้านไม่มีสวิทช์มัลติฟังก์ชั่นมาให้เนื่องจากเป็นรถราคาประหยัด พวงมาลัยไฟฟ้า EPS มีรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.5 เมตร ระบบถุงลมนิรภัย Dual SRS มีมาให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า


ตรงใจกลางของแดชบอร์ดเป็นชุุดเครื่องเสียง 2 DIN ของ Honda ซึ่งเล่นได้ทั้งวิทยุ AM / FM / CD / MP3 พร้อมช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์จากภายนอกแบบ USB ต่ำลงมาเป็นชุดควบคุมอุณหภูมิแบบปุ่มทรงกลมใช้บิดเพื่อปรับตั้งระดับความเย็นของแอร์ และตำแหน่งในการกระจายความเย็น ที่วางแก้ว ซุ้มเกียร์กับก้านเบรคมือ อยู่ใกล้กันเพื่อประโยชน์ใช้สอย ภายในของเจ้า Honda Brio ที่ถึงแม้จะใช้วัสดุที่ดูธรรมดาไปสักนิด แต่มีการออกแบบรูปทรงและการวาง ตำแหน่งเพื่อการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มเติมความสะดวกในระหว่างการขับขี่ได้ดีในระดับหนึ่ง การดีไซน์ช่องแอร์ทรงกลมทั้ง 4 ช่อง ทำออกมาใช้ได้ ส่วนพื้นที่ตอนหลังมีพอเพียงสำหรับคนรูปร่างปกติ 2 คน การเพิ่มเติมพื้นที่ในการเก็บของที่ฝาท้ายสามารถพับตัวเบาะหลังให้เอนราบลง ได้ทั้งหมด รถยนต์ Eco-Car Honda Brio ยังใช้การเปิด-ปิดกระจกด้วยสวิทช์กับกลไกของมอเตอร์ไฟฟ้า เบาะหลังยังรักษาระดับของความปลอดภัยด้วยการให้เข็มขัดนิรภัยมาด้วย ส่วนพื้นที่ในการวางเท้าบริเวณเบาะหลังจะรู้สึกคับแคบไปบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามลักษณะทั่วไปของรถยนต์คันเล็กๆ ที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ตำแหน่งของคนขับสามารถปรับตัวเบาะให้ร่นเข้า-ออก หรือยกขึ้น-กดลงได้ แม้แต่คนรูปร่างสูงปรี๊ดอย่างคุณทัศนัย ไรวา บรรณาธิการของนิตยสาร CAR-Thai Edition ก็ยังสามารถปรับท่านั่งให้ขับขี่ได้อย่างสบาย


Eco-Car Honda Brio มีเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เป็นเครื่องแถวเรียง 4 กระบอกสูบ แคมเดี่ยว (SOHC) 16 วาว์ล พร้อมระบบวาว์ลแปรผันไปตามความเร็วรอบ i-VTEC วางตามขวาง ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ปริมาตรความจุ 1,198 ซี.ซี. ความกว้างกระบอกสูบ 73.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 71.6 มิลลิเมตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-F1 พัฒนาโดยทีมวิศวกรของ Honda ประหยัดเชื้อเพลิงในระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสุงสุด 11.2 กิโลกรัม/เมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ขนาดเล็กตัวนี้ยังถูกวิศวกรของค่ายนี้ลงมือพัฒนาในเรื่องทางเดินของท่อร่วมไอดี วัสดุที่ใช้ภายในและการให้กำลังที่เหมาะสมกับระดับของความเร็วใหม่ทั้งหมด


ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใช้พูเล่ย์สายพานส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังล้อคู่หน้าได้อย่างนิ่มนวล ชุดเกียร์ CVT ของ Honda Brio ถูกปรับปรุงให้มีความคงทนแข็งแรงมากขึ้น กลไกภายในที่สลับซับซ้อนก็ยังถูกปรับให้มีความแน่นอนในการใช้งาน ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท สปริง โช๊คอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้แบบคานทอร์ชั่นบีม H-Shape ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าใช้จานดิสเบรคพร้อมด้วยคาร์ลิปเปอร์ทำจากอลูมิเนียม ส่วนเบรคหลังเป็นแบบ ดรัมเบรคพร้อมกลไกป้องกันล้อล็อก ABS กับชุดกระจายแรงเบรค EBD ถังเชื้อเพลิงขนาดไม่ใหญ่นักมีความจุแค่ 35 ลิตร


ค่าย Honda เปิดราคาค่าตัวของเจ้า Eco-Car Brio ไว้ที่ 399,900 ในรุ่นเกียร์ธรรมดา (S MT) รุ่น V MT เกียร์ธรรมดาราคา 469,500 บาท ส่วนรุ่นสูงสุด V AT เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 508,500 ซึ่งทำให้คาดเดาได้ว่า ต่อไปนี้ตลาดรถเล็กในเมืองไทย จะต้องฟาดฟันกันอย่างดุเดือดชนิดเลือดท่วมอย่างแน่นอน.

Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom