เทคโนโลยีระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่จาก Porsche ที่มีทั้งความเร็ว ต่อเนื่องและประหยัดเชื้อเพลิง...
นี่คือระบบส่งกำลังที่ถอดแบบมาจากเกียร์ของรถ Formula 1 เช่นเดียวกันกับรถซุปเปอร์คาร์จากหลากหลายค่ายที่ใช้กันอยู่ ระบบเกียร์เซมิออโตเมติกแบบเก่าที่ใช้งานกันทั่วไปนั้น ยังคงมีความรวดเร็วในการตัดต่อกำลังไม่ดีพอ ทั้งจากความต่อเนื่องหรือความนุ่มนวลในการทำงานที่ยังคงเป็นรองเกียร์อัตโนมัติ หลังจากการพัฒนาระบบเกียร์ของบริษัท Porsche ปัญหาต่างๆได้ถูกปรับแก้ให้ดีขึ้น โดยมีคลัตช์ถึง 2 ชุดให้ใช้งานและมันมีชื่อเรียกชุดเกียร์แบบนี้ว่า PDK เกียร์แบบใหม่ของ Porsche ทำให้เกียร์อัตโนมัติรวมถึงเกียร์ธรรมดาแบบเก่าที่ล้าหลังและเชื่องช้า กำลังพบกับการสูญพันธุ์อย่างแท้จริง
เมื่อค่าย Porsche เปิดตัวรถ 911 โมเดลปัจจุบันที่ใช้ชุดเกียร์ PDK ไปเมื่อ 2 ปีก่อน กระแสตอบรับเกี่ยวกับสมรรถนะของมันในการใช้งาน รวมถึงการยอมรับในระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ของ Porsche ที่ทรงประสิทธิภาพก็ปรากฏขึ้นทั่วไปในวงการยนตกรรม ระบบเกียร์คลัตช์คู่แบบ PDK ตามหลังเกียร์ DSG ของ Audi กับ Volkswagen ที่ออกมาสู่ตลาดก่อนหน้านานถึง 5 ปี ซึ่งความล่าช้าดังกล่าวเกิดจากการทดสอบและพัฒนาให้เกิดความมั่นใจในประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ของค่ายม้าป่าจากเมืองสตุ๊ตการ์ต วิศวกรของบริษัท Porsche แจ้งว่าเกียร์ทวินคลัตช์ไม่ไช่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับบริษัท นานมาแล้วในแผนกมอเตอร์สปอร์ตกับการพัฒนาระบบส่งกำลังของ Porsche แบบค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นยุค 1980 จากรถแข่งรุ่น 965 / 962 ซึ่งเป็นรถแข่งกรุ๊ป C ที่มีระบบเกียร์ทวินคลัตช์ใช้งาน ในยุคนั้นกลไกของการควบคุมคลัตช์ทั้งสองชุดให้ทำงานประสานกัน ยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากทางวิศวกรรมยานยนต์ จากการใช้ระบบกลไกล้วนๆ เข้าควบคุมการทำงานของระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่
...
ระบบเกียร์แบบ PDK เกิดจากการมุ่งเน้นไปที่การส่งต่อกำลังแรงบิดอย่างต่อเนื่อง กลไกของระบบคลัตช์คู่ช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่งขึ้น-ลงมากขึ้น รวมถึงความนุ่มนวลในการส่งถ่ายแรงบิดและอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มีตัวเลขดีขึ้น เกียร์ PDK ยังช่วยลดความสูญเสียของการส่งต่อกำลังจากเครื่องยนต์ในขณะเปลี่ยนเกียร์ ช่วยลดมลพิษของเครื่องยนต์ ส่งผลไปถึงการประหยัดน้ำมันอีกด้วย อัตราทดที่มีถึง 7 สปีดแบบเดินหน้า 1-6 ยังคงเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตชั้นเยี่ยมจากเยอรมัน ส่วนตำแหน่งเกียร์ 7 นั้นก็คือเกียร์ Overdrive ที่ช่วยให้การขับขี่ทางไกลมีความประหยัดอย่างสูงสุด ส่วนเกียร์ 6 คือตำแหน่งเกียร์ที่มีความเร็วสูงสุด แทนที่จะเป็นเกียร์สุดท้ายเนื่องจากการออกแบบ
เกียร์ PDK ของ Porsche มีขนาดที่กระทัดรัดรวมถึงน้ำหนักที่เบาลงกว่า 10 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับเกียร์รุ่นเก่าแบบ Tiptronic S ความลับของระบบเกียร์แบบนี้อยู่ตรงการใช้คลัตช์ถึง 2 ชุด หรือคลัตช์แบบหลายแผ่นซ้อนจำนวน 2 ชุด ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางต่างขนาดกันและแบ่งออกเป็นคลัตช์ชุดนอกกับคลัตช์ชุดใน แต่ละชุดประกอบไปด้วยคลัตช์เปียก 5 แผ่นสลับกันทำงาน ซึ่งเป็นที่มาของความต่อเนื่อง นิ่มนวลและรวดเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ วิศวกรของ Porsche กล่าวว่าเกียร์ PDK นั้นเร็วกว่าเกียร์แบบ Tiptronic S ถึงกว่า 60% การทำงานของมันเริ่มจากคลัตช์ชุดที่ 1 จะรับผิดชอบอัตราทดของเกียร์ 1-3-5-7 ส่วนคลัตช์ชุดที่ 2 รับหน้าที่ในอัตราทดของเกียร์ 2-4-6 ในขณะที่ผู้ขับทำการเข้าเกียร์ 1 อัตราทดของเกียร์ 2 จะถูกเลือกไปพร้อมๆ กันแบบ Per-Selection เพียงแต่คลัตช์ชุดที่ 1 จะอยู่ในตำแหน่ง "ต่อ" ส่วนคลัตซ์ชุดที่ 2 จะอยู่ในตำแหน่ง "ตัด" ณ ช่วงเวลานั้น การส่งถ่ายแรงบิดจะอยู่ที่เกียร์ 1 เท่านั้น การเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 จึงอาศัยการสลับการทำงานของชุดคลัตช์ เมื่อผู้ขับหรือระบบสมองกลเกียร์สับเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ 2 ระบบจะเลือกการทำงานของเกียร์ 3 ไปด้วย โดยอาศัยหลักการทำงานของชุดเกียร์ดังกล่าวไล่ไปจนถึงเกียร์ 7 ซึ่งเป็นตำแหน่งเกียร์สุดท้ายหรือ Overdrive
...
...
สวิทช์แพดเดิลสำหรับการกดเพื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขึ้น-ลง ก็ยังถูกออกแบบให้มีความแตกต่างกันออกไป วิศวกรของ Porsche ทำการออกแบบตัวสวิทช์ให้ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ โดยดีไซน์ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้มือเพียงข้างเดียวทำการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลงด้วยความสะดวก จากการกดที่บริเวณด้านหน้าสำหรับการชิฟเกียร์ขึ้น ส่วนการชิฟเกียร์ลงต่ำก็สามารถกดบริเวณสวิทช์ด้านหลังที่อยู่ตรงกันข้าม เพื่อเพิ่มเติมความสามารถในการควบคุมพวงมาลัย ในขณะที่ใช้ความเร็วเพื่อทำให้การควบคุมตัวรถกับการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ประสานเป็นหนึ่งเดียว เกียร์ PDK 7 สปีดมีทั้งสมรรถนะและความรวดเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขึ้น-ลง เพื่อให้เข้ากับรูปแบบของการขับขี่บนรถสปอร์ต แถมยังมีอัตราความประหยัดเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น จากการทำงานของสมองกลไฟฟ้าที่จะใช้เวลาในการตัดต่อรวดเร็วและต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการปล่อยมลภาวะลดลง และนี่คือนวัตกรรมของ Porsche ที่เข้ามาช่วยสร้างมาตรฐานการขับขี่รถซุปเปอร์คาร์ในยุคใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและประสิทธิภาพของระบบส่งกำลัง.
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom