เครื่องบินพระที่นั่งตามคำอธิบายในราชาศัพท์หมายถึงยานพาหนะสำหรับพระมหา กษัตริย์ทรง หรือประทับเพื่อเสด็จพระราชดำเนินในพระราชกรณียกิจต่างๆโดยกล่าวถึงเครื่อง บินทั้งประเภทใบพัด-ไอพ่นและเฮลิคอปเตอร์ในการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ ต่างๆ ให้ต่อท้ายคำว่า "พระที่นั่ง"โดยใช้คำต่อท้ายเช่น "เครื่องบินพระที่นั่ง" และ "เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง" โดยคำว่า "พระที่นั่ง"ใช้เฉพาะยานพาหนะสำหรับพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระอัครมเหสีสมเด็จพระบรมราชชนนีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมารและสมเด็จพระบรมราชกุมารี ส่วนเจ้านายพระองค์อื่นใช้คำว่า"ที่นั่ง" แทนคำว่า"พระที่นั่ง"

การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพื้นที่อันห่างไกล และทุรกันดารหรือพื้นที่ที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ นับแต่ปีพ.ศ. 2489 จวบจนปัจจุบัน ไม่มีตำบลหรืออำเภอใดๆในท้องถิ่นของผืนแผ่นดินประเทศไทยที่ทั้งสองพระองค์จะยังมิเคยเสด็จพระราชดำเนินไปถึงเพื่อทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาราช และมักจะเสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ซึ่งสามารถร่อนลงจอดใน พื้นที่ที่เป็นป่าเขา หรือ ชายแดนอันห่างไกลจากเมืองหลวงเพื่อเยี่ยมราษฎรของทั้งสองพระองค์เสมอมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเสด็จพระราชดำเนิน จึงต้องจัดเตรียมยานพาหนะที่ ใช้ถวายเป็นเครื่องบินพระที่นั่งหรือรถยนต์พระที่นั่งเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด

...


Sikorsky UH19 RTAF


Sikorsky UH19 USAF

เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 6 พฤจิกายน พ.ศ.2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดเครื่องแบบทหารอากาศและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งแบบที่สามของกองทัพอากาศหรือเฮลิคอปเตอร์รุ่นUH19หมายเลขประจำเครื่อง4 ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์ ที่ทางกองทัพอากาศจัดถวายเป็นเครื่องพระที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์ UH19 หมายเลข 3 และหมายเลข 6 เป็นเครื่อง สำหรับผู้ตาม เสด็จฯ โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เครื่องบินปีกหมุนขึ้นลงทางดิ่งเป็นขบวนพระราชพาหนะ เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลำดังกล่าวได้นำเสด็จพระราชดำเนินจากจังหวัดขอนแก่น ไปยังดอยภูกระดึง จังหวัดเลย เพื่อทรงทอดพระเนตรภูมิประเทศแถบเทือกเขาสูงของภูกระดึง และร่อนลงจอดเพื่อให้ราษฎรที่มีบ้านเรือนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ชื่นชมพระบารมีพร้อมกับเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้ขึ้นประทับยังเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนิน มาลงยังอำเภอวังสะพุง เพื่อเยี่ยมราษฎรและเสด็จพระราชดำเนินต่อโดยรถยนต์พระที่นั่งเพื่อทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นจึงทรงประทับแรมที่จังหวัดเลย


Sikorsky UH19 And UH34 RTAF


Sikorsky UH34 RTAF

หลังจากนั้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์รุ่นH19 แบบที่ 3 ได้ใช้งานมาจนถึงระยะเวลาที่ต้องทำการหยุดบินและปลดประจำการลงเมื่อปี2505 กองทัพอากาศจึงได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็น เครื่องรุ่นS58 จำนวนหนึ่ง เพื่อใช้ในภารกิจลำเลียงทางทหารและใช้งานด้านการ บินกู้ภัยของกองทัพ เฮลิคอปเตอร์ในตระกูล S58 เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ลูกสูบไรต์ R-1820-84 B/D เครื่องยนต์สูบดาวแบบ 9 กระบอกสูบ มีแรงม้าสูงสุด 1525 แรงม้า ผลิตโดยบริษัทสร้างเฮลิคอปเตอร์ชั้นนำของโลก Sikorsky ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยขึ้นทำการบินครั้งแรกเมื่อปีพศ 2497และสิ้นสุดสายการผลิตลงเมื่อปี 2513 มียอดการผลิตทั้งสิ้น 1,821 ลำ โดยได้รับ การคัดเลือกให้เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนาม สงครามในลาวและเขมร ใช้รหัสเรียกขานว่าUH34 นอกจากถูกใช้งานทางทหารแล้ว เฮลิคอปเตอร์แบบUH34ยังถูกนำไปบินใช้งานเป็น ฮ.ขึ้นลงทางดิ่งของวงการการบิน พาณิชย์และกำหนดรหัสเรียกขานว่าS-58B/C/D นับตั้งแต่ปีพศ2505 ถึง2512 กองทัพอากาศไทยได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบH54รวมทั้งสิ้น 60 ลำ โดยทางฝูงบินปีกหมุนที่ได้นำเข้าไปประจำการกำหนดชื่อว่าเฮลิคอปเตอร์แบบ ที่ 4 หรือ ฮ.4 โดยถูกบรรจุเข้าประจำการที่ฝูงบิน63 กองบิน6 ดอนเมืองและฝูงบิน31 ฝูงบิน 33 กองบินโคราช (ปัจจุบันกองทัพอากาศทำการปรับยกเลิกกองบินที่3ไปแล้ว) นอกเหนือไปจากเฮลิคอปเตอร์ทั้ง60ลำ ที่ได้รับมอบจากกองทัพอเมริกันแล้ว กองทัพอากาศไทยยังได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบ UH34 ของกองทัพอากาศลาวและ เวียดนามใต้ ที่นักบินได้นำเครื่องมาร่อนลงจอดในสนามบินทหารทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขอลี้ภัยอีกอย่างน้อย 5 ลำ

...

...

...


Sikorsky UH34 RTAF

นอกจาก กองทัพอากาศไทยที่มี ฮ.4 ประจำการแล้ว ยังมีมิตรประเทศเพื่อนบ้านในยุคนั้น อย่างฟิลิปปินส์ เวียดนามใต้ กัมพูชาและลาว สำหรับลาวนั้นได้นำเอาฮ.รุ่นนี้มาฝากไว้กับฐานทัพอากาศที่จังหวัดอุดรธานีใน ช่วงของการรบพุ่งกับพวกคอมมิวนิสต์เมื่อปีพศ 2518 สำหรับเครื่องH34Dนั้นทางบริษัทผู้ผลิตSikorskyได้ทำการวางแผนงานปรับปรุง ระบบเครื่องยนต์ โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์แบบคู่ การเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์เริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคม2513 เครื่องต้นแบบที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบบใหม่ขึ้นทำการบินเมื่อวัน ที่19สิงหาคม2513หลังจากผ่านการทดสอบตามมาตรฐานแล้วจึงได้รับใบเดินอากาศ จากFAA ตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 บริษัทไทยแอม จำกัด ได้รับมอบหมายจากกองทัพอากาศไทย ให้ทำการศึกษาและดัดแปลงเฮลิคอปเตอร์แบบSikorsky H34Dเป็น S58T โดยทำการเปลี่ยนแบบของเครื่องยนต์ลูกสูบซึ่งกำลังจะหมดอายุการใช้งานมา เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์แฝดของบริษัท Pratt & Whitney (แคนนาดา) รุ่นPT6T-6ให้กำลังมากกว่าถึง1875 แรงม้า 2 เครื่องยนต์และสามารถ ทำการบินได้อย่างปลอดภัยกว่า มีมาตรฐานด้านความไว้างใจสูง ทำให้สมรรถนะโดยทั่วไปของตัวเครื่องสูงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงบินและการบำรุงรักษาต่ำกว่าเครื่องยนต์แบบเดิม ตลอดระยะเวลาของการใช้งานมีความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงมาก ทั้งการลำเลียงพลทางอากาศ การบินเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ภาคใต้ รวมถึงการช่วยเหลือและบินค้นหานักบินที่เครื่องประสบอุบัติเหตุอีกด้วย


Sikorsky S58T/ฮ.4 กองทัพอากาศไทย

หลังจากกองทัพอากาศไทยได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบ ฮ.4 แล้ว ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2507 กองทัพอากาศไทยได้นำเฮลิคอปเตอร์แบบ H-34หมายเลขประจำเครื่องฮ.4 21/07 Sel No.63-8255 ทำการปรับปรุงดัดแปลงเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งซึ่งถือได้ว่า เฮลิคอปเตอร์แบบที่ 4 นี้เป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งแบบแรกของกองทัพอากาศ อย่างแท้จริง นอกจากนี้ในปี 2509 กองทัพอากาศยังได้ทำการดัดแปลงเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 4 หมายเลขประจำเครื่อง ฮ.4 34/09 Bu No.15-3129ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่น UH-34D จำนวนสองเครื่องเพื่อบรรจุเข้าประจำการในฝูงบิน63 ปฏิบัติหน้าที่ในดอนเมือง ตลอดระยะเวลาของการประจำการในเครื่องเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองเครื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯบรมราชินีนาถ ได้ทรงประทับบนเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเพื่อทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังท้อง ถิ่นต่างๆในการทรงเยี่ยมราษฎร ตลอดจนทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ของการรบใน สงครามต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์


ฺBell Helicopter UH-1H VIP RTAF

การ ขึ้นบินของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำสิ้นสุดลงจากการเป็นเครื่องบินปีกหมุนพระที่นั่งเมื่อกองทัพอากาศได้ทำการบรรจุเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6หรือUH1H หลังปีพ.ศ.2510เป็นต้นมา และเมื่อมีการนำเอาเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำซึ่งเป็น 2 ใน18เครื่องของ เฮลิคอปเตอร์รุ่น H-34 ส่งมอบให้กับบริษัทไทยแอมเพื่อทำการดัดแปลงและติดตั้ง ชุดอุปกรณ์กู้ภัยให้กลายเป็นรุ่นH-34T เพื่อใช้ในงานการบินกู้ภัย ค้นหาและช่วยชีวิตตั้งแต่ปี 2522 โดยถูกบรรจุเข้าประจำการในฝูงบิน 201 กอง บิน2จังหวัดลพบุรีจนกระทั่งปลดประจำการไปเมื่อปีพ.ศ.2542.

เอกสารอ้างอิงประกอบการเขียน
The Aerospace Magazine 20 September 2007
ห้องสมุดกองทัพอากาศ
Link
www.aerospacemag.com

arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th