“ตกใจหนักมาก มีแต่คนมาบอกว่า เอมดังใหญ่แล้ว แต่เอมก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าเด่น หรือดังอะไร ขอบคุณทุกคนที่แสดงความยินดีและชื่นชม เอมไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งอะไร แต่ก็ไม่เคยดูถูกตัวเองว่าทำไม่ได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า มีคนที่เก่งกว่าอีกมากมายนับไม่ถ้วน เอมก็ได้พวกเขาเหล่านั้นเป็นตัวอย่างในการพัฒนาตัวเองค่ะ”

ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกของ เอม หรือ น.ส.อทิตา เสนาใหญ่ ที่กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ หลังจากในโลกโซเชียลแห่ยกย่อง ชมเชยว่าเธอเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน นักศึกษาที่อยากประสบความสำเร็จทางการศึกษา เนื่องจากเธอนั้นเรียนจบ ป.ตรี สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ด้วยผลการเรียน 4.00 ทุกเทอม ทุกปี

เอมว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ปีการศึกษา 59 ในปลายปี 60 ซึ่งเธอเป็นคนแรกของครอบครัวที่เรียนจบ ป.ตรี เผยว่าสิ่งที่ทำให้เธอตั้งใจเรียน เพราะเป็นโอกาสที่ตนได้รับ และเมื่อมีโอกาสแล้วก็ขอทำให้ดีที่สุด เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่มีอาชีพทำนา มีลูก 3 คน จึงไม่มีเงินส่งตนเรียน แต่ตนอยากเรียนต่อ จึงพยายามสอบและได้รับทุนจากโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ให้เรียนต่อระดับปริญญาตรี-โท และเอก

...

ผู้สื่อข่าวซักไซ้ถามต่อว่ามีเทคนิคอย่างไรให้เรียนเก่ง เธอชี้แนะแบบไม่มีหวงวิชาว่า

1. ต้องสนุกกับการเรียน

2. จดบันทึกทั้งตอนเรียนในห้อง หรืออ่านหนังสือว่าประเด็นสำคัญคืออะไร เนื้อหาเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจกับเรื่องนั้นๆ และจดบันทึกไว้ เวลาจะสอบก็นำมาอ่านทบทวน

3. หาจุดอ่อนตัวเองให้พบว่าจุดไหนทำได้หรือไม่ได้ แล้วแก้ไขโดยเพิ่มความรู้และทักษะด้วยการทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ สอบถามอาจารย์

4. หาความรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ อ่านหนังสือ หรืออินเทอร์เน็ตเพื่อเพิ่มความเข้าใจในแต่ละวิชาให้ดียิ่งขึ้น

5. หากไม่รู้ ไม่เข้าใจในเรื่องใดให้ถามอาจารย์ หรือผู้รู้ทันที อย่าอายที่จะถาม และไม่ต้องกลัวใครจะว่าโง่ เพราะเราจะโง่แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าไม่เข้าใจหรือไม่รู้ แล้วไม่กล้าถามก็จะโง่ตลอดชีวิต

นอกจากนี้เธอยังแนะนำอีกว่าสิ่งสำคัญ คือ พยายามทำสิ่งที่รับผิดชอบให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทุกอย่างก็จะออกมาดี ผลพลอยได้จากการกระทำก็จะได้เกรดเฉลี่ยที่ดีตามมา เรื่องเกรด ไม่ต้องเอาเยอะก็ได้ แต่ให้ใช้ชีวิตอย่างสมดุลและมีความสุขไปกับสิ่งที่เรียน และเธอก็ยอมรับว่ายังมีอีกหลายอย่างเช่นกันที่ยังไม่รู้ และไม่เก่งเท่าคนอื่น ทักษะบางอย่างคนอื่นเก่งกว่ามาก แต่แค่ไม่มีเกรดเฉลี่ย ไม่มีคะแนนมาวัดเท่านั้น

“เอมไม่อยากให้สังคมวัดคุณค่าของนักเรียน นักศึกษาจากเกรดเฉลี่ยที่ได้เพียงอย่างเดียว เด็กบางคนเรียนไม่ได้เกรดเฉลี่ยสูงก็อยากให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองช่วยส่งเสริมความสามารถที่เขามีมากกว่าบังคับให้เรียนเก่งๆ ได้เกรดเยอะๆ

หากเด็กมีความสุข สนุกกับการเรียนก็จะมีความรู้สึกอยากเรียนรู้อยู่เสมอ เอมอยากให้คนไทยช่วยกันส่งเสริมให้เด็กไทยรักการอ่าน การเรียนรู้มากขึ้น พวกเขาจะได้เรียนเก่งและเป็นคนมีคุณภาพค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส

...

ทั้งนี้เธอยังฝากแนวคิดทิ้งท้ายไว้ว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่การเรียนในห้องเรียน ควรแบ่งเวลาทำกิจกรรมทุกอย่างที่อยากทำให้สมดุลที่สุดเท่าที่ทำได้ การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทำหน้าที่และบทบาทตัวเองให้เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว เพราะชีวิตคนเราสั้น และอย่าเครียดกับการเรียนมากเกิน หลายๆ เรื่องในชีวิตก็เครียดพอแล้ว ขอให้มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่าที่จะเอาเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดมาเครียดมากดดันตัวเอง และส่งผลกระทบกับการเรียน