"ผมมีพ่อเป็นตำรวจยศนายดาบ ชีวิตในวัยเด็กไม่ได้คิดใฝ่ฝันที่จะเป็นตำรวจ แต่ที่มาเป็นตำรวจเพราะอยากทำให้พ่อภูมิใจ มีหน้ามีตา จึงตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร โดยไม่ได้ติวสอบเข้า แต่ตั้งใจอ่านหนังสือทบทวนเองที่บ้าน กระทั่งสอบเข้าเตรียมทหาร และเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 47"
เด็กชายสุรเชษฐ์ หักพาล เกิดและโตที่ อ.เมือง จ.สงขลา เรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนกลับเพชรศึกษา จ.สงขลา ต่อชั้นประถมที่โรงเรียนวิเชียรชม ก่อนจะสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมที่ 1 โรงเรียนมหาวชิราวุธ ด้วยคะแนนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ จนได้คัดเลือกเข้าเรียนรวมกันในห้องคิงส์ ผลการเรียนดีต่อเนื่องยาวนานมาจนระดับชั้นมัธยมที่ 5 สายวิทย์ - คณิต ตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
"พี่เป็นเด็กบ่อยาง คุณแม่เป็นครูสอน ร.ร.กลับเพชรศึกษา ส่วนคุณพ่อเป็นตำรวจ พี่เรียนหนังสือ ใช้ชีวิตอยู่ในสงขลาตั้งแต่เล็กจนโต พอเรียนจบมหาวชิราวุธ พี่ก็สอบเข้าเตรียมทหาร ไปใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนจนเรียนจบ ไม่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านดามาพงศ์ หรือรับใช้ใครที่นั่นเลย ส่วนพ่อเป็นตำรวจชั้นนายดาบ สังกัดกองพลาธิการตำรวจ มีหน้าที่เป็นพลขับผู้บังคับบัญชาที่โยกย้ายมารับตำแหน่งที่สงขลา ซึ่ง พล.ต.อ.เสมอ ดามาพงศ์ เคยมารับตำแหน่งอยู่ที่สงขลาประมาณ 1 ปี แล้วก็แยกย้าย พี่ไม่เคยไปอาศัยอยู่ในบ้านของท่าน พี่โตในจังหวัดสงขลา ไม่เคยมาอาศัยในกรุงเทพฯ"
...
ในวัยเด็ก นอกจากจะตั้งใจเล่าเรียนจนมีผลคะแนนนำลิ่วเป็นอันดับต้นๆ ของ ร.ร.มหาวชิราวุธ "สุรเชษฐ์ หักพาล" ยังหลงรัก "กีฬาเทนนิส" ฝึกซ้อมหัดเล่นมาตั้งแต่ชั้นมัธยม เข้าแข่งขันหลายรายการ ฝีไม้ลายมือจัดว่าเด็ด โดยระหว่างศึกษาอยู่ ร.ร.นายร้อย เลือกสังกัด "ชมรมเทนนิส" จนกลายเป็นนักเทนนิสทีมชาติ ทั้งหมดนี้เกิดจากแรงสนับสนุนของพ่อที่อยากให้ลูกๆ เล่นกีฬา ปลูกฝังให้รักในกีฬาเทนนิส จวบจนทุกวันนี้
"พี่เล่นเทนนิส เข้าแข่งขันจนติดทีมชาติ ได้อะไรหลายอย่างจากการเล่นกีฬา โดยเฉพาะความมีวินัย รู้แพ้รู้ชนะ มีสปิริต อดทนอดกลั้น เปรียบเหมือนที่เรารับราชการ ไม่ว่ารุ่นน้องจะเป็นใหญ่กว่า เราก็ต้องเคารพ รุ่นพี่เป็นผู้บังคับบัญชา เราก็ต้องเคารพ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เมื่อเราผิดพลาดเรื่องไหน เราต้องไม่ไปโทษใคร เราบกพร่องเรื่องไหนแล้วเราเอาไปแก้ไข อย่างเล่นกีฬา เมื่อเราแข่งแพ้ก็กลับมาพัฒนาตัวเองฟิตซ้อมใหม่ ไม่ใช่แข่งแพ้แล้วไปโกงเขาอีก ไปว่าเขาอีก ข้าราชการตำรวจก็เช่นกัน ถ้าเราอยากเจริญก้าวหน้า ต้องทำงานให้หนัก"
ย้อนกลับมาสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของ "สุรเชษฐ์ หักพาล" คือการสอบติดเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เขาให้เหตุผลว่า ถ้าไม่มีวันนั้น - เขาจะไม่มีวันนี้ เริ่มต้นนับ 1 จากโรงเรียนเตรียมทหาร นับมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจของตัวเองแล้ว ยังสร้างความภาคภูมิใจให้คนในครอบครัวอีกด้วย
"สมัยเด็กไม่ได้คิดอะไรเยอะ ถ้าให้พูดว่าสมัยเป็นเด็กตั้งใจจะเสียสละเพื่อประเทศชาติ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง พี่เห็นพ่อเป็นตำรวจยศนายดาบ เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย บางครั้งเราเป็นพ่อคน - แม่คน เขาต้องอยากให้ลูกเหมือนเขาหรือดีกว่าเขา ตอนเด็กๆ พ่อพี่เหนื่อยมาเยอะ พี่ก็อยากให้พ่อภูมิใจในตัวเรา ด้วยการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อย่างน้อยเขามีลูกชายคนนึงเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ อยากเป็นตำรวจเพราะอยากให้พ่อภูมิใจ"
ก่อนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร "สุรเชษฐ์ หักพาล" ใช้วิธีทบทวนบทเรียนเตรียมสอบเข้าโดยการอ่านหนังสือ เพราะคิดว่าการอ่านเองอาจจะแบ่งเวลาได้ดีกว่า เข้าใจดีกว่า การสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารครั้งนี้จึงไม่เคยขึ้นมาเรียนกวดวิชาในกรุงเทพฯ แต่ใช้เวลาอ่านหนังสือทบทวนอยู่ที่บ้านจังหวัดสงขลา
"ตอนสอบเข้าเตรียมทหารรุ่นนั้น เด็กมหาวชิราวุธ เท่าที่จำได้สอบกันเยอะมาก แต่ติดจริงๆ แค่ 3 คน โดยมีพี่คนเดียวที่สอบเข้าเหล่าตำรวจ อีก 2 คนเป็นทหาร พี่สอบครั้งแรกพี่ก็ติดเลย และที่ไม่ได้มาเรียนไม่ใช่เพราะว่าที่บ้านไม่มีเงิน แต่เพราะเทคนิคการเตรียมตัวของแต่ละคนมันต่างกัน"
นิสัยส่วนตัวของ "สุรเชษฐ์ หักพาล" หลังถอดเครื่องแบบ นอนอยู่บ้าน จัดว่าเป็นคนสบายๆ ง่ายๆ ปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดมาก เพราะทุกวันนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแล้ว แต่ถ้าเรื่องงานค่อนข้างเครียดจริงจัง เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด
...
"นิสัยใจคอ หรือบุคลิกส่วนตัวพี่ไม่หยุมหยิมนะ ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย เพราะถ้าคิดเล็กคิดน้อย พี่จะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แน่ เพราะมีเรื่องสารพัดให้ต้องตัดสินใจ และการที่พี่ไม่หยุมหยิม น่าจะเพราะพื้นฐานความเป็นนักกีฬามันไม่มีอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนชีวิตประจำวัน ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป ชอบกินแกงใต้มากเป็นพิเศษ ที่ไหนมีแกงใต้ชอบกินหมด ยิ่งถ้าร้านที่ไปกินบ่อย พ่อค้าแม่ค้าก็จะรู้จักเราเพราะไปอุดหนุนประจำ พี่กินง่ายๆ เหมือนคนปกติทั่วไป"
ตลอดชีวิตราชการตำรวจของ "สุรเชษฐ์ หักพาล" ไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่เคยได้ไปไหนกับครอบครัวเป็นการส่วนตัว หากจะต้องเดินทางคือไปในเรื่องงาน ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เพราะภรรยาที่บ้านเข้าใจในหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมาย การคาดฝันเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวเมืองนอกที่ประเทศต่างๆ ไม่เคยมีในสมอง ไม่เคยคิดอยากไปไหนเลย
"เอาจริงๆ ถ้าพี่มีวันหยุดยาว 10 - 20 วัน พี่ก็ยังคิดไม่ออกว่าพี่ต้องไปเที่ยวไหน เพราะพี่ยังมองไปไม่ถึงจุดนั้น และไม่เคยฝันอยากจะไปต่างประเทศเลย ภรรยาที่บ้านก็โอเคนะ เขาน่ารักเข้าใจ เพราะคบกันมานานมาก คบคนเดียวแต่งงานเลย คบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พี่เรียนมหาวชิราวุธ เขาเรียนวรนารีเฉลิม โรงเรียนใกล้กัน เป็นความรักในสมัยเรียน แต่เพิ่งมาแต่งงานจริงๆ เมื่อ 4 ปีก่อนนี่เอง เราโชคดีที่มีภรรยาเข้าใจงานของเรา การเที่ยวต่างประเทศเลยไม่ใช่ประเด็นหลักของพี่"
...
จากจุดเริ่มต้นของ เด็กชายสุรเชษฐ์ หักพาล ก่อนจะเดินทางมาถึงตำแหน่ง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการ 191 ถือเป็นการเดินทางที่ยาวไกล แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง "ความเป็นตัวตนของเขา" จะมีก็เพียงหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบซึ่งเพิ่มมากขึ้นตามลำดับการได้รับมอบหมาย เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจในการทำงานแต่อย่างใด
"ชีวิตราชการตำรวจของพี่ โดนใส่ไฟโจมตีมาตลอด ตั้งแต่เป็นสารวัตร ตอนนั้นพี่ก็ขึ้นเร็ว เป็นสารวัตรนำรุ่น คำครหาต่างๆ พี่ให้ผลงาน การทำงานเป็นเครื่องชี้วัด เพราะปัญหาการใส่ร้ายโจมตีมันมีอยู่ทุกวงการอยู่แล้ว คนคิดไม่ดี คนหวังผลประโยชน์ มันมีหมดทุกวงการ พี่อยู่มาได้ทุกวันนี้ พี่ไม่หูเบา พี่ไม่โอนอ่อน ไม่หวั่นไหวกับเสียงรอบตัวจะใกล้หรือไกล เพราะถ้าทนไม่ได้ก็ต้องลาออกไปแล้ว แต่ที่อยู่เพราะให้ผลงานชี้วัดตัวเรา การทำงาน การอยู่ในตำแหน่งและการวางตัว จะเป็นภาพสื่อออกไปบอกทุกอย่างเอง ประชาชน คนรอบข้าง หรือผู้ใหญ่จะไว้วางใจเรามั้ย อยู่ที่ผลงาน ไม่ใช่อยู่ที่คำพูดยุแยงของใคร พี่เป็นแค่ พล.ต.ต. ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจอะไรแบบนั้นหรอก"
ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์ลง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการ 191 ยังให้เหตุผลในการไม่ออกมาตอบโต้แก้ข่าวสารพัดที่ถาโถมเข้ามา ด้วยเหตุผลที่ว่า ปล่อยให้เขาพูดกันไปวันนึงความจริงปรากฏ หลายคนจะทราบกันเอง หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือทำงานให้ดีที่สุดในทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย เป็นตำรวจต้องดูแลทุกข์สุขประชาชน ไม่ใช่ออกมานั่งแก้ข่าว
...
"อย่างวันนี้ พี่ไม่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวลงลึกขนาดนี้กับที่ไหนมาก่อน เพราะไม่เคยมีใครตั้งประเด็นพวกนี้มาถามพี่สักครั้ง น้องเป็นนักข่าวคนแรกที่มาถาม เมื่อถามพี่ก็ตอบตามความเป็นจริง ประวัติความเป็นมาการศึกษาเล่าเรียน หรือการใช้ชีวิต เป็นแบบนี้ ตอนเด็กๆ ไม่เคยไปวิ่งเล่นหรืออาศัยอยู่ในบ้านใคร พี่อยู่สงขลามาตลอด เชื่อว่าหลายแง่มุมชีวิตพี่ ทุกๆ คนที่ติดตามอยู่ คงได้รับทราบไปพร้อมๆ กันตรงนี้"
ค่ะ..... วงการนี้อยู่ยาก แต่ตำรวจทุกนายก็ต้องอยู่ต่อ "อยู่อย่างมีสติตั้งมั่น" ข่าวจริงข่าวเท็จ นอกจากต้องกรองหลายๆ รอบแล้ว ยังต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะข่าวที่ออกจากตำรวจด้วยกันเอง ปล่อยสู่สื่อมวลชนหลายๆ สำนัก ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ในทุกเคส ทุกกรณี ทุกนาย และสำหรับเรื่องราวที่นำเสนอทั้งหมด ไม่ได้ต้องการให้ผู้อ่านเชื่อในข้อมูลใดๆ หรือคิดไปว่าเป็นการไขข้อครหาให้ บิ๊กโจ๊ก "ไทยรัฐออนไลน์" หวังเพียงดึงมุมเด็ก - เปิดมุมชีวิต ของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล คนดังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้อ่านได้รับรู้ครบทุกมุม.