“อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน” ยกคณะทำงานประชารัฐฯ ชุดใหญ่ ลงพื้นที่อุดรธานี-สกลนคร ติวเข้ม 12 จังหวัดภาคอีสานเร่งขับเคลื่อนบริษัทประชารัฐสามัคคีฯ ชู “ดอยตุงโมเดล” ต้นแบบทำงานกับชุมชนได้ทันที ไม่ต้องชะเง้อรอทางราชการ กระตุ้นทุกฝ่ายร่วมขับเคลื่อนนโยบาย “สานพลังประชารัฐ” มุ่งผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

วันนี้ 22 เม.ย.60 นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ และคณะกรรมการเศรษฐกิจ นำโดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน และนางสาวต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และคณะทำงาน ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อประชุมหารือและรับฟังการนำเสนอแผนการดำเนินงานจากตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด ในพื้นที่ 12 จังหวัด โดยมีนายสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ให้การต้อนรับ และร่วมรับฟังข้อเสนอ ณ ห้องประชุม โรมแรมเซ็นทารา

ซึ่งนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี หัวหน้าทีมภาคเอกชน ได้เสนอแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ก้าวหน้า และสำเร็จ เพื่อให้เห็นผลที่เกิดในชุมชนต่างๆ ได้แก่ เกษตร แปรรูปและท่องเที่ยวโดยชุมชนใน 12 จังหวัดของภาคอีสานตอนบน พร้อมทั้งประชุมร่วมเพื่อสรุปผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐ จ.อุดรธานี

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินงานมาแล้ว 1 ปี สิ่งที่ต้องการให้เกิดมากที่สุด คือ การดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง โดยบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) เป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นรูปแบบการทำงานที่ถูกออกแบบมาให้ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ภาควิชาการ และประชาชน ทำงานร่วมกัน จึงไม่มีสูตรสำเร็จในการทำงาน แต่มีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างรายได้ให้ชุมชนใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ในแต่ละจังหวัด ที่เป็นนิติบุคคลสามารถทำงานได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอการขับเคลื่อนจากทางราชการ โดยแนะให้ยึดวิธีการทำงานเช่นเดียวกับ “โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หรือ “ดอยตุงโมเดล” ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” บนพื้นที่ดอยตุง จ.เชียงราย ที่เริ่มจากการลงพื้นที่เพื่อคลุกคลีกับปัญหาการปลูกฝิ่นของชาวเขาอย่างจริงจัง จากการศึกษาก็พบว่าฝิ่นที่ชาวเขาขายมีราคาไม่แตกต่างจากพืชผลการเกษตรทั่วไป ซึ่งถ้าไม่ลงพื้นที่ก็จะเข้าใจว่าฝิ่นมีราคาแพงกว่าพืชผลเกษตรมาก เมื่อทราบข้อมูลก็สามารถชวนให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่นได้ มาทำพืชเกษตร และนำมาแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร พร้อมหาช่องทางการจำหน่าย เพราะถ้าขายอยู่บนดอยก็คงไม่มีคนซื้อ ก็มีการจัดตั้งบริษัท ดอยคำ ดังนั้นรูปแบบการทำงานของบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ก็เป็นโครงสร้างเดียวกับโครงการพัฒนาดอยตุง คือไม่ต้องรอทางราชการ สามารถทำงานกับชุมชนได้ทันที

...

การทำงานให้สำเร็จนั้นจะประกอบด้วยคีย์เวิร์ด 3 คำสำคัญ คือ 1. ชุมชนเป็นตัวตั้ง คัดเลือกชุมชนที่มีความพร้อมก่อน 2. เอกชนร่วมขับเคลื่อน คือบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ฯ เป็นรูปแบบบริษัทจำกัด ที่เข้ามาขับเคลื่อน โดยบริษัทฯ ต้องทำกำไร เพียงแต่กำไรจะไม่ปันผล เพราะต้องนำกำไรนี้ไปช่วยเหลือชุมชน และ 3. รัฐบาลสนับสนุน มีคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบาย สานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.) จะคอยเป็นแบ็กอัพช่วยเหลือ ในการขับเคลื่อน

การทำงานเพื่อให้เกิดผล จำเป็นต้องมีการชี้วัดความสำเร็จของบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี ฯ ในแต่ละจังหวัด โดยจะวัดใน 3 เรื่อง คือ
1. การเพิ่มรายได้ของชุมชน ซึ่งในสิ้นเดือนกันยายน จะสามารถวัดได้จากข้อมูล จปฐ.ว่าเมื่อบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด ฯ ทำงานร่วมกับชุมชนแล้ว รายได้ของชุมชนเพิ่มขึ้นหรือไม่ 2. การเพิ่มของจำนวนผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและแปรรูป ทั้งในแง่ของแพ็กเกจและคุณภาพของสินค้า 3. ชุมชนเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์ โดยระดับดีมากจะต้องมีการพัฒนาไม่ต่ำกว่า 30 ชุมชน” นายอภิชาติกล่าว

จากนั้น คณะทำงานฯ ได้กำหนดเดินทางลงพื้นที่ต่อยัง จ.สกลนคร ในวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560 เพื่อรับฟังสรุปผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐ จ.สกลนคร โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร และทีมงาน ณ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเลิงฮัง พร้อมลงพื้นที่ดูของจริงที่วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพริกบ้านหนองหอย และแปลงเกษตร ปราชญ์เกษตร นางบังอร ไชยเสนา ตำบลเชียงเครือ อ.เมืองสกลนคร เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้านการเกษตรและการแปรรูป หลังจากนั้นได้เดินทางจากแปลงเกษตรไปยังกลุ่มสกลเฮ็ด ต.ธาตุเชิงชุม โดยจะมีผู้นำกลุ่มผู้แทนสกลเฮ็ดนำเสนอข้อมูลการดำเนินงาน แนวทางการขับเคลื่อน อุปสรรค และแนวทางการขับเคลื่อนในการจัดการปัญหา ให้คณะทำงานในการลงพื้นที่ครั้งนี้รับฟัง.