สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ จัดทำเป็นสมุดไดอารี่ นำรายได้จากการจำหน่ายทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯในพิธีกงเต๊ก ที่นายเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี และครอบครัว จัดอุทิศถวายพระบรมศพ “รัชกาลที่ 9” ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันพุธที่ 12 เม.ย. รัฐบาลร่างหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ แต่ยังไม่มีการระบุวันจัดพระราชพิธี และการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชน อำนวยความสะดวกผู้มาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นวันครบรอบการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 180 และวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนมูลนิธิ สมาคมต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

ส่วนบรรยากาศการเดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพรัชกาลที่ 9 ของพสกนิกรไทยนั้น ตลอดทั้งวันที่ 10 เม.ย. มีประชาชนเดินทางมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากจังหวัดต่างๆ อาทิ มหาสารคาม ขอนแก่น น่าน ฯลฯ อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 25,331 คน รวม 158 วัน มี 5,998,462 คน มีประชาชนถวายเงินร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวม 158 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 489,638,610.01 บาท

...

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังแจ้งกำหนดการว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมาในการที่นายเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดีและครอบครัว บำเพ็ญกุศล (พิธีกงเต๊ก) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง วันพุธที่ 12 เม.ย. เวลา 19.00 น.

อีกด้านเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายรับรองและบริการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายออมสินกล่าวในที่ประชุมว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายรับรองและบริการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาและดำเนินการด้านการรับรองและบริการประชาชนที่ไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รับรองและบริการบุคคลที่ได้รับเชิญไปร่วมในพระราชพิธี

ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เตรียมการจัดสถานที่ การจัดอาหาร น้ำดื่ม การอำนวยความสะดวกเส้นทางจราจร การแพทย์พยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีร่างหมายกำหนดการในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชน ดังนี้

งานวันที่ 1 เวลา 17.00 น. พระราชพิธีพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง งานวันที่ 2 เวลา 07.00 น. พระราชพิธีเชิญพระบรมศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระเมรุมาศ เวลา 17.30-22.00 น. พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ งานวันที่ 3 เวลา 08.00 น. พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ งานวันที่ 4 เวลา 17.30 น. พระราชพิธีพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท งานวันที่ 5 เวลา 10.30 น. พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลและเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลา 17.30 น. พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร

นายออมสินยังกล่าวอีกว่า ส่วนการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชน จะดำเนินการทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ตลอดจนในต่างประเทศ ดังนี้

1.ในส่วนกลาง จะจัดตั้งซุ้มขนาดใหญ่สำหรับประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงท้องสนามหลวง จำนวน 12 ซุ้ม ได้แก่ ข้างกองสลาก (เดิม) จำนวน 2 ซุ้ม สวนสันติชัยปราการ ฐานทัพเรือกรุงเทพ (กองทัพเรือ) โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์ เชิงสะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) ลานปฐมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ ลานเซ็นทรัลเวิล์ด (สตช.) กองบัญชาการกองทัพบก (กองทัพบก) หน้าลานสนามศุภชลาศัย (กรมพลศึกษา) วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหาร พื้นที่ตามมุมเมือง จำนวน 4 ซุ้ม ณ หน้าอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ และสวนหลวง ร.9 รวมทั้งจัดตั้งซุ้มขนาดกลาง จำนวน 23 ซุ้ม ณ บริเวณถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า จำนวน 4 ซุ้ม ถนนราชดำเนินกลาง จำนวน 4 ซุ้ม ถนนราชดำเนินนอก จำนวน 6 ซุ้ม ถนนหลานหลวง จำนวน 3 ซุ้ม และตามวัดต่างๆ จำนวน 6 ซุ้ม โดยมีกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน

2.ในส่วนภูมิภาค จังหวัดและอำเภอจะจัดพิธีในทุกจังหวัดและทุกอำเภอ โดยจังหวัดและอำเภอเมืองจะจัดพิธีร่วมกัน มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน 3.ในต่างประเทศ จะจัดพิธีในพื้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุล และวัดไทยในต่างประเทศ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานการบริการและอำนวยความสะดวกในงานพระราชพิธีฯ รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมหน่วยแพทย์พยาบาลไว้คอยบริการตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งจัดอาหาร น้ำดื่ม และรถสุขา อำนวยความสะดวกประชาชนร่วมพิธีได้อย่างทั่วถึง

...

อีกด้าน นายสมชาย บุญประเสริฐ ช่างปั้นจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากกลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ให้จัดสร้างลวดลายและหล่อส่วนประกอบประดับตกแต่งพระเมรุมาศ กลุ่มประติมากรรม ตนและทีมงานได้ปั้นสัตว์หิมพานต์ สิงห์ ม้าและโคประดับสระอโนดาตเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะปั้นขึ้นรูปม้า 4 ตระกูล ประกอบด้วย 1.วลาหก กายสีขาว ศีรษะดำ ปากและเท้าสีแดง 2.อัสสาชาไนย สีเหลื่อมดั่งทอง 3.สินธพ มีหน้าเป็นม้า กายเป็นฬ่อ พ่อเป็นลา และ 4.อัศดร สีของม้าแต่ละตระกูลจะเจาะจงตามตำราจิตรกรรมโบราณฉบับวัดสุทัศน์ ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของตำราโบราณที่รวบรวมเรื่องสัตว์หิมพานต์ไว้ครบถ้วน จะปั้นม้ามากกว่า 20 ตัว สูง 40 ซม. ยืนประดับสระอโนดาต ในจำนวน 20 ตัว จะมี 8 ตัว ปั้นท่าม้าวิ่ง

นายสมชายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังจัดสร้างโคมงคลทั้งสิ้น 8 ตระกูล ประกอบด้วย 1.โคอุสุภราช มีสีกายดำนวล มีด่าง 7 แห่ง ได้แก่ หน้า หนอก หาง และเท้าทั้ง 4 2.โคกระบิน กายสีแดง บางฉบับเรียก โคจงกลนี และโคนิล 3.โคหา กายสีขาว 4.โคหงษ์ กายสีเหลือง 5.โคสีเมฆ 6.โคสีทองแดง 7.โคมีลายดุจเกล็ดปลา 8.โคสีดังเสี้ยนโตนด ซึ่งทีมช่างได้สืบค้นข้อมูลโคมงคลจากหอสมุด แห่งชาติ โดยช่างจะปั้นโคมงคลทั้งหมด 20 ตัว โดยเตรียมปั้นขึ้นรูปขนาดเท่าจริงเช่นเดียวกับม้า คาดว่าสิ้นเดือนเมษายนนี้ม้าและโคจะแล้วเสร็จร้อยละ 50 และจากการประชุมล่าสุดกับกลุ่มประติมากรรม ได้ข้อสรุปว่า นอกจากช้าง ม้า โค สิงห์ จะต้องปั้นสัตว์ หิมพานต์เพิ่มอีก 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกินรี กินนร นรสิงห์ กลุ่มหงษ์ กลุ่มนกทัณฑิมา หัสดีลิงค์ วายุภักดิ์ การวิก และกลุ่มนาค นาคปักษิณ สุบรรณเหรา เหราพต และจะเพิ่มสัตว์เล็กสัตว์น้อยกระจายตามสระต่างๆ คือ ลิง สิงหพานร พานร มฤค มัจฉานุ สางแปลง นกยูง นรเหรา ปลานิล ปลาไทยในวรรณคดี

...

วันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อจัดทำเป็นสมุดไดอารี่ นำรายได้จากการจำหน่าย ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างอาคาร นวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ และสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยสมุดไดอารี่เป็นสมุดปกแข็งพิมพ์ 4 สี หน้าปกเป็นภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ภาพซานตาครอส นั่งบนเลื่อน พร้อมกล่องของขวัญ มีกวางเรนเดียร์จูงเลื่อนและมีคำว่า “Ho Ho Ho” ถัดมาเป็นภาพตุ๊กตา และข้อความ “สุขใจสุขกายจิตใจผ่องใสพอใจอย่างพอเพียง สัมมาทิฐิ สมาธิ ปัญญา ด้วยชีวิต เรียบง่าย เดินหน้าอย่างปลอดภัยและมั่นคง” จากนั้นเป็นภาพผู้ชายถือไฟฉายและเทียน พร้อมข้อความ “แสงไฟแห่งปัญญาพร้อมสติ ก้าวไปอย่างปลอดภัย สุข แท้จริง ไม่เสียใจ ขุ่นมัว” ถัดลงมาเป็นภาพบ้าน ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ คนกำลังใส่หูฟัง พร้อมมีพระปรมาภิไธยกำกับอยู่ด้านล่างลงวันที่ 1 ม.ค.2560 ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพฝีพระหัตถ์จาก ส.ค.ส.พระราชทาน

ส่วนปกหลัง เป็นภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ จำนวน 3 ภาพ เป็นภาพครอบครัวอบอุ่น ที่ประกอบกิจกรรมต่างๆร่วมกันในแต่ละฤดู พร้อมข้อความ “จะร้อน จะฝน หรือจะเหน็บหนาว” ภายในสมุดไดอารี่ มีข้อความ “บันทึกแห่งความสุขที่พอเพียง แต่สมบูรณ์” จากนั้นเป็นภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ จำนวน 12 ภาพ โดยเป็นภาพครอบครัวที่มีความสุขและร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ปิกนิก รดน้ำต้นไม้ เต้นรำ ทำอาหาร ถัดจากนั้นเป็นข้อความ “ส.ค.ส. ภาพ ส.ค.ส. 4 แบบ” โดยเป็นบัตรอวยพร ปี 2560 ซึ่งเป็นภาพวาดฝีพระหัตถ์ ทุกภาพจะมีภาพบ้าน ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ กล่องของขวัญ คนที่กำลังมีความสุข และสุนัข พร้อมมีพระปรมาภิไธย ลงวันที่ 1 ม.ค.2560

...

ในหน้าถัดไปเป็นไดอารี่จดบันทึกทั้ง 12 เดือน พร้อมมีตารางเปรียบเทียบปีจุลศักราช รัตนโกสินทร์ศก พุทธศักราช และคริสตศักราช ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2411 ซึ่งเป็นปีที่ 1 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จนถึงสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ถัดไปเป็นหน้าสำหรับจดบันทึก โดยทุกหน้าจะมีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์เป็นภาพเล็กๆ อยู่ที่มุมซ้าย และมุมขวาของหน้าและในทุกๆ 3 แผ่นของสมุดไดอารี่ มีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ที่แสดงความอบอุ่นของครอบครัวที่ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันคั่นอยู่ และด้านท้ายของไดอารี่เป็นหน้าสำหรับจดบันทึกที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์

ผู้สนใจสามารถร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลได้ ในราคาเล่มละ 199 บาท ซึ่งวางจำหน่ายที่จุดพระราชทานอาหาร พระบรมมหาราชวัง ทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 จะมีวางจำหน่ายที่ร้านโกลเด้น เพลซ, ร้านค้าสวัสดิการข้าราชบริพารในพระองค์ 904 และร้านจักรยานสุขสำราญ ถนนสุโขทัย ร้านนายอินทร์ทุกสาขา และร้าน 7-11 รวมทั้งสั่งจองผ่านเว็บไซต์ www.royalcardx.com และที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2356-0844

สำหรับบัตรอวยพร ปี 2560 ซึ่งเป็นภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ทั้ง 4 ภาพ ที่พิมพ์ออกจำหน่ายในราคาชุดละ 90 บาท ก็ยังคงมีจำหน่ายเช่นกัน

ต่อมาเวลา 18.11 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะเฝ้าทูลละอองธุลี พระบาท รับพระราชทานเงิน 40 ล้านบาทช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยเงินจำนวนดังกล่าวเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรอวยพรและไดอารี่ภาพวาดฝีพระหัตถ์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์พร้อมคำอำนวยพรและหลักปรัชญาการปฏิบัติตนให้เกิดความสุขเชิญไปลงพิมพ์เป็นบัตรอวยพร จำนวน 4 แบบ ราคาชุดละ 90 บาท และไดอารี่ ราคาเล่มละ 199 บาท วางจำหน่ายที่พระบรมมหาราชวัง ร้านโกลเด้น เพลซ ร้านค้าสวัสดิการข้าราชบริพารในพระองค์ 904 ร้านจักรยานสุขสำราญ ถนนสุโขทัย และร้านนายอินทร์ เพื่อนำรายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชนในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทยประสบอุทกภัยอย่างหนัก ในช่วงเดือน ธ.ค.2559-ม.ค.2560 จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ในการจัดซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับช่วยเหลือราษฎร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ มีพระราชกระแสแก่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขความเดือดร้อนดังกล่าวจนบรรเทาลุล่วงไปเป็นลำดับ สำหรับเงินที่นายกรัฐมนตรีได้รับพระราชทานในโอกาสนี้ รัฐบาลจะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนเป็นเงินทุนการศึกษาพระราชทานแก่บุตรหลาน ผู้กำลังอยู่ในวัยศึกษาของครอบครัวผู้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุทกภัย รวมทั้งได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่โรงเรียนจำนวน 267 แห่ง โดยจัดพระราชทานครุภัณฑ์ โต๊ะเก้าอี้ครูและนักเรียน รวมทั้งอุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็นด้วย