เงินสะพัด 1.27 แสนล้านบาทสูงสุดรอบ 12 ปี
ม.หอการค้าไทย คาดสงกรานต์ปีนี้เงินสะพัด 1.27 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.53% ชี้คนนำเงินเดือนมาใช้จ่ายมากขึ้น จากที่ผ่านมาใช้เงินออม สะท้อนผู้บริโภคเริ่มรับรู้การมีเงินในกระเป๋าเพิ่ม ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านกรมการท่องเที่ยวชวนเที่ยวประเพณีเทศกาลสงกรานต์เชิงวัฒนธรรมใน 15 จังหวัด หวังช่วยกระจายรายได้ให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงิน อยู่ที่ 127,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.53% สูงสุดในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ทำการสำรวจมา แต่อัตราการขยายตัวไม่สูงมากนัก เพราะประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ไม่สอดคล้องกับรายได้ จึงทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่บ้าง
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า มูลค่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนนั้น ผู้ตอบส่วนใหญ่ 65.2% ตอบว่า มีการใช้เงินเพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่มีคนตอบใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 40.1% โดยให้เหตุผลของการใช้เงินเพิ่มขึ้นว่าเป็นช่วงวันหยุดยาว รายได้เพิ่มขึ้น สินค้าและบริการมีราคาแพงขึ้นจึงต้องใช้เงินมากขึ้น, ส่วนอีก 22.1% ตอบว่า ใช้จ่ายลดลง เพราะต้องการประหยัด สินค้าและบริการมีราคาแพงขึ้นจึงเข้มงวดเรื่องการใช้จ่าย และมีรายได้ลดลง โดยบรรยากาศภาพรวมเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ส่วนใหญ่ 53.1% ยังบอกว่า สนุกสนานเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ผู้ตอบ 71.6% ระบุว่า มีแผนการใช้จ่ายในเรื่องการท่องเที่ยวอยู่ ซึ่งผู้ตอบ 90.1% มีแผนจะท่องเที่ยวในประเทศ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3,951.76 บาท/คน ส่วนอีก 9.9% มีแผนเที่ยวต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และยุโรป โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 75,300 บาท/คน ขณะที่ที่มาของเงินที่ใช้ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ส่วนใหญ่ 67.4% ตอบว่า มาจากเงินเดือน, 14.3% มาจากเงินออม, 10.8% มาจากโบนัส และ 3% มาจากเงินกู้ ซึ่งโครงสร้างของที่มาของเงินที่ใช้จ่ายในปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยพบว่ามีการใช้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนที่มีผู้ตอบว่าใช้เงินเดือนอยู่ที่ 34% ขณะที่ผู้ตอบว่าใช้เงินออมในปีนี้ลดลงจากปีก่อนที่มีผู้ตอบ 34.4%
...
“ปีนี้ที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่ายเปลี่ยนแปลงไป โดยประชาชนที่ตอบว่านำเงินเดือนมาใช้มากขึ้น จนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2550 ที่เศรษฐกิจไทยโต 5% สะท้อนว่า คนเริ่มมีรายได้ มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น พอที่จะใช้เป็นฐานการใช้จ่ายได้ จึงพอตีความได้ว่า เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น” นายธนวรรธน์กล่าว
ส่วนกรณีการเข้มงวดความปลอดภัยในการเดินทางด้วยการให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรัดเข็มขัดนิรภัย หรือห้ามบรรทุกผู้โดยสารหลังรถกระบะนั้น นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มากนักเพราะรัฐผ่อนคลายกฎระเบียบให้แล้ว ต้องรอดูว่าปีหน้าจะดำเนินการอย่างไร ขณะนี้จึงยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน
ขณะที่นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ใน 15 จังหวัด โดยเน้นกิจกรรมส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนประชาชนให้ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ให้สนุก ปลอดภัย และได้สืบสานประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น และเป็นการท่องเที่ยววิถีไทย ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมสงกรานต์ที่กรมการท่องเที่ยวเข้าไปสนับสนุนใน 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน มหาสารคาม นครราชสีมา มุกดาหาร สกลนคร ระยอง และยะลา แต่ละโครงการใน 15 จังหวัด ที่กรมการท่องเที่ยวเข้าไปสนับสนุน ล้วนแล้วแต่ยังยึดถือประเพณีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม จึงขอเชิญชวนคนไทยเที่ยวงานเทศกาลสงกรานต์เชิงวัฒนธรรม ซึ่งจะได้ประสบการณ์ในรูปแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนด้วย
สำหรับการจัดงานที่สะท้อนวัฒนธรรมของแต่ละแห่ง เช่น งานประเพณีสงกรานต์ของเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 11-13 เม.ย. 2560 มีการแสดงนาฏศิลป์ รำวงย้อนยุค ดนตรีไทย และวงดนตรีลูกทุ่ง, ประเพณีสงกรานต์นุ่งผ้าเมือง ปลอดเหล้าเบียร์ จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย.2560 ภายในงานมีขบวนแห่นางสงกรานต์ของชุมชน มีการแข่งขันบั้งไฟ การเล่นน้ำตามวัฒนธรรม รวมทั้งพิธีบวงสรวงเสาหลักเมืองน่าน และโครงการประเพณีสงกรานต์ (ปี๋ใหม่เมืองลำปาง) วันที่ 9-13 เม.ย.2560 ภายในงานมีจัดขบวนแห่สลุงหลวง การอัญเชิญองค์พระคู่บ้านคู่เมือง เป็นต้น.