วันเสาร์สบายๆวันนี้มาคุยเรื่องผ้าขาวม้ากันดีกว่า ผ้าขาวม้าเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ตอนเด็กใช้เป็นเปลนอน โตขึ้นเอามานุ่งห่ม หรือโพกหัวบังแดด ถือว่าผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน ก็เหมือนกับผ้าสกอตของชาวสกอตแลนด์ หรือโสร่งของชาวพม่า ซึ่งมีอัตลักษณ์เป็นที่รู้กันทั่วโลก แต่น่าเสียดายด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้คนไทย เหินห่างจากผ้าขาวม้าไปทุกที
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก่อนการประชุม ครม. กระทรวงวัฒนธรรมและ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมรณรงค์การใช้ผ้าขาวม้าไทยในเทศกาลสงกรานต์ โดยนำ ผ้าขาวม้าทอมือ ไปโชว์ให้ นายกฯบิ๊กตู่ ดูที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นผ้าขาวม้าเกรดพรีเมี่ยมสีสันลวดลายสวยงาม
หลายปีที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมรณรงค์ให้คนไทยใช้ผ้าขาวม้ามาอย่างต่อเนื่อง และปีนี้ดูท่าเสียงตอบรับดีขึ้น เพราะได้ กรมการพัฒนา ชุมชน และ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี มาช่วยปั่นกระแส ซึ่งมีการจัดทำโครงการ “ผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย” มาตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว โดยคัดเลือก ชุมชนที่ผลิตผ้าขาวม้า ทั่วประเทศมาเฟ้นเหลือเพียง 69 ชุมชนที่ทอผ้าขาวม้าได้สวยงาม โดดเด่น มีเอกลักษณ์ มาพัฒนาต่อยอด ให้เป็นสินค้าหลากหลายรูปแบบ อาทิ เครื่องนุ่งห่ม เนกไท ของใช้ในบ้าน ฯลฯ
คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กูรูผ้าขาวม้า เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผ้าขาวม้ามีมาตั้งแต่ สมัยเชียงแสน ปรากฏหลักฐานเป็นภาพวาดอยู่ในวัดที่จังหวัดน่าน เป็นภาพคนเชียงแสนนุ่งผ้าขาวม้า สื่อถึงวิถีชุมชนที่มีนานกว่า 700 ปี คำว่าผ้าขาวม้ามาจากภาษาเปอร์เซียว่า กามาร์บันด์ (kamar band) กามาร์หมายถึงเอว หรือท่อนล่างของร่างกาย บันด์หมายถึงการพัน รัด คาด หรือในภาษาอังกฤษใช้คำว่า คัมเมอร์บันด์ (commer band) หมายถึงผ้ารัดเอวในชุดทักซิโด
...
ถ้าแบ่งผ้าขาวม้าตามลวดลายจะแบ่งได้ 4 กลุ่มได้แก่ ลายตาหมากรุก หรือตามะกอก เป็นลายตารางใหญ่, ลายตาเล็ก คล้ายลายหมากรุกที่มีขนาดเล็ก, ลายไส้ปลาไหล เป็นตารางแนวยาว และ ลายตาหมู่ เป็นการผสมผสานลายไส้ปลาไหลกับลายตาเล็กเข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละชุมชนจะมีความแตกต่างและใช้โทนสีไม่เหมือนกัน ถ้าศึกษาอย่างลึกซึ้งจะบอกได้ว่าผ้าขาวม้าลายนี้มาจากจังหวัดไหน อำเภอไหน หรือลงลึกไปถึงระดับตำบลได้เลยทีเดียว”
เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน บริษัทประชารัฐรักสามัคคีได้มีโอกาสนำผ้าขาวม้าทอมือจาก 17 ชุมชนไปจัดแสดงในงาน Amazon Fashion Week Tokyo ที่ประเทศญี่ปุ่น (เวทีแฟชั่นโชว์ระดับท็อปไฟว์ มีผู้ชมกว่า 50,000 คน รวมถึงผู้สั่งซื้อสินค้าและสื่อมวลชนจากทั่วโลก) โดยจัดทำเป็นคอลเลกชั่นผ้าขาวม้าทอมือใช้ชื่อว่า PLAY มีการวาดลวดลายสัตว์และการละเล่นไทยๆไว้บนผืนผ้า ทั้งยังดีไซน์ให้มีความเป็นสากลเหมาะกับการสวมใส่ของคนรุ่นใหม่
คอลเลกชั่น PLAY ได้รับการตอบรับอย่างดีทีเดียว ห้างสรรพสินค้า Isetan และบริษัทขายตรง Shop Channel แสดงความสนใจสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้ว
บริษัทประชารัฐฯยังได้ไอเดียทำ ผ้าขาวม้าครึ่งผืน ไปตีตลาดที่ญี่ปุ่น เพราะสินค้าญี่ปุ่นโดดเด่นในเรื่องแพ็กเกจจิ้ง ซึ่งผ้าขาวม้าครึ่งผืนมีขนาดใกล้เคียงกับ กระดาษห่อของขวัญ ของญี่ปุ่น แต่ดีกว่าตรงที่เอามารียูสใช้ประโยชน์อื่นได้ด้วย ถ้าคนญี่ปุ่นติดใจเอาไปใช้แทนกระดาษห่อของขวัญ ผ้าขาวม้าไทยก็จะมีตลาดใหญ่ให้ระบาย
โลกยุคนี้เทรนด์สิ่งแวดล้อมมาแรง การทำผ้าขาวม้าก็เกาะกระแสโลกไปด้วยเช่นกัน ใช้ สีธรรมชาติ มาทำมากขึ้น เช่น สีจากใบมะยม ใบมะม่วงเขียวเสวย เปลือกมังคุด ช่วยเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก หรือที่ปทุมธานีก็มีการทำผ้าขาวม้าจาก ใยบัว ถือเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ตอนนี้สินค้าที่ทำจากใยบัวเป็นที่นิยมในยุโรป เหมือนกันที่ “ลอโร เพียน่า” Loro Piana แบรนด์ชั้นนำจากอิตาลี เปิดตัวแจ็กเกตสูทที่ผลิตจากใยบัว ราคาตัวละ 1.6 แสนบาท
ได้เห็นหลายฝ่ายร่วมแรงร่วมใจเอาผ้าขาวม้ากลับคืนสู่วิถีชีวิตคนไทยแล้ว ผมก็พลอยปลื้มปริ่มไปด้วย ไม่เพียงส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย ทั้งยังสร้างงานสร้างรายได้แก่ชุมชนครับ.
ลมกรด