ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มี.ค.60 ปิดที่ 1,573.51 จุด บวก 4.79 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 35,671.48 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,566.48 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด GL ปิด 22 บาท บวก 0.90 บาท, ADVANC ปิด 178.50 บาท บวก 2 บาท, CPF ปิด 29.75 บาท บวก 0.50 บาท, PTT ปิด 408 บาท บวก 6 บาท และ SCC ปิด 540 บาท บวก 8 บาท
มีบทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ที่น่าสนใจถึงโอกาสที่จะเกิดการทำ Window Dressing ในงวดสิ้นไตรมาส 1 ปีนี้ โดยระบุว่า จากสถิติเดือน มี.ค.ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า นักลงทุนสถาบันมักจะขายสุทธิเฉลี่ยราว 2.25 พันล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิถึง 7 ใน 10 ปี และยังเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ (เดือน ก.ค. เป็นเดือนที่ยอดขายสุทธิเฉลี่ยสูงสุดเป็นอันดับ 1 ราว 4.8 พันล้านบาท)
และหากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีก พบว่า ในช่วงเวลา 7 วัน, 3 วัน และ 1 วันทำการสุดท้าย ก่อนสิ้นเดือน มี.ค.สถิติซื้อขายสุทธิของกลุ่มนักลงทุนสถาบันยังขายสุทธิเฉลี่ยทั้งสิ้นในทุกช่วงเวลา ดังนี้
7 วันก่อนสิ้นเดือน มี.ค. นักลงทุนสถาบันขายด้วยมูลค่าราว 1,147 ล้านบาท, 3 วันก่อนสิ้นเดือน มี.ค. ขายด้วยมูลค่าราว 465 ล้านบาท และ 1 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นเดือน มี.ค. ขายด้วยมูลค่าราว 439 ล้านบาท ตามลำดับ
หากพิจารณาจากสัดส่วนการถือครองเงินสดของกองทุนรวมหุ้นในเดือน ม.ค. พบว่าเหลือเพียง 3.00% เท่านั้น แต่ปัจจุบันนักลงทุนกลุ่มสถาบันฯ ยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยมาตลอดช่วง มี.ค. 60 กว่า 2.05 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลถึงวันที่ 23 มี.ค.60)
จึงทำให้เชื่อว่า น่าจะมีเงินสดเหลือไม่มากนักที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในช่วงท้ายของไตรมาส 1 ทำให้โอกาสที่จะเกิดการทำ Window Dressing ในงวดนี้อาจมีน้ำหนักน้อยกว่าช่วงปลายปีมาก!!
...
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดพอร์ตการลงทุนของสถาบันฯ น่าจะเป็นไปในลักษณะ Switch หรือสลับการลงทุน โดยขายหุ้นที่มี Upside เหลือน้อย แล้วไปซื้อหุ้นที่ยัง Laggard กว่าแทน ซึ่งหุ้นที่สถาบัน
ถือครองมากที่สุด 10 อันดับแรกข้อมูลสิ้นสุด ม.ค.60 มีดังนี้ PTT 24.6%, SCC 17.7%, CPALL 11.4%, AOT 7.5%, KBANK 6.7%, BJC 5.4%, SCB 5.1%, BBL 4.7%, BDMS 3.4%, ADVANC 2.5%
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลาตลาดหุ้นผันผวนเช่นนี้ แนะให้เน้นหุ้นที่สถาบันฯนิยมซื้อสะสมและราคาหุ้นยังถือว่า Laggard พื้นฐานอยู่มาก เลือก SCB, BJC, BDMS และ CPF เป็นหุ้นเด่น!!
อินเด็กซ์ 51