ครูแจงดราม่า เรียกเก็บเงินบริจาคบุญกฐิน คนละ 20 บาท ทำผู้ปกครองไม่พอใจ ยืนยันเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับ

วันที่ 28 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นดราม่าเดือดในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพห้องแชตไลน์ผู้ปกครอง ชั้น ม.1 โดยเป็นข้อความที่คุณครูประจำชั้น ขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองร่วมการบริจาคเงิน 20 บาท แต่หลายคนไม่พอใจกับคำพูดของครู จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์


ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับครอบครัวของผู้ปกครองนักเรียน เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า คุณครูให้ร่วมทำบุญคนละ 20 บาท แต่เก็บได้เพียง 740 บาท เท่านั้น จึงมีการส่งข้อความในแชตไลน์กลุ่มห้องเรียน บอกว่าผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือ และยังมีการบอกว่า เด็กควรจะเรียนที่นี้ต่อไหม ทำให้ตนไม่พอใจ

ขณะที่ค่าเล่าเรียนเราจ่ายหมดทุกอย่าง การทำบุญมันควรเป็นเรื่องแล้วแต่ศรัทธา แต่ครูเก็บบังคับ ห้องละกองเป็นเงิน 1,000 บาท ถ้าลูกเรียน 3 ชั้น จะต้องจ่ายเท่าไร ไม่ควรมาบังคับคนละ 20 บาท แล้วมาต่อว่าผู้ปกครอง ว่าสมควรให้เด็กเรียนต่อดีไหม มันไม่ใช่เรื่อง ควรไปดูการเรียนการสอน หรือเด็กหนีเรียนดีกว่าไหม ไม่ต้องมากลัวเสียหน้าเรื่องทำบุญ

...

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปโรงเรียนหนองโตงสุรวิทยาคม จ.สุรินทร์ พบกับคุณครู นวลพรรณ คนในภาพแชต ชี้แจงว่า ผู้ปกครองเอาเรื่องไปโพสต์ในโซเชียล จากนั้นก็ส่งข้อความไลน์ส่วนตัวมาขอโทษ ตนไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ทำไม มันไม่ถูกต้อง มีอะไรควรถามกันตรงๆ เพราะต้องเข้าใจโลกโซเชียล มันไปเร็วมาก มีอะไรก็โพสต์ ซึ่งห้องแชตนี้เป็นห้องไลน์ส่วนตัว หากมีอะไรก็ให้มาถามครูก่อนได้


สำหรับการทำบุญ ยอมรับว่า เป็นคนพูดเรื่อง 20 บาท แต่สิ่งที่ทำไปแล้วมันจบแล้ว ให้มาร่วมทำบุญ ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่ครูขอนะ มาร่วมมือกันคนละ 20 ถ้าไม่พอครูก็จะช่วยออกสมทบ

ประเด็นที่บอกว่า โรงเรียนที่เหมาะสมกับนักเรียน ครูคิดว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ว่าจะไล่ เพียงแต่ว่า บางครั้งเราตั้งกฎเกณฑ์อะไรขึ้นมา เราก็อยากได้ตามที่เราตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ แต่กรณีนี้ถ้าคิดว่าครูว่าไล่ออก มันก็ไม่ใช่

ส่วนคำว่า "ควรพิจารณา" องค์กรเรามีกฎมีเกณฑ์ ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราทำขึ้น คิดว่าลูกเขาอยู่ไม่ได้ หรือปฏิบัติไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง สามารถย้ายโรงเรียนได้ ไม่ได้ว่าจะไล่ออก เป็นความพอใจของผู้ปกครอง ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญ.

คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์ต้นฉบับ


ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรารัตน์ คำแหง