- ย้อนคำสัมภาษณ์เมย์ รัชนกถึงอดีตกว่าจะเป็นนักกีฬาทีมชาติ
- โรคประจำตัวของเมย์ที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง และมีผลต่อการเป็นนักกีฬา
- เมย์ไม่เคยคาดหวังจะเป็นนักกีฬาแบดฯ ทีมชาติหรือมือหนึ่งของโลก จุดเริ่มต้นเล่นแบดมินตันแค่ไม่อยากรบกวนพ่อแม่เวลาทำงาน
แม้เมย์ รัชนก อินทนนท์ จะพลาดหวังเหรียญทองโอลิมปิก 2020 มาฝากคนไทยได้ในครั้งนี้ แต่ผลงานที่ฝากไว้และเรื่องดราม่า (ประเด็นเสื้อที่ใส่แข่งขัน) ก็กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้คนไทยได้ชื่นชม ด้วยการวางตัวที่น่ารัก และฝีมือตีแบดมินตันที่โดดเด่นเช่นเคย เราอ่านบทสัมภาษณ์ของเมย์ถึงเรื่องการรับมือความกดดันในการแข่งขันรอบนี้ได้ดีขึ้น ทำให้นึกถึงประเด็นที่เมย์เคยให้สัมภาษณ์กับ Thairath Talk ไว้ เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ถึงความกดดันกับความคาดหวังของคนไทยทั้งประเทศ สิ่งที่แบดมินตันพรากชีวิตส่วนตัวไป และนิยามความรัก
"เป็นแฟนเมย์ต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย" เธอกล่าวไว้พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก และอีกหลายเรื่องราวเมย์เล่าไป ก็มีน้ำตาคลอ...
...
แบดฯ คือบันได
ให้ชีวิตทัดเทียมคนอื่น
เมย์เริ่มต้นเล่าชีวิตส่วนตัว จับไม้แบดมินตันครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ ไม่ได้มีความฝันว่าเราจะต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติ แค่ 'แม่ปุก' เจ้าของโรงงานขนมบ้านทองหยอด เจ้านายของพ่อกับแม่ ไม่อยากให้เมย์ไปวิ่งเล่นที่อื่น เลยจับให้ตีแบด เหตุผลง่ายๆ แต่เมย์ก็ต้องมนตร์และรู้สึกสนุกไปกับมัน
"อุปกรณ์แต่ละอย่างก็แทบจะได้มาจากพี่ที่เขาใช้แล้ว ตอนนั้นก็ไม่ได้มีรองเท้าที่ดีหรือสวย ใช้เป็นรองเท้าพละที่ใช้ในโรงเรียน ตอนนั้นก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรว่าตัวเองจะต้องมีเหมือนคนอื่นๆ เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ เราพยายามไม่รบกวนพ่อแม่ ดังนั้นเราจึงคิดว่าถ้าเราอยากเป็นเหมือนเขา เราก็ต้อง Active ตัวเอง"
เราถามว่าเมย์เคยมีภาพฝันว่าตัวเองจะกลายเป็นนักแบดมินตันทีมชาติไทยหรือไม่ เมย์ตอบทันที "ไม่มีภาพฝันนั้นเลย" พร้อมบอกกลั้วหัวเราะว่า ตอนเด็กๆ อยากเป็นนางรำ ชอบพวกนาฏศิลป์อะไรพวกนี้มากกว่า เวลาหลังเลิกเรียนก็อยากไปรำ แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องฝึก กลับมาเราก็ต้องซ้อม
บนโลกนี้ไม่มีอะไรง่าย
"หนูรู้สึกว่าตัวเองอยากที่จะทำผลงานให้ดีกว่าคนอื่นๆ มากกว่า ไม่จำเป็นจะต้องขึ้นไปเป็นมือหนึ่งของโลกหรืออะไร เพราะว่าการที่เราเป็นมือหนึ่งของโลก การคาดหวังมันก็มาก เฮ้ย เราเป็นตั้งมือหนึ่ง ทำไมต้องมาแพ้มือต่ำ มันจะมีเสียงแบบนี้มากกว่า ยิ่งเราโตขึ้นเราก็ยิ่งรู้ว่าบนโลกนี้มันไม่ได้มีอะไรง่ายอยู่แล้ว"
ชื่อเมย์ รัชนก อินทนนท์ ในแมตช์การแข่งขันไหน ย่อมกลายเป็นความคาดหวังของคนไทยทั้งประเทศ เหล่านี้คือความกดดันที่เมย์ต้องรับมือเสมอ
"ถ้าคนเชียร์เขาก็ต้องอยากให้เราชนะอยู่แล้ว แต่ถามใจตัวเองลึกๆ เราก็อยากชนะ แล้วกลายเป็นว่ามันเป็นการกดดันตัวเองมากกว่า การที่เรากดดันตัวเอง ฟอร์มการเล่นบางทีมันไม่ได้ 100% อย่างที่เราต้องการ มันก็รู้สึกแย่บ้าง แต่เพียงแค่ว่าก็พยายามเรียนรู้กับมันแล้วก็พยายามเข้มแข็ง
มันก็ไม่อยากแพ้ค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าวันนั้นคู่ต่อสู้มาดี แล้วบวกกับเราไม่ดีด้วย ก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ มันก็ต้องยอมรับ เพราะว่าเราจะชนะทุกสนามมันก็เทพเจ้า ซึ่งเราไม่ใช่"
โรคลับที่ไม่มีใครรู้
"หนูมีโรคส่วนตัว เป็นพาหะธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ก็เลยทำให้อาจจะเหนื่อยง่าย" เมย์เล่าเสียงเรื่อยๆ ซึ่งมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้ ยิ่งการเป็นพาหะการออกกำลังกาย ร่างกายจะเหนื่อยง่าย มีผลกับการแข่งบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับจิตใจที่จะสู้กับตัวเอง มากกว่าจะโทษที่เป็นพาหะของโรคที่แฝงอยู่ในร่างกาย
แบดมินตันฉกฉวย
โอกาสชีวิต
ตารางเวลาของนักกีฬายิ่งเป็นทีมชาติ ยิ่งชัดเจนว่าต้องฝึกซ้อม ฝึกซ้อม และฝึกซ้อม ยิ่งวัยของเมย์ รัชนกที่เริ่มเป็นนักกีฬาตั้งแต่ยังเด็ก ช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ของเมย์โดนสิ่งที่เรียกว่า หน้าที่นักกีฬาฉกฉวยความสนุกช่วงวัยรุ่นไปบ้างไหม
...
"มันก็มีบ้าง เช่นช่วงมัธยมต้นเรียนจบ ปิดเทอมเราจะต้องมีกินหมูกระทะหรืออะไรหนูก็ปฏิเสธเพื่อน"
เธอเล่าด้วยน้ำเสียงงอแงนิดหน่อย
"หนูก็เลยบอกเพื่อนว่าไปไม่ได้จริงๆ ซื้อมากินที่โรงเรียนได้ไหม แบบพวกพิซซ่าหรือเคเอฟซี ซึ่งเพื่อนก็เข้าใจ และเวลาทำงานกลุ่ม ก็เอาชื่อหนูเข้ากลุ่มด้วย" เมย์สรุปปิดท้ายได้น่ารักสมวัย อย่างน้อยชีวิตนักกีฬาทีมชาติก็มีเพื่อนวัยเดียวกันเข้าใจสิ่งที่เมย์เป็น
ยังไม่โฟกัสเรื่องรัก
ชีวิตความรักฉบับเมย์ รัชนก นักแบดมินตันทีมชาติไทย ข่าวคราวเรื่องทำนองนี้ก็มีออกมาบ้างเป็นสีสันของคนวงการกีฬา โดยเมย์บอกชัดเจนว่า "เป็นแฟนเมย์ต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย (หัวเราะ) เพราะหนูเป็นนักกีฬา เขาต้องเข้าใจเราตรงที่เราไม่มีเวลา"
นักกีฬาสาววัย 26 ปีผู้นี้ขยายความต่อว่า ความรักมันทำให้เรากระชุ่มกระชวยก็จริง แต่ถ้ามีเรื่องทะเลาะกันหรือคิดมาก ก็จะทำให้หงุดหงิด ในช่วงเวลานี้เลยอยากโฟกัสที่หน้าที่ของตัวเองก่อน เพราะโอกาสตอนนี้ช่วงเวลานี้สำคัญที่สุด
...
ผู้เขียน : Bouquet Talk