เหล่าอาจารย์ในแวดวงร่างทรง ประสานเสียงเห็นด้วยจัดระเบียบร่างทรง ปิดช่องโหว่ ไม่ให้มิจฉาชีพใช้ความศรัทธาความเชื่อมาหากิน หลอกลวงผู้คน วอนประชาชนใช้วิจารณญาณ เชื่ออย่างมีขอบเขต...

จากกรณีที่มีคลิปการทรงเจ้า ทำพิธีกรรม ร่ายรำ ทำท่าทาง อาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่างทรง 4.0 แม่โจ๊กร่างทรงพระแม่อุมา และร่างทรงพุ่มพวง เผยแพร่ในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลายว่าร่างทรงเป็นเรื่องจริง หรือแหกตา มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรงถึงประเด็นดังกล่าว

ล่าสุดเกิดกระแสเรียกร้องให้มีการจัดระเบียบร่างทรง ท้าพิสูจน์ และตั้งกฎกติกาในการเป็นร่างทรง ไม่ให้มีการหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ

ด้านอาจารย์รุ่งโรจน์ พ่อปู่หัวช้าง หรือ ร่างทรงพระพิฆเนศชื่อดัง เห็นด้วยกับการจัดระเบียบ เพราะทุกวันนี้มีคนแอบอ้างว่ามีอิทธิฤทธิ์และสามารถติดต่อกับองค์เทพได้ ซึ่งล้วนเป็นมิจฉาชีพที่คอยหลอกเอาเงินกับผู้ศรัทธา ดังนั้นหากมีข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ก็เป็นเรื่องที่ดี

ส่วนการหาข้อพิสูจน์เจ้าเข้าทรงจริงหรือไม่นั้น มองว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องยากที่จะหาข้อพิสูจน์ได้ มันอยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคล อยากให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินกันเอาเอง ส่วนตัวอยากให้การจัดระเบียบมุ่งเน้นเรื่องของการปิดช่องโหว่ไม่ให้มิจฉาชีพใช้ความศรัทธามาหากินกับประชาชน

ก่อนทิ้งท้ายเกี่ยวกับพิธีกรรมการไหว้ครูของคนทรงในยุคนี้ ว่ามันผิดหลักตามประเพณี อยากให้เหล่าร่างทรงไปศึกษาธรรมเนียมการปฏิบัติให้ถูกต้องตามแบบแผน มุ่งจัดงานด้วยความศรัทธา อย่าให้เอิกเกริกจนเป็นเหตุให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน อยากให้ถือตนให้อยู่ในคุณธรรมและความดีงามเวลาประกอบกิจต่างๆ

เช่นเดียวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ อาจารย์เรย์ คนเทวดา ที่มียอดผู้ติดตามบนโลกโซเชียล 5,000 คน เห็นด้วยกับการจัดระเบียบร่างทรง หากจะมีหน่วยงานเข้ามาจัดระเบียบ เพราะทุกวันนี้เรื่องของความศรัทธาถูกปนเปื้อนไปด้วยการพาณิชย์ ดังนั้นหากมีการจัดระเบียบจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ยิ่งหากร่างทรงมีการแสดงที่ดูมากจนเกินไป อยากให้มีการตรวจสอบในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปิดช่องทางไม่ให้คนที่ไม่มีอิทธิฤทธิ์จริง มีพื้นที่ในการหลอกลวงประชาชน และอยากให้ผู้ศรัทธาใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจและใช้สติปัญญานำความคิด ส่วนตนเองนั้นเป็นผู้นับถือในฤาษีชีวก เชื่อในเรื่องของการทำความดี การปฏิบัติยึดมั่นในศีล และหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

...

ด้านปู่มหามุนีโตอริยมุนีดาบส จอมขมังเวทย์ เปิดเผยว่า เห็นด้วยหากจะมีการจัดระเบียบร่างทรง แต่จะต้องใช้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ พราหมณ์ และครูผู้มีวิชา ซึ่งมีการร่ำเรียนทางด้านศาสนพิธีต่างๆ หากเป็นหน่วยงานรัฐอย่างเดียว อาจกลายเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ต้องมีการสร้างระเบียบกรอบการปฏิบัติร่วมกัน

"ร่างทรงเองก็สามารถจำแนกออกมาได้หลายแบบ ทั้งจากการร่ำเรียน สายเลือด การรับขันธ์ หรือสภาวะที่ทำให้มีเทพเลือก แต่ละคนก็ต้องมีการประพฤติปฏิบัติ ทำศาสนพิธี ร่างทรงจะอ้างไม่ได้ว่าไม่สามารถบังคับเทพ เมื่อต้องพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เพราะเมื่อคุณทรงร่าง คุณทำพิธีอัญเชิญเทพ เทพย่อมมีเมตตามาช่วยเหลือ เหมือนคุณไปเชิญคนมาออกรายการ เขาต้องมามีธุระอะไรก็ต้องบอก ไม่ใช่บอกว่าบังคับเทพไม่ได้มันย้อนแย้ง เพราะตอนคุณเชิญท่านก็มา"

นอกจากนี้ฝากถึงคนที่ศรัทธา ความเชื่อนั้นต้องมีขอบเขต ต้องมีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเชื่อและศรัทธา ไม่ใช่เชื่อโดยไม่มีความรู้ การจะแยกว่าร่างทรงไหนจริงหรือไม่จริง ดูได้ไม่ยาก หากคุณศรัทธาให้สวดมนต์ บูชาข้าวของ อย่างวัดแขกไม่ใช่ไม่มีการทรง แต่มันจะมีแค่ปีละครั้ง มีการทำพิธีบูชาเทพต่างๆ “ไม่ใช่ลงกันมั่วไปหมด พุ่มพวงบ้าง ตัวละครในวรรณคดีบ้าง มันไม่ใช่”.